Titanic เป็นชื่อของหนังดังในปี 1997 ที่สร้างประวัติศาสตร์ใหญ่ ๆ ขึ้นมาหลายอย่างทั้งการเข้าชิงทั้งรางวัลออสการ์มากถึง 14 รางวัล และคว้าไปได้ 11 รางวัล และทั้งการเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำอีก 8 รางวัล ที่คว้ามาได้ถึง 4 รางวัล ซึ่งจากทั้ง 2 เวทีสำคัญของวงการหนังโลกนี้ ตัวหนังก็สามารถคว้ารางวัลใหญ่ไปได้ทั้ง รางวัลหนังยอดเยี่ยม และ รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม (เจมส์ คาเมรอน) รวมถึงเพลงประกอบยอดเยี่ยมอย่าง My Heart Will Go On ที่ขับร้องโดย เซลิน ดิออน ก็ยังเป็นเพลงฮิตที่ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตทั่วโลก รวมถึงมียอดขายเกิน 2 ล้านแผ่น (ระดับแผ่นเสียงทองคำ) ในอเมริกาและอีกหลายประเทศ ซึ่งก็ยังไปคว้ารางวัลเพลงแห่งปีและบันทึกเสียงแห่งปีจากเวทีแกรมมีอีกด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักแสดงนำอย่าง ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ และ เคต วินสเลต ที่ดังเป็นพลุแตกจากบทคู่พระนางนามว่า แจ็ก กับ โรส สร้างปรากฏการณ์โรมิโอและจูเลียตแห่งปลายศตวรรษที่ 19 ขึ้นมาเลยทีเดียว
ทั้งนี้คงต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งในความสำเร็จดังกล่าวเพราะเป็นเรื่องราวที่ยืนพื้นมาจากโศกนาฎกรรมจริงที่เกิดขึ้นกับเรือเดินสมุทรขนาดยักษ์ของโลกในปี 1912 ระหว่างการเดินทางจากเมืองเซาท์แทมป์ตัน สหราชอาณาจักร ไปยังนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และทำให้ตัวหนังมีเลือดและเนื้อของเหยื่อมากกว่า 1,514 ชีวิตบนเรือหล่อเลี้ยงชีวิตให้กับตัวหนังได้อย่างสั่นสะเทือนอารมณ์ และฉากที่น่าจะสั่นไหวหัวใจเรามากที่สุดก็คือนับตั้งแต่เรือได้พุ่งชนภูเขาน้ำแข็งจวบจนกระทั่งค่อย ๆ จม จนกระทั่งหักครึ่งลำและดิ่งลงสู่พื้นสมุทรอย่างรวดเร็วนั่นเอง และแน่นอนว่าฉากลอยคอรอการช่วยเหลือสุดแสนโรแมนติกและสะเทือนใจของผู้รอดชีวิต รวมถึงแจ็กกับโรสน่าจะเป็นอีกฉากที่ฝังในสายตาและหัวใจของผู้ชมมาจนวันนี้
และเพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวในโอกาสครบรอบ 108 ปีที่เรือไททานิกจมในคืนวันที่ 14 เมษายนนี้อีกครั้ง เราจึงขอแนะนำการรับชมวิดีโอสามมิติที่แสดงตามเวลาจริงนับตั้งแต่เรือไททานิกพบภูเขานำแข็งจนกระทั่งจมลงใต้มหาสมุทรเวลาความยาวกว่า 2 ชั่วโมง 40 นาที ราวกับเป็นเรือบดที่เฝ้าดูสภานการณ์อยู่ภายนอกเรือ ซึ่งสร้างโดยทีมงาน Four Funnels Entertainment Co. และเป็นโพรเจกต์หนึ่งของการสร้างเกมไททานิกที่สมจริงที่สุดในชื่อ Titanic: Honor And Glory ที่ตอนนี้มีเดโมให้มาลองเล่นกันทั้งแบบปกติและแบบ VR ด้วย (สนใจกดที่นี่)
และใครที่ต้องการความอินสุด ๆ เรียลไทม์ในเรียลไทม์ก็แนะนำให้เริ่มดูวิดีโอด้านล่างนี้ตอนเวลา 23.39 น. ในคืนวันที่ 14 เมษายนเพื่อให้ตรงกับเวลาจริงบนเรือ ยาวไปจนเรือไททานิกจมลงราว ๆ ตี 2 กับ 20 นาทีของวันที่ 15 เมษายนกันเลย
ทั้งนี้ถ้าอยากชมเรียลไทม์ในแบบหนังฉบับปี 1997 คุณต้องเริ่มดูหนังในเวลา 22.00 น. แล้วเรือในหนังจะเริ่มชนภูเขาน้ำแข็งตอน 23.39 น. พอดีกับเวลาจริงที่เรือชนเลย และถ้าคุณเริ่มดูหนังที่เวลา 23.39 น. เรือไททานิกในหนังจะจมลงเวลา 02.20 น. พอดีกับเวลาจริงที่เรือจมมิดพอดี เรียกว่าเจมส์ คาเมรอน คิดเวลาของหนังมาเหมาะเจาะจริง ๆ
กดชมหนัง Titanic ตามเวลาดังกล่าวทางเน็ตฟลิกซ์ได้ ที่นี่ เลย
และหากชอบอ่านรายละเอียดต่าง ๆ จากบันทึกในเหตุการณ์ เราก็ขอแสดงลำดับเวลาของการชนและจมของเรือไว้พร้อมกับภาพประกอบจากหนังดังนี้
ในคืนวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1912 เวลาประมาณ 22.45 น. ขณะที่ไททานิกเดินทางอยู่ทางใต้ของ แกรนด์แบงก์ หรือบริเวณน้ำตื้นไหล่ทวีปอเมริกาเหนือในมหาสมุทรแอตแลนติก (ตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะนิวฟันด์แลนด์ ประเทศแคนาดา) ภายนอกเรือเกิดอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วจนเกือบถึงจุดเยือกแข็งทำให้น้ำทะเลรอบเรือนิ่งจนแทบไม่มีคลื่น ในตอนนั้นไม่มีใครบนเรือที่รู้สึกถึงความผิดปกตินี้ จนกระทั่งอีก 5 นาทีต่อมา เรือแคลิฟอร์เนียน ที่ลอยลำอยู่แถบนั้นได้ส่งข้อความเตือนมายังไททานิกว่าตอนนี้เกิดน้ำแข็งในบริเวณนี้ทำให้ยากลำบากต่อการเดินเรือ
23.39 น. เวรยามเสากระโดงเรือแจ้งว่าได้พบภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อยู่ในเส้นทางที่เรือแล่นไป แม้เหล่าลูกเรือจะพยายามเลี้ยวลำเพื่อหลบ แต่ด้วยความไม่สันทัดการบังคับเรือขนาดใหญ่ทำให้ 1 นาทีต่อมาเรือไททานิกจึงขนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งอย่างจัง
วิศวกรของเรือได้เข้าประเมินความเสียหายพบว่า ตัวเรือได้ชนกับภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวาด้านหัวเรือ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของเรือทำให้เกิดรอยรั่วในห้องเครื่องซึ่งจะทำให้น้ำทะเลท่วมห้องเครื่องสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อท่วมชั้นล่างสุดคือชั้น F จนมิดแล้วจะเริ่มไหลขึ้นชั้นถัดไป น้ำทะเลจะล้นกำแพงกั้นน้ำและเข้าท่วมห้องเครื่องที่เหลือจนจมในที่สุด สถานการณ์นี้กล่าวคือเรือไททานิกกำลังจะเริ่มจมจากหัวเรือ และเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะจมทั้งลำ
00.05 น. ของวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 เพียงราว ๆ 20 นาทีหลังชน น้ำเริ่มท่วมส่วนห้องพักของผู้โดยสารชั้นสาม กัปตันเรือสั่งให้ลูกเรือเตรียมเรือบดไว้พร้อมอพยพด่วน เริ่มมีการปลุกผู้โดยสารที่หลับให้สวมเสื้อชูชีพและทำร่างกายให้อบอุ่น ก่อนจะลำเลียงไปรวมกันที่ดาดฟ้า ข่าวลือเรื่องเรือกำลังจะจมแพร่ไปทั่วเรือ แต่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อเพราะเรือโฆษณาไว้ว่าเป็นเรือที่ไม่มีวันจม พวกเขาจึงยังทำกิจกรรมต่าง ๆ ต่อไปอย่างใจเย็น และบางส่วนที่ขึ้นไปที่ดาดฟ้าและเจอสภาพอากาศหนาวจัดก็รีบกลับเข้าไปข้างในตัวเรืออีก ในช่วงเวลานี้ผู้โดยสารดูไม่ตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขากำลังจะเผชิญว่าน่ากลัวเพียงใด อีกด้านวิทยุของเรือได้รับการติดต่อว่าเรือลำใกล้สุดที่สามารถเดินทางมาช่วยไททานิกได้ ต้องใช้เวลาแล่นมาถึง 4 ชั่วโมงซึ่งดูจะนานเกินไปมากทีเดียว
00.25 น. เรือบดทุกลำพร้อมอพยพผู้โดยสาร กัปตันสั่งให้เริ่มอพยพโดยให้สตรีและเด็กลงเรือไปก่อน แต่เพราะการซ้อมอพยพที่ควรเกิดขึ้นในเช้าวันก่อนหน้านี้ถูกยกเลิกทำให้ลูกเรือไม่รู้ว่าเรือบดสามารถจุคนได้เท่าไร ทำให้เรือบดถูกปล่อยออกไปทั้งที่ยังจุคนไม่เต็ม และส่งผลให้ช่วยชีวิตคนได้เพียง 712 คนจากความจุที่ควรช่วยได้ 1,178 คน
00.50 น. เริ่มยิงพลุขอความช่วยเหลือขึ้นฟ้า
01.00 น. ผู้โดยสารและลูกเรือเห็นความตึงเครียดและเริ่มเชื่อว่าเรือกำลังจะจมจริง ๆ จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นทั่วลำเรือ แถวต่อคิวขึ้นเรือบดเกิดการยื้อแย่งวุ่นวายอย่างหนัก แต่ในเวลาเดียวกันผู้โดยสารชายหลายคนก็เสียสละให้เด็กและผู้หญิงได้ขึ้นเรือบดไปก่อนเช่นกัน
01.25 น. น้ำทะเลเข้าท่วมจนมิดหัวเรือไปแล้วราว 10 นาทีก่อน ความวุ่นวายทวีความรุนแรงขึ้นจนเจ้าหน้าที่ต้องใช้ปืนคุมสถานการณ์ เหล่านักดนตรีบนเรือได้แสดงสปิริตพยายามเล่นดนตรีเพื่อผ่อนคลายความตื่นตระหนกของคนบนเรือตลอดเวลา และบรรเลงไปจนนาทีสุดท้ายของชีวิต เพลงสุดท้ายที่พวกเขาบรรเลงก่อนความตายมาเยือนเป็นเพลงช้าในชื่อ Nearer, My God, to Thee ซึ่งเป็นเพลงที่ชาวคริสต์ร้องเพื่อแสดงความไว้อาลัยแก่ผู้วายชนม์
02.00 น. น้ำเริ่มไหลเข้าท่วมดาดฟ้าเรือบริเวณส่วนหัว ไม่นานปล่องควันเรือปล่องหน้าสุดก็โค่นลงเพราะแรงดันน้ำ และเปิดทางให้น้ำทะลักเข้าไปในตัวเรือส่งผลให้ท้ายเรือเริ่มยกตัวสูงขึ้นและเริ่มเอียงไปทางซ้ายมากขึ้น 5 นาทีต่อมา เรือบดทุกลำบนเรือถูกปล่อยออกไปจนหมด แต่ยังคงเหลือผู้คนมากกว่า 1,500 คนถูกทิ้งไว้บนเรือ ตอนนี้ท้ายเรือเริ่มยกสูงขึ้นจนเห็นใบจักรลอยขึ้นมาอย่างชัดเจน เรือเอียงมากดูน่ากลัว ผู้โดยสารที่เหลือต่างหวาดผวา บางคนยอมโดดลงมาจากตัวเรือหวังจะตายเอาดาบหน้าโดยว่ายน้ำไปขึ้นเรือบดที่ลอยลำอยู่ ทว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตก่อนจะว่ายไปถึงจากความหนาวเย็นของน้ำทะเล เพราะเรือบดต่างพายออกห่างจากเรือไททานิกค่อนข้างไกลมากเพื่อป้องกันแรงดูดเมื่อไททานิกจม
02.18 น. ระบบไฟฟ้าบนเรือหยุดทำงาน ไม่กี่อึดใจต่อมาเรือก็ขาดออกเป็นสองท่อนจากบริเวณปล่องควันที่ 3 ของเรือ เสียงผู้คนหวีดร้องอย่างโหยหวน การหักครั้งนี้ทำให้ครึ่งหน้าของเรือจมดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ดึงส่วนท้ายเรือลอยสูงขึ้นมา ส่งผลให้ส่วนท้ายเรือเกือบตั้งฉากกับพื้นน้ำ และค่อย ๆ จมลงในแนวดิ่ง
02.20 น. คือเวลาทางการที่ได้รับการบันทึกว่าเรือไททานิกทั้งลำได้จมลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ผู้โดยสารและลูกเรือที่ขึ้นเรือบดไม่ทันถูกทิ้งให้ลอยคอบนน้ำทะเลที่เย็นยะเยือก ในขณะที่ด้านเรือบดเองก็ต้องเข้าไปช่วยอย่างระมัดระวังเพราะมีโอกาสที่คนที่ลอยคออยู่จะกรูแย่งกันขึ้นเรือจนฉุดเรือบดพลิกคว่ำจมลงตามไปด้วย
03.00 น. เสียงหวีดร้องระงมที่ขอความช่วยเหลือจากคนที่ลอยคออยู่เริ่มเงียบลง เป็นเวลากว่า 40 นาที ที่ผู้ลอยคออยู่สู้เอาชีวิตรอดและพ่ายแพ้แก่ความหนาวเย็น เรือบดที่ลอยลำอยู่เริ่มเข้าไปช่วยเหลือนำและสามารถช่วยผู้รอดชีวิตมาได้เพิ่มเพียง 14 คน และถึงอย่างนั้นก็มี 3 คนในนี้ที่ทนความทรมานจากความหนาวเย็นไม่ไหวและสิ้นใจไป
04.10 น. เรือ อาร์เอ็มเอส คาร์พาเธีย ซึ่งอยู่ใกล้สุดได้เข้าไปถึงบริเวณที่เรือจมและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตบนเรือบดทั้งหมดสำเร็จ ทั้งหมดถึงนครนิวยอร์กในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1912 รวมมีผู้รอดชีวิต 710 คน และมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 1,514 คน นับเป็นเหตุการณ์โศกนาฏกรรมทางทะเลในช่วงที่ไม่ใช่สงครามที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส