Release Date
08/09/2018
ผู้กำกับ
Tom Harper
เขียนบท
Nicole Taylor
นำแสดงโดย
Jessie Buckley, Sophie Okonedo, Julie Walters
ความยาว
101 นาที
Our score
10.0Wild Rose (2018)
จุดเด่น
- นักแสดงนำยอดเยี่ยมทุกคน แสดงได้อย่างไร้ที่ติ ถ่ายทอดความรู้สึกถึงผู้ชมได้ โดยไม่ต้องระเบิดอารมณ์
- เจสซี บัคลีย์ ยอดเยี่ยมทั้งการแสดง และความสามารถในการร้องเพลง ที่อยู่ในระดับนักร้องดี ๆ คนหนึ่งเลย
- เพลงเพราะ มีท่อนฮุคให้ติดหู แล้วสนุกไปกับเพลงได้ โดยที่ไม่ต้องชื่นชมหรือรู้จักเพลงคันทรี่มาก่อน เนื้อหาของเพลงก็สอดคล้องกับเนื้อหาของหนังในแต่ละช่วง
- ชอบในการเลือกหยิบแง่มุมที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่ามีคนกลุ่มเล็ก ๆ ในยุโรปเช่นกันที่หลงใหลในบทเพลงคันทรี่
- หนังฝากข้อคิดหนัก ๆ เรื่องสำนึกในตัวตน เมื่อความฝันกับภาระรับผิดชอบ นั้นสวนทางกัน
- แม้เป็นหนังเพลง แต่ก็ไม่อัดเพลงเข้ามาเยอะเกินไป จังหวะที่สอดแทรกเพลงเข้ามาลงตัว และได้อารมณ์อิ่มเอม
จุดสังเกต
- ไม่มีข้อเสียให้ตำหนิเลยจริงๆ
ผมเปิด Wild Rose ดูโดยที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังเลย รู้แค่ว่าเป็นหนังเพลง แล้วได้เสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์มากมาย แต่กลับกลายเป็นหนังที่สะกดให้อยู่หน้าจอได้ตลอด แล้วมีความสุขไปกับแต่ละนาทีของหนังที่ผ่านไป กลายเป็นหนังโปรดของผมไปอีกเรื่อง และน่าจะถูกใจคนที่ชอบหนังเพลง
Wild Rose เป็นหนังอังกฤษออกฉายเมื่อปี 2019 เปิดตัวตามเทศกาลหนัง แล้วก็ไม่ได้ออกฉายในวงกว้าง ทำเงินไปแค่ 7 ล้านเหรียญ เจสซี่ บัคลีย์ นางเอกของเรื่องได้เข้าชิง Bafta สาขานักแสดงนำหญิง ส่วนเพลงประกอบจากหนังได้รางวัล 25th Critics’ Choice Awards
ชอบที่หนังเลือกหยิบแง่มุมที่เราไม่เคยรับรู้มาก่อน ในฐานะคนฟังเพลงสากลก็ได้เรียนรู้เรื่องราวในอดีตมาว่า อเมริกาเป็นเมืองขึ้นทางดนตรีของอังกฤษมาโดยตลอด ศิลปินจากอังกฤษเมื่อโด่งดังแล้วล้วนต้องไปตระเวนโชว์ในอเมริกา แต่ใน Wild Rose เล่าเรื่องของ โรสลิน ฮาร์ลาน หญิงชาวเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตต์แลนด์ ผู้หลงใหลในดนตรีคันทรี่ เธอมีอาชีพเป็นนักร้องเพลงคันทรี่ในผับมาตั้งแต่อายุ 14 ปัจจุบันเธอน่าจะอายุประมาณ 24 ปี มีความใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากจะเป็นนักร้องคันทรี่ชื่อดัง ถึงกับโทษตัวเองเสมอมาว่าเธอควรเกิดในแนชวิลล์ สหรัฐอเมริกา เมืองหลวงของดนตรีคันทรี่ ไม่ควรมาเกิดในสกอตต์แลนด์เลย ที่แขนเธอก็สักคำว่า Three Chords and The Truth สาเหตุที่เธอลุ่มหลงเพลงคันทรี่
หนังไมได้ลงลึกอดีตของโรสลิน แต่ก็พอจะเผยให้เราได้รู้ว่าเธอเป็นสาวใจแตก เธอมีลูกสาววัย 9 ขวบ และลูกชายวัย 4 ขวบ ไม่มีการเอ่ยถึงสามีของเธอ เส้นทางชีวิตของโรสลินมาชะงักเพราะคืนหนึ่งหลังเล่นดนตรี เธอเมาแล้วโยนเฮโรอีนข้ามกำแพงเข้าไปในเรือนจำ เธอให้การปฏิเสธว่าเมาจนไม่รู้ว่านั่นคือเฮโรอีน ติดคุกไป 1 ปี กลายเป็นภาระของยาย หรือแม่ของโรสลินที่ต้องมาดูแลลูกทั้ง 2 ให้เธอ ระหว่างที่จำคุก พอพ้นโทษมา ที่ผับก็มีวงแทนแล้ว โรสลินจึงต้องไปทำงานเป็นแม่บ้านรายวัน แต่ก็ยังไม่ล้มเลิก ยังคงหาทางดิ้นรนที่จะไปแจ้งเกิดในแนชวิลล์
พลอตออกแนวดราม่าหนัก ๆ แต่มีสอดแทรกเพลงคันทรี่เข้ามาเป็นระยะ เรื่องราวของหนังก็ชวนให้เราตั้งคำถามกับตัวเองอยู่หลายขณะ ว่าฉันควรจะเชียร์ให้โรสลินประสบความสำเร็จตามความฝันของเธอดีไหมนะ เพราะยิ่งหนังเดินหน้าไป เราก็ยิ่งรู้จักตัวตนของเธอมากขึ้น ซึ่งนอกจากความสามารถในการร้องเพลงแล้ว เธอแทบไม่มีอะไรดีเลย แล้วหนังก็ตั้งโจทย์หนัก ๆ ให้เราใคร่ครวญว่า “เมื่อความฝันกับความรับผิดชอบ มันอยู่คนละทางกัน ถ้าเป็นเราจะเลือกทางไหน”
นั่นคือสิ่งที่โรสลินต้องเผชิญ ช่วงเวลาที่เธอติดคุกไป 1 ปี ทำให้ลูกสาวโกรธเคืองเธอและไม่พูดกับเธอ ส่วนแม่ก็มีท่าทีเย็นชาใส่ ในขณะที่เธอกำลังใช้ช่วงเวลานี้รื้อฟื้นความสัมพันธ์กับแม่และลูกสาว แต่แล้วเธอก็มองเห็นโอกาสที่จะคว้าความฝันนั้นใกล้เข้ามา แต่การไล่คว้าความฝันนั้นคือเธอต้องกลายเป็นคนที่ไร้ความรับผิดชอบทั้งแม่ลูก ๆ ของเธออีกครั้ง
สำหรับผมนี่คือหนังน้อยเรื่องที่ไม่มีจุดใดให้ตำหนิได้เลย บทแน่นปั้ก อุปสรรคถาโถมเข้าใส่โรสลินได้ทุกขณะจริง ๆ ทำให้เราต้องลุ้นเอาใจช่วยไปกับเธอตลอดเวลา นักแสดงทุกคนเล่นดีเหลือเกิน โดยเฉพาะ จูลี่ วอเตอร์ สมศักดิ์ศรีรุ่นใหญ่ที่ได้เข้าชิงออสการ์มาแล้ว 2 ครั้ง ตัวอย่างของการเล่นน้อยได้มาก ไม่ต้องระเบิดอารมณ์ให้เห็น แต่ก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ ความคิดของเธอ เป็นแม่เป็นยายที่น่ารักมาก
โซฟี โอโคเนโด นักแสดงผิวสีฝีมือดี ที่ไม่ค่อยมีงานแสดงเลยในช่วงหลัง มารับบทนายจ้างที่ช่างประเสริฐเสียเหลือเกิน สัมผัสได้ถึงความมีน้ำใจของเธอที่ตั้งใจช่วยเหลือโรสลินด้วยใจจริง ๆ
และเจสซี บัคลีย์ เหมือนกับว่าบทโรสลิน ฮาร์ลาน นี่เขียนมาเพื่อเธอโดยแท้เลยจริง ๆ พอดูจบแล้วไปอ่านเครดิตยิ่งต้องทึ่ง เพราะเพลงในหนังเธอร้องเองหมด ยิ่งทำให้ ห๊ะ! นักแสดงอังกฤษร้องเพลงคันทรี่ได้ขนาดนี้เลยเหรอ ก็ยิ่งต้องค้นเรื่องของเธออีก แล้วก็ไม่แปลกใจเพราะเธอผ่านเวทีประกวดร้องเพลง มาก่อนที่จะเบนมาเอาดีทางการแสดง แม้เธอไม่ใช่นักแสดงดังที่ได้ยินชื่อแล้วร้องอ๋อ แต่ก็น่าจะคุ้นหน้าเธอกัน เพราะเธอเคยรับบทเด่นใน JUDY เป็น โรสซาลิน ไวล์เดอร์ เจ้าหน้าที่หญิงที่คอยดูแล จูดี้ ตอนที่เปิดการแสดงในอังกฤษ และเป็น ราชินีวิกตอเรีย ใน Dolittle
ที่ต้องชื่นชมอย่างมากคือเพลงประกอบหนัง แม้จะไม่ถนัดและไม่ได้ฟังเพลงคันทรี่บ่อยนัก แต่ต้องยอมรับว่าการคัดเพลงเก่ามาคัฟเวอร์ รวมถึงเพลงที่เขียนขึ้นมาใหม่เพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ล้วนเป็นเพลงที่ติดหู ทั้งเพลงเร็วและเพลงช้า อัลบั้มซาวนด์แทร็กนั้น เจสซี่ บัคลีย์ ก็ร้องเองเกือบทั้งอัลบั้มเลย มีการดึงเพลงเด่นจากหนังมาทำเป็น MV ด้วย
ในฐานะที่เป็นคนชอบหนังเพลงอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็มีฉากโชว์เพลงแบบเต็ม ๆ หลายเพลง เนื้อหาของเพลงก็สอดคล้องกับเนื้อหาของหนัง ได้โชว์ความไพเราะของเพลง ได้โชว์เสียงร้องของเจสซี บัคลีย์ หนังเพลงมันต้องมีฉากแบบนี้สิ แบบดูจบแล้วต้องเสิร์ชหาฟังอีกรอบแบบนี้
ใครชอบหนังเพลง บนเนื้อหาดราม่าสุดเข้มข้น ผ่านฝีมือของนักแสดงคุณภาพ แนะนำให้ลองรับชมกันนะครับ หนังปล่อยสตรีมมิงทาง amazon prime