ในตอนที่หนังออริจินัลคอนเทนต์ของ Netflix อย่าง Extraction กำลังเดินหน้าทำลายสถิติผู้รับชมสูงที่สุดของสตรีมมิงเจ้านี้อยู่ในขณะนี้จนภาคสองได้รับไฟเขียวให้เดินหน้าสร้างต่อได้ อีกหนึ่งหนัง Netflix ที่เคยดังมาก่อนเมื่อ 2 ปีที่แล้วก็เหมือนจะมีความคืบหน้ามากขึ้น สำหรับหนังคู่หูตำรวจมนุษย์และออร์คอย่าง Bright ที่นำแสดงโดย Will Smith และ Joel Edgerton
Netflix วางแผนจะสร้างภาคต่อของ Bright มานานแล้ว ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2017 โดยตั้งใจจะให้ David Ayer (Suicide Squad, End of Watch) ผู้กำกับของภาคแรกมาสานงานต่อ แต่โพรเจกต์ก็ยังไม่เดินหน้าไปไหนตลอด 2 ปีจนในที่สุดก็มีการเปลี่ยนผู้กำกับมาเป็น Louis Leterrier ที่ได้รับการว่าจ้างเรียบร้อยแล้ว
Leterrier นั้นก็ห่างหายไปนานจากการทำหนังใหญ่พอสมควร ผลงานเก่า ๆ ที่น่าสนใจของเขาคือ Transporter 2 (2005), The Incredible Hulk (2008), Clash of the Titans (2010) และ Now You See Me (2013) ภาคแรก ล่าสุดเขาเพิ่งกำกับซีรีส์แนวแฟนตาซีให้ Netflix เรื่อง The Dark Crystal: Age of Resistance (2019) จำนวน 10 ตอน และได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์อย่างล้มหลาม จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะได้รับเลือกให้มาสานต่อหนังเรื่อง Bright เพราะก็มีประสบการณ์ทำหนังฟอร์มยักษ์มาแล้วหลายเรื่อง
นักแสดงนำจากภาคแรกทั้ง Will Smith และ Joel Edgerton จะกลับมารับบทตำรวจคู่หูอีกครั้ง หนังมีฉากเป็นโลกคู่ขนานของโลกมนุษย์ปัจจุบันที่กำหนดให้เหล่าตัวละครจากเทพนิยายมีอยู่จริงและร่วมอาศัยอยู่กับมนุษย์บอกเล่าเรื่องราวของคู่หูตำรวจมนุษย์ และตำรวจออร์คตนแรกของกรมตำรวจแอลเอ ที่ไม่เพียงจะต้องปรองดองกันให้ได้ในการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน ทั้งคู่ยังได้พบคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเด็กสาวที่เป็นเอลฟ์กับวัตถุโบราณชิ้นหนึ่งที่ผู้คนหลงลืมไปแล้ว และต้องปกป้องไม่ให้อยู่ในมือคนผิดที่จะนำไปใช้สร้างความปั่นป่วนให้แก่โลก
หนังในภาคแรกทุนสร้าง 90 ล้านเหรียญฯ เต็มไปด้วย ออร์ค, แฟรี่, เอลฟ์ แถมยังพูดถึงประเด็นปัญหาเรื่องคนผิวสีกับคนผิวขาวแบบ Black Lives Matter และ Blue Lives Matter ที่เป็นกระแสในสหรัฐฯ ช่วงปี 2017 ด้วย ในแง่คำวิจารณ์ ค่อนข้างเป็นหนังที่เสียงแตกระหว่างฝั่งนักวิจารณ์กับฝั่งผู้ชมครับ คะแนนเว็บไซต์มะเขือเน่าของฝั่งนักวิจารณ์ให้หนังสอบผ่าน 26% ขณะที่ฝั่งผู้ชมทั่วไปให้ 85% (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF ได้ที่นี่)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส