Our score
6.4Mrs. Serial Killer
จุดเด่น
- หนังบันเทิงมาก แต่บันเทิงแบบตรรกะวิบัติ
- ถ่ายภาพสวย
- มีอะไร ฮา ๆ มาทำให้คลายเครียดได้ดีนะ
จุดสังเกต
- ปมที่ปูไว้เยอะ จนปิดไม่ลง
- หักมุมได้ไม่สมเหตุสมผลเลย (คือยังถามหาเหตุผลอยู่ได้มั้ยก็ไม่รู้นะ)
- ย้ำว่า ทิ้งทั้งสมองและสติ ก่อนสตรีม
-
ความสมบูรณ์บทภาพยนตร์
5.0
-
งานสร้าง
7.0
-
นักแสดง
7.0
-
ความบันเทิงตามแนวหนัง
7.0
-
คุ้มค่าเวลา ชวนดูจนจบ
6.0
หลัง มิตรยันจอย (มาโนช บัจปายี) สามีที่เป็นศัลยแพทย์ถูกกล่าวหาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง โสนา (แจ็กเกอลีน เฟอร์นานเดซ) ภรรยาแสนดีที่กำลังตั้งท้องต้องหาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของสามี โดยคนที่เธอเชื่อว่าเป็นต้นเหตุให้เขาต้องติดคุกก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น สารวัตร อิมราน ชาฮิด (โมหิต ไรนา) ตำรวจและอดีตคนรักเก่าที่มุ่งมั่นจับสามีของเธอเข้าคุกให้จงได้ แต่เมื่อหลักฐานมัดตัวจนไม่อาจต่อสู้ด้วยกฎหมายได้ ทางเดียวที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของสามีคือการทำให้ทุกคนเห็นว่าฆาตกรยังลอยนวลอยู่ แม้เธอจะต้องมือเปื้อนเลือดก็ตาม
ชิงรักหักสวาท ฆาตกรรมสยอง บู๊เวอร์ ๆ สไตล์ภารตะและตรรกะวิบัติจนโคตรบันเทิง
ตัวหนังเขียนบท กำกับ ตัดต่อ และทำเพลงประกอบโดย ชิริช คุนเดอร์ อดีตมือตัดต่อหนังดังหลายเรื่องจนทำให้ Mrs. Serial Killer มีสไตล์การตัดต่อภาพที่หวือหวาซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ แต่จุดเด่นที่สุดของหนังคือการยำใหญ่หนังหลายแนวไว้ด้วยกัน ที่สำคัญคือยิ่งเดินเรื่องไปเรื่อย ๆ มันยิ่งพาเราไปสู่จุดที่ไม่อาจหาเหตุผลอะไรมารองรับได้อีกแล้ว เพราะลำพังแค่ฉากเปิดเรื่องที่นำเสนอ โสนา ในบทบาทฆาตกรโรคจิตก่อนจะย้อนมาเล่าที่มาของเหตุการณ์ทั้งหมดที่บอกได้เลยว่าโคตรวายป่วง
เมียระดับอาจารย์ กับ การตัดสินใจที่เด็กประถมยังงง
อย่างที่เราได้ปูไว้แล้วว่าตัวหนังของ Mrs. Serial Killer ไม่อาจดูด้วยตรรกะของการดูหนังแบบธรรมดามนุษย์โลกได้ โดยเฉพาะการที่หนังสร้างความคลุมเครือให้ตัวนางเอกของเรื่องแบบ 100 คาแรกเตอร์ก็ยังน้อยไป โดยเริ่มจากบทเมียแสนสวยขี้เล่นตอนวีดีโอคอลคุยกับสามี สักพักวางสาย อ้าว ! มีตำรวจแฟนเก่าเข้ามาขอดื่มเหล้า แต่ดันแอบเอาหลักฐานทางพันธุกรรมสามีชอปปิ้งซะเพลินเชียว แล้วไป ๆ มา ๆ หนังก็ตัดไปอย่างรวดเร็วว่าไปเจอศพในพื้นที่ของสามีเธอจนถูกจับขังคุก โอ๊ย ! นี่ขนาดยังไม่เข้าประเด็นสำคัญของเรื่องเลยนะเนี่ย หนังก็เล่นยกมาทั้ง CSI, หนังฆาตกรต่อเนื่องฮอลลีวูด ไปยันละครหลังข่าวบ้านเรามาเขย่า ๆ รวมกัน แต่หากคิดว่านี่เป็นแค่หนังสืบสวน ชิงรักหักสวาท สยองขวัญ คุณคิด…ผิด !
ดราม่ากฎหมายกะต๊อง กับ งานจัดแสงสไตล์ Susperia ที่มาแบบไม่ต้้งตัว
อย่างที่กล่าวไว้ว่าหนังแทบจะเหมือนแกงโฮะที่เครื่องเยอะเหลือเกิน เพราะไม่ทันไรมันก็มีฉากดราม่ากฎหมายขึ้นโรงขึ้นศาลมาเพื่อจะพาเราไปรู้จักกับ ทนายชื่อ บริจ รัสโตคิ (ดาชาน จะริวาลา) คนไข้ของมิตรยันจอย สามีของเธอที่สร้างความประทับใจแรกด้วยการเป็นทนายติดเตียง ! ใช่ครับ อ่านไม่ผิดหรอก เพราะนี่คือทนายที่ว่าความแบบ Work From Home แก้ต่างผ่านวีดีโอคอลเว้ยเฮ้ย ! จะมีอะไรประหลาด ๆ มาอีกมั้ยเนี่ย?
แต่ก่อนเราจะ “มุปอร” ไปที่ความเฮี้ยนของหนังต่อ อยากจะบอกว่าตัวหนังถ่ายภาพมาได้สวยสดงดงามมาก และที่สำคัญก็คือมันไม่สนโทนหนัง (มันยังมีโทนอีกเหรอวะ) ด้วยการยัดอะไรก็ตามที่ผู้กำกับเห็นว่าสวยแกก็ยัดมาหมด กระทั่งบ้านของอีตาทนายที่เป็นสไตล์คฤหาสน์ดูหรูหรายังอุตส่าห์ไปจัดแสงบูชาครูดาริโอ อาเจนโต มาหมด ม่วงเหลือง ดูสวยหลอนชอบกลเชียวแหละ
บ้าให้สุด บู๊ให้แหลก แหกทุกกฎเกณฑ์
เอาล่ะ มารื้อฟื้นกันนิดนึงว่าหนังมีโทนความเป็นสยองขวัญตอนต้น ๆ ที่มีการพบศพสไตล์หนัง CSI ใช่ไหมครับ เอาล่ะ..ในเมื่อหนังมีคำว่า Serial Killer มาตีหัวเข้าบ้านขนาดนี้จะให้มันหลบซ่อน พลิกผันแบบหนัง เดวิด ฟินเชอร์ ก็กะไรอยู่ เอาวะ..หนังเลยให้ โสนา สวมรอยฆาตกรซะเลย เฮ้ย ! คือตอนดูก็อุทานออกมาดังไม่ต่างจากคุณผู้อ่านหรอกครับ คืออีตาทนายมันให้โสนาไปจับเหยื่อสาว ๆ แบบเดียวกับฆาตกรมาฆ่าเลียนแบบให้สามีเธอพ้นผิด!
และการที่หนังพาเรามาสู่จุดนี้ก็ทำให้เรารู้ความลับของโสนา ( รึเปล่าก็ไม่รู้เพราะมันไม่ได้ปูมาตั้งแต่ต้นเรื่อง) คือนางเป็นอาจารย์สอนแพทย์เว้ยเฮ้ย! แล้วปรากฎว่าการที่นางต้องมาฝึกเป็นฆาตกรก็ทำให้หนังได้โชว์ความเปิ่นแบบ “ครั้งแรกนะคะ” ของนางออกมาได้น่าเอ็นดูมาก แม้ความสมเหตุสมผลต่าง ๆ จะกลายเป็นของแปลกปลอมในหนังเรื่องนี้ก็ตาม แต่มันก็ถูกวางสถานการณ์ไว้เป็นขั้นเป็นตอนนะครับ
เริ่มต้นนางไปหาเหยื่อที่คลินิกหมอสูติเพื่อหาเหยื่อที่กำลังท้องแบบฆาตกร อุตส่าห์หาเอาคนแปลกหน้าแล้วนะ ปรากฎนางก็ต้องไปเลือกลูกศิษย์นางที่ทะลึ่งเป็นเทควันโดสายดำ แม่เจ้า ! แล้วนางก็วางแผนจะโป๊ะยาสลบลักพาตัวไปแอบซ่อนไว้รอฆ่า ก็ปรากฎยาสลบนางโดนคนใช้วางยาใส่น้ำเปล่าแทนอีก เฮ้ย! จนรู้ตัวอีกทีหนังก็พาเราไปสู่ซีนบู๊ของสองสาวท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์ที่เหมือนหลุดมาจากหนังทิม เบอร์ตัน ปน ๆ มั่ว ๆ กับแสงกระสือ ยังไงชอบกล จนกลายเป็นฉากบู๊ที่ดูเพลินและบันเทิงจนเสียสติมาก ๆ จ้า
เมื่ออยากหักมุม จนหักศอก แทบจบไม่ลง
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ด้วยความที่หนังมันพยายามใส่ความวายป่วง ยำเหตุการณ์และแนวหนังจนมั่วซั่วไปหมด ก็เลยทำให้ปมต่าง ๆ ของมันพันกันอีรุงตุงนัง บางปมที่ปูไว้หนังก็ทิ้งไปเฉย ๆ บ้าง เช่นอีตาทนายบ้านผีสิง หรือ เหตุและผลที่หนังมาเฉลยว่าฆาตกรตัวจริงทำไปเพราะอะไร แถมหนังยังพยายามใส่แนวคิดเฟมินิสต์มาแบบผิดที่ผิดทางก็ทำให้ตอนจบของมันกลายเป็นแค่อีกหนึ่งความประหลาดที่อาจไม่ได้สร้างความประทับใจได้เท่ารายทางที่หนังพาเราไปผจญกับความเพี้ยนฉบับภารตะได้เท่าไหร่นัก ดังนั้น หากจะดูหนังเรื่องนี้ก็แนะนำอย่างเดียวว่า นอกจากจะต้องทิ้งสมองไว้ก่อนสตรีมแล้ว หากทิ้งสติด้วยจะทำให้ดูหนังได้บันเทิงมาก ยิ่งหาเพื่อนชวนดูชวนคุยได้ระหว่างดูด้วย รับรองจะเป็นประสบการณ์การดูหนังเพี้ยน ๆ ที่มันส์มากเลยแหละ
อ่านแล้วอยากดูหนังคลิกลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
https://www.netflix.com/th/title/81076113
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส