พลอตนิยมในหนังไซไฟ ไม่ว่าจะเป็นหนังฮอลลีวู้ด หนังญี่ปุ่น หรือฮ่องกง ก็มักจะพูดถึงเรื่องการเดินทางข้ามเวลา การท่องอวกาศ หรือมักจะพูดถึงเหตุการณ์สมมติในโลกอนาคต ย้อนไปในยุค 90s หรือ 00s หนังไซไฟหลาย ๆ เรื่องที่มักจะเล่าเรื่องราวในอนาคต แล้วปีที่หนังเหล่านี้ระบุเจาะจงไว้ก็มักจะเป็นปี 2020 ถ้ามองจากวันที่ดูหนังเหล่านี้อยู่มันก็ไกลพอดูล่ะ ถ้าดูในปี 2000 มันก็ตั้งอีก 20 ปีข้างหน้านะ วิทยาการโลกก้าวไปเร็ว เราน่าจะได้เห็นเทคโนโลยีแปลกใหม่อีกตั้งมากมาย หนังหลาย ๆ เรื่องก็คาดการณ์เทคโนโลยีอนาคตได้แม่นยำด้วย อย่างเรื่อง Back to the Future 2 ก็ทำนายเทคโนโลยีในปี 2015 ถูกตั้งหลายอย่าง แล้วปี 2020 ก็เป็นปีที่เลขสวยซะด้วยสิ เป็นปีที่เริ่มต้นทศวรรษใหม่ด้วย เรามาดูกันซิว่า หนังในอดีตที่พูดถึงปี 2020 มีเรื่องอะไรบ้าง แล้ววาดภาพปี 2020 ไว้อย่างไรบ้าง ตรงบ้างไหม
1.Mission to Mars (2000)
ผู้กำกับ : ไบรอัน เดอ พัลมา
นักแสดง : ทิม ร็อบบินส์ , แกรี เซนิส , ดอน ชีเดล
ย้อนอดีตตัวหนัง :
เป็นหนังอีกแนวที่ฮอลลีวู้ดสร้างมาชนกัน ด้วยเหตุการเริ่มต้นยุคมิลเลนเนียม การที่สร้างหนังเกี่ยวกับวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการค้นพบสิ่งแปลกใหม่บนดาวอังคาร น่าจะเข้ากับบรรยากาศแล้วเรียกความสนใจจากผู้ชมได้ดี แต่กลับกลายว่าหนัง “ดาวอังคาร” คว่ำทั้ง 2 เรื่อง ดิสนีย์เป็นฝ่ายประเดิมก่อนด้วยเรื่อง Mission To Mars ออกฉายในวันที่ 6 มีนาคม 2000 ส่วนวอร์เนอร์ ก็ปล่อย Red Planet ตามมาในช่วงปลายปี 10 พฤศจิกายน ทั้ง 2 เรื่อง ไม่สามารถสร้างความประทับใจได้จากนักวิจารณ์และผู้ชม Red Planet ค่อนข้างเจ็บหนักกว่า ลงทุนไป 80 ล้านเหรียญ ได้เงินกลับมาแค่ 33 ล้านเหรียญ ส่วน Mission to Mars เจ็บน้อยกว่า ทำเงินได้ 110 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างที่ 100 ล้านเหรียญ
มองปี 2020 ไว้ว่า :
หนังทั้งสองเรื่อง มองการณ์ไกลในอีก 20 ปี ข้างหน้า ไว้ว่า วิทยาการทางอวกาศของมนุษย์น่าจะส่งมนุษย์อวกาศไปสำรวจดาวอังคารได้สำเร็จแล้ว แต่เอาเข้าจริง ๆ วิทยาการของ NASA เพิ่งส่งยานไปสำรวจสภาพอากาศบนดาวอังคารได้สำเร็จเมื่อปี 2019 นี่เอง มองจากจุดนี้ไป เรายังห่างไกลความเป็นจริงนัก ที่จะส่งมนุษย์อวกาศตัวเป็น ๆ ไปเดินบนดาวอังคาร แต่กระนั้นการส่งมนุษย์ไปสำรวจดาวอังคาร ก็ยังเป็นเป้าหมายหลักของ NASA
2.Edge of Tomorrow (2014)
ผู้กำกับ : ดัก ไลแมน
นักแสดง : ทอม ครูซ, เอมิลี บลันต์
ย้อนอดีตตัวหนัง :
หนึ่งในหนังที่ประสบความสำเร็จของ ทอม ครูซ ที่ผู้คนเฝ้ารอภาคต่อมาจวบจนทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แวว ทอม ครูซ รับบทเป็น เมเจอร์ เคจ ทหารโลกอนาคต ที่ต้องรบกับสัตว์ต่างดาวจอมดุร้าย เคจ เจอเหตุการณ์ประหลาดในชีวิต หลังจากเขาโดนสัตว์ต่างดาวฆ่าตายในสนามรบ เขาจะย้อนเวลามามีชีวิตอีกครั้งในหนึ่งวันก่อนหน้าที่เขาจะตาย แต่ความทรงจำเดิมยังอยู่ครบ และจะวนลูปไปอย่างนี้จนกว่าเขาจะสามารถสังหารสัตว์ต่างดาวได้ ทั้งนักวิจารณ์และคนดูชื่นชอบอย่างมาก บอกว่าหนังเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของ Independence Day กับ Groundhog Day
มองปี 2020 ไว้ว่า :
แม้ว่าหนังจะทำนายล่วงหน้าเพียงแค่ 6 ปีเองนะ หนังออกฉายในปี 2014 แต่ก็มองว่าในปี 2020 โลกมนุษย์เราจะโดนกองทัพต่างดาวโจมตี กองกำลังทหารทั่วโลกต้องร่วมมือกันทำศึกกับมนุษย์ต่างดาวกันเสียแล้ว อาวุธ ชุดเกราะ และยุทโธปกรณ์ ดูก้าวล้ำมาก แต่เอาเข้าจริง ๆ เรายังไม่มีวี่แววจะได้รับการติดต่อจากวิทยาการต่างดาวเลย ไม่ว่าจะมาดีหรือมาร้าย แต่อย่ามาอย่างในหนัง Edge of Tomorrow เลยนะ เพราะสัตว์ต่างดาวในเรื่องนี้ดูน่ากลัวและดุร้ายมาก
3.Real Steel (2011)
ผู้กำกับ : ชอว์น เลวี
นักแสดง : ฮิวจ์ แจ็กแมน , เอวานเจลีน ลิลลี
ย้อนอดีตตัวหนัง :
ฮิวจ์ แจ็กแมน เป็นอดีตนักมวยที่อาชีพตัวเองต้องจบลง เพราะคนดูชอบดูหุ่นยนต์ต่อยกันมากกว่า เขาก็เลยหันมาเป็นโค้ชฝึกหุ่นยนต์ให้ขึ้นไปต่อสู้บนสังเวียน ความหวังในอาชีพของเขาฝากไว้กับหุ่นยนต์ภาพลักษณ์ดูกระป๋องกระแป๋งตัวหนึ่ง ที่โดนเจ้าของเดิมเขี่ยทิ้ง แล้วพระเอกเราต้องฝึกเจ้าหุ่นตัวนี้ให้กลายเป็นเจ้าสังเวียน หนังได้รับเสียงตอบรับดีจากนักวิจารณ์และคนดู หนังทำรายได้น่าพอใจ กวาด 299 ล้านเหรียญจากรายได้ทั่วโลก
มองปี 2020 ไว้ว่า :
จากมุมมองของหนัง Real Steel ถ้าเป็นจริงก็คงน่าสนุกดีนะ วันนี้เราคงมีกีฬาสุดมันส์ประเภทใหม่ให้ได้เชียร์กันกระหึ่ม มีแชมป์โลกเป็นหุ่นยนต์กัน จะว่าไปมุมมองจากหนังเมื่อ 9 ปีที่แล้ว จะมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันก็ไม่น่าใช่ เพราะกีฬาหุ่นยนต์สู้กันก็มีมาตั้งแต่ก่อนยุคมิลเลนเนียมแล้วด้วยซ้ำ ปี 2000 ช่อง Discovery Channel ยังมีสารคดีฮิตเรื่อง Battlebots ที่เล่าถึงวงการกีฬาหุ่นยนต์ต่อสู้กัน มุมมองจากผู้สร้างก็เลยมองว่าในอนาคตอีก 9 ปีข้างหน้า มนุษย์ก็น่าจะสร้างหุ่นยนต์ตัวใหญ่ ๆ ให้มาสู้กันบนสังเวียนได้อย่างจริงจังล่ะ
4.Reign of Fire (2002)
ผู้กำกับ : ร็อบ โบว์แมน
นักแสดง : แมทธิว แม็กคอนาเฮย์, คริสเตียน เบล, เจอร์ราร์ด บัตเลอร์
ย้อนอดีตตัวหนัง :
สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดใน Reign of Fire ก็คือแคสติ้งรวมนักแสดงชายสายถึกทน แมทธิว แม็กคอนาเฮย์, คริสเตียน เบล และ เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ 3 รายนี้ ให้มาอยู่ด้วยกันในหนังเรื่องเดียวได้ ทุกวันนี้ชื่อของ 3 คนนี้ก็ยังใช้แปะหัวหนังเรียกแฟนประจำให้กลับมาซื้อตั๋วได้อยู่เลย แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อ 18 ปีที่แล้ว ขนาดว่ามีดาราเรียกแขก 3 คนนี้ แถมยังเป็นแนวแอ็กชัน โลกอนาคต ที่มีมังกรพ่นไฟมาบินกันว่อน หนังก็ยังคว่ำได้ หนังใช้ทุนสร้างไปไม่มากนัก แค่ 60 ล้านเหรียญ แต่กวาดรายได้ทั่วโลกมาได้เพียง 82 ล้านเหรียญ ไม่แน่นะ ถ้านำกลับมาสร้างใหม่ในวันนี้ หนังอาจจะประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม เพราะหลังจากกระแส Harry Potter, Lord of the Rings และ Game of Thrones ที่มีมังกรเป็นตัวละครที่มีสีสัน คนดูก็เริ่มชอบดูมังกรกันมากขึ้นแล้วนะ
มองปี 2020 ไว้ว่า :
นี่คือหนังที่มุมมองโลกในปี 2020 ได้แฟนตาซีหลุดโลกที่สุดแล้ว ในจำนวน 10 เรื่องในรายชื่อนี้ หนังจัดอยู่ในกลุ่ม Dystopian โลกอนาคตในวันที่อารยธรรมล่มสลาย เพราะการถือกำเนิดของเหล่ามังกรพ่นไฟ ที่ผุดมาจากใต้ผืนโลก ออกสังหารมนุษย์แทบหมดโลก และกลายเป็นเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตที่ครองโลก มนุษย์ที่เหลือต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เอาชีวิตรอด คงไม่ต้องบอกว่า โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
5.A Quiet Place (2018)
ผู้กำกับ : จอห์น คราซินสกี
นักแสดง : จอห์น คราซินสกี, เอมิลี บลันต์
ย้อนอดีตตัวหนัง :
หนึ่งในหนังม้ามืดที่ประสบความสำเร็จอย่างเกินคาด เพราะมาด้วยสไตล์หนังสัตว์ประหลาดจากยุค 50s แต่ผลออกมาพลิกล็อกเกินคาด ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากนักวิจารณ์และผู้ชม หนังใช้ทุนสร้างจุ๋มจิ๋มเพียง 17 ล้านเหรียญ แต่กวาดรายได้ทั่วโลกไปถล่มทลายถึง 340 ล้านเหรียญ ส่งให้ชื่อของนักแสดงที่แทบไม่มีงานอย่าง จอห์น คราซินสกี กลายเป็นผู้กำกับและเขียนบทที่วงการต้องหันมามองเขาใหม่ด้วยสายตาชื่นชม และสตูดิโอต้องรีบอนุมัติสร้างภาคต่ออย่างรวดเร็ว
มองปี 2020 ไว้ว่า :
ด้วยช่องว่างห่างจากปีที่ออกฉายเพียงแค่ 2 ปี ไม่น่าจะใช้คำว่าทำนายโลกอนาคตได้ แต่เป็นมุมมองที่ไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่เป็นภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้เกินคาดเดา ด้วยการรุกรานจากสิ่งมีชีวิตนอกโลก ที่ไม่ได้มาดี แต่เป็นเอเลียนสายพันธุ์ดุร้าย ที่มีเอกลัษณ์เฉพาะคือไม่ใช้สายตาในการมองหาเหยื่อ แต่จะล่าเหยื่อจากเสียง และการเคลื่อนไหว ทำให้ A Quiet Place เป็นหนังไซไฟสยองขวัญ ที่ลุ้นกันสุดตัวแทบทุกนาทีของหนัง ไม่แปลกที่หนังประสบความสำเร็จได้ถึงเพียงนี้
6.Terminator : Dark Fate (2019)
ผู้กำกับ : ทิม มิลเลอร์
นักแสดง : อาร์โนลด์ ชวาร์เซนเนกเกอร์
ย้อนอดีตตัวหนัง :
หนังออกฉายในช่วงปลายปี 2019 แต่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดในปี 2020 แฟน ๆ มอง Terminator : Dark Fate ด้วยสายตาที่มีความหวัง เพราะเอือมระอากับคุณภาพของแฟรนไชส์ในช่วงท้าย ๆ ที่ออกทะเลไปไกล และนี่คือการกลับมาสู่อ้อมอกของ เจมส์ คาเมรอน ผู้ให้กำเนิด และจะเล่าเรื่องราวต่อจาก T2: Judgment Day ภาคที่ดีที่สุดในแฟรนไชส์ แต่แล้ว เจมส์ ก็ทำลายความหวังของคนดูจบสิ้น หนังไม่ได้ดีไปกว่าภาคหลัง ๆ ที่คนดูผิดหวังเลย ทำให้หนังล้มเหลวทั้งรายได้และเสียงตอบรับจากทั้งนักวิจารณ์และคนดู จากทุนสร้างที่ 185 ล้านเหรียญ หนังทำรายได้ทั่วโลกไปเพียง 261 ล้านเหรียญ เป็นการปิดประตูภาคต่อของแฟรนไชส์อันทรงคุณค่า ด้วยน้ำมือของผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเอง
มองปี 2020 ไว้ว่า :
แม้ว่าจะเป็นหนังไซไฟที่พูดถึงเรื่องการเดินทางย้อนเวลา แต่ในภาคนี้ที่กำหนดสถานการณ์ในเรื่องให้เกิดขึ้นในปี 2020 แต่หนังก็เล่าเรื่องราวไปบนบรรยากาศปัจจุบัน ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรที่ผิดแผกไปจากที่เราเป็นอยู่กันจริง เพราะใจความหลักของหนัง ไปอยู่ที่เทคโนโลยีก้าวล้ำของตัวหุ่นที่มาจากโลกอนาคต ที่ต้องมาเผชิญกับอาวุธหนักในยุคปัจจุบัน แต่ถ้ามองภาพรวมของแฟรนไชส์นี้ จากมุมมองของภาคแรกที่ออกมาเมื่อปี 1984 แล้ววาดอนาคตปี 2029 ว่าโลกมนุษย์จะถูกยึดครองด้วยระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ ที่สร้างหุ่นยนต์ออกมาล้างบางมนุษย์โลก ในวิสัยทัศน์ของผู้เขียนนั้น กลียุคจะเกิดขึ้นในอีก 9 ปี ข้างหน้า ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าวิทยาการ AI จะไปได้ใกล้เคียงกับจุดนั้นแล้วแม้แต่น้อย
7.Pacific Rim (2013)
ผู้กำกับ : กีเยร์โม เดลโทโร
นักแสดง : ไอดริส เอลบา, ชาร์ลี ฮันแนม, รินโกะ คิคูชิ
ย้อนอดีตตัวหนัง :
เป็นวิสัยทัศน์ที่ออกแนวคอมิก ได้ย้อนอดีตความบันเทิงวัยเด็กที่ได้ดูยอดมนุษย์ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดยักษ์ ผ่านวิทยาการซีจีในยุคปัจจุบัน ทำให้ได้ภาพหุ่นยนต์ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดยักษ์ที่ดูสมจริงสมจังมากขึ้น ความดีความชอบส่วนใหญ่ตกเป็นของ กีเยร์โม เดลโทโร ผู้กำกับอัจฉิรยะที่ทำหนังได้ทุกแนว ทั้งแนวขายความบันเทิงสุด ๆ เอาใจผู้ชม และแนวที่โดนใจนักวิจารณ์กวาดรางวัลทุกเวที ความสำเร็จของหนังทำให้ทั่วโลกได้รู้จักคำว่า “ไคจู” ที่เป็นชื่อเรียกสายพันธุ์สัตว์ประหลาดยักษ์ ที่ออกมาจากรอยแยกใต้ผืนโลก แล้วออกอาละวาดทำลายบ้านเมือง หนังภาคแรกเปิดตัวได้สวยงาม กวาดรายได้ไป 411 ล้าน จากทุนสร้าง 190 ล้านเหรียญ ทำให้หนังมีภาคต่อตามออกมาในปี 2018 แต่รายได้ลดฮวบกว่าครึ่ง ทำให้ไม่มีการพูดถึงภาค 3
มองปี 2020 ไว้ว่า :
แม้ว่าเหตุการณ์หลักของหนังจะเกิดขึ้นในปี 2025 แต่หนังมีการย้อนอดีตถึงเหตุการณ์ฝังใจของตัวละครหลัก ราลีย์ เบ็กเก็ต นักบินผู้ขับเคลื่อนหุ่นยนต์ยักษ์ต่อสู้กับไคจู แล้วเขาต้องเสียพี่ชายที่เป็นนักบินร่วมในระหว่างต่อสู้กับไคจูในปี 2020 ซึ่งวิสัยทัศน์ของผู้เขียนที่มองโลกในปี 2020 ในมุมมองที่เป็นไซไฟ-แฟนตาซี ว่าถ้าเหตุการณ์เกิดจริงตามหนัง Pacific Rim ในปีนี้เราต้องออกมายืนหน้าบ้านคอยเชียร์หุ่นยนต์จากฝ่ายมนุษย์โลก ที่กำลังต่อสู้กับไคจูกันแล้วล่ะ แต่ลองคิดเล่น ๆ ด้วยวิทยาการตามจริงในปีนี้ เรายังไม่ใกล้ความเป็นจริงที่จะมีหุ่นรบทรงพลังที่มนุษย์เข้าไปขับเคลื่อนได้เลย ถ้ามีไคจูออกมาถล่มโลกจริง ๆ ก็คงต้องยอมรับชะตากรรม ดูมันพ่นไฟใส่ผู้คนไปแบบตาปริบ ๆ กันล่ะ
8.Voyage To The Prehistoric Planet (1965)
ผู้กำกับ : เคอร์ติส แฮร์ริงตัน
นักแสดง : เบซิล แรธโบน, เฟธ โดเมอร์กิว, มาร์ก แคนนอน
ย้อนอดีตตัวหนัง :
หนึ่งในผลงานของ โรเจอร์ คอร์แมน เจ้าพ่อแห่งวงการหนังเกรดบี ในยุค 60s เรื่องนี้โรเจอร์ คอร์แมน ไปซื้อหนังไซไฟจากรัสเซียเรื่อง Planeta Bur มาตัดต่อใหม่ แล้วถ่ายทำบางฉากเพิ่มเพื่อแทรกลงไป เรื่องราวของทีมมนุษย์อวกาศที่โลกส่งไปสำรวจดาววีนัส แล้วต้องพบว่าที่วีนัสนั้นยังอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทั่วทั้งดาวมีแต่ไดโนเสาร์เพ่นพ่านเต็มไปหมด ฉากบนดาววีนัสนั้น เป็นฟุตเตจเดิมของหนังรัสเซีย ส่วนโรเจอร์ คอร์แมน ควักงบถ่ายทำเพิ่มแค่สถานีสื่อสารบนดวงจันทร์ Voyage To The Prehistoric Planet จัดอยู่ในกลุ่มหนังเกรดบี ที่คุณภาพสมชื่อ โรเจอร์ คอร์แมน ฉายแล้วก็จบไป ไม่มีใครอยากพูดถึง
มองปี 2020 ไว้ว่า :
เป็นหนังที่เก่าที่สุดในรายชื่อนี้แล้ว หนังออกฉายในปี 1965 แต่กำหนดเรื่องราวเหตุการณ์ในปี 2020 เรียกว่ามองจากอดีตเมื่อ 55 ปีที่แล้วเลย ด้วยจินตนาการของหนังที่หลุดโลกสุด ๆ ผู้คนก็เลยมองวิสัยทัศน์ของหนังเป็นเรื่องตลก เพราะตามจริงแล้วดาววีนัสนั้น ห่อหุ้มไปด้วยคาร์บอนด์ ไดออกไซด์ สิ่งมีชีวิตไม่สามารถดำรงอยู่ด้วย และอากาศร้อนจัดขนาดว่าโลหะยังหลอมละลาย แต่หนังก็ดันเขียนว่ามีไดโนเสาร์อยู่กันได้สบายใจ คงไม่ต้องมองกันว่า 55 ปีต่อมา วิทยาการโลกไปได้ใกล้เคียงกับมุมมองของหนังเมื่อ 55 ปีแล้วเพียงใด อย่าเพิ่งพูดถึงวีนัส วันนี้เรายังไปไม่ได้ไกลกว่าดวงจันทร์เลยจ้ะ
9.Roujin Z (1991)
ผู้กำกับ : ฮิโรยูกิ คิตาคูโบะ
ให้เสียงพากย์ : ชิสะ โยโกยามะ, โทนี แบร์รี่, ชินจิ โอกาวะ
ย้อนอดีตตัวหนัง :
มาพูดถึงหนังแอนิเมชันกันบ้าง เรื่องราวในแนวไซไฟที่ว่าด้วยโตเกียวในปี 2020 จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นจนโรงพยาบาลรองรับไม่ไหว รัฐบาลจึงนำเทคโนโลยีทางด้านสาธารณสุขมาดูแลผู้ป่วย ด้วยการผลิตเตียงผู้ป่วยอัจฉริยะควบคุมทุกอย่างด้วยคอมพิวเตอร์ ทำได้หมดทั้งเสิร์ฟอาหาร ยา และสิ่งบันเทิงสารพัน เป็นการลดจำนวนพยาบาลที่ต้องมาดูแล แต่ทั้งหมดอยู่ในสายตาของพยาบาลรายหนึ่ง ที่สงสารคุณปู่ท่านหนึ่งที่ต้องจมอยู่กับเตียงผู้ป่วยอัจฉริยะ เป็นการดูแลที่ไร้มนุษยธรรม ไม่เหมือนมนุษย์ปฏิบัตต่อมนุษย์ด้วยกัน เธอจึงพาคุณปู่หนีออกจากโรงพยาบาล แม้วิสัยทัศน์ของหนังจะยอดเยี่ยม แต่ก็เป็นแอนิเมชันเรื่องหนึ่งที่ไม่ประสบความสำเร็จนักขณะที่ออกฉาย
มองปี 2020 ไว้ว่า :
เป็นมุมมองจากหนังเมื่อ 29 ปีที่แล้ว ก็นับว่ามีบางส่วนที่คาดเดาโลกมนุษย์ในปีนี้ ได้ใกล้เคียง โดยเฉพาะเรื่องจำนวนประชากรผู้สูงอายุ ที่เพิ่มมากขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลกต่างต้องเตรียมการรองรับ แต่จะว่าไปไอเดียเตียงผู้ป่วยอัจฉริยะนี่ก็เป็นแนวทางที่น่าสน ถ้าเพียงแต่ยังอยู่ในสายตาหมอและพยาบาล ไม่ใช่ปล่อยให้เทคโนโลยีดูแล แล้วทิ้งบรรดาคนชราให้หงอยเหงาโดดเดี่ยว นอนติดเตียงไปวัน ๆ
10.Yesterday (2002)
ผู้กำกับ : ชอง ยุนซู
นักแสดง : คิม ซุงวู, คิม ยูนจิน, ชอย มินซู
ย้อนอดีตตัวหนัง :
หันมาดูหนังเกาหลีใต้กันบ้าง เป็นมุมมองโลกจากเมื่อ 18 ปีที่แล้ว เป็นหนังแอ็กชัน-ไซไฟ ที่มีพลอตน่าสนใจ เมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานฝีมือดีต้องมาร่วมงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้างาน เพื่อตามล่าฆาตกรต่อเนื่อง ที่มีฉายาว่า “โกไลแอต” ที่มีประวัติการก่ออาชญากรรมาแล้วกว่า 30 ปี แม้ว่าพลอตหนังจะดูน่าสนใจ แต่นี่คือหนังที่สร้างเสร็จก็ลงแผ่น ดีวีดี เลย
มองปี 2020 ไว้ว่า :
หนังไม่ได้พูดถึงวิทยาการอนาคตไว้มากมายนัก แต่จุดสำคัญที่หนังพูดถึงไว้คือ ในปี 2020 นั้น เกาหลีเหนือ-ใต้ได้รวมชาติกันแล้ว แต่นี่ไม่ใช่หนังการเมือง เรื่องราวการรวมชาติจึงเป็นแค่ฉากหลังของเรื่องเท่านั้น ซึ่งบทหนังเองก็ไม่ได้มีคำอธิบายในเรื่องการรวมชาติเลยว่า เกิดขึ้นเมื่อไหร่ และด้วยเหตุผลใด แต่ไปมุ่งเน้นในเรื่องการไล่ล่าฆาตกรต่อเนื่องเป็นหลัก