[รีวิว] The Lovebirds: ก่อนจะแตกหัก พิสูจน์รักด้วยการไขคดีฆาตกรรม

Release Date

22/05/2020

ผู้กำกับ

Michael Showalter

นักแสดง

Issa Rae, Kumail Nanjiani

ความยาว

1 ชั่วโมง 26 นาที

[รีวิว] The Lovebirds: ก่อนจะแตกหัก พิสูจน์รักด้วยการไขคดีฆาตกรรม
Our score
8.9

The Lovebirds

ถามว่าใครเหมาะกับหนังเรื่องนี้ เอาจริงใครก็ดูได้นะเพราะเป็นหนังบันเทิงดูเพลินเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าคุณบังเอิญเป็นคู่รักที่กำลังจืดชืดกันแล้วล่ะก็ หนังเรื่องนี้ก็มีผลข้างเคียงพิเศษที่เหมาะพอดีกับคุณเลยล่ะ

จุดเด่น

  1. หนังดูง่าย เน้นความบันเทิงที่ไม่เครียดจนเกินไป ทั้งยังมีข้อคิดดี ๆ แฝงอยู่เป็นระยะ ๆ ด้วย คู่นักแสดงอย่าง คูเมล นานจิอานี กับ ไอซ์ซา เร ถึงรูปลักษณ์ดูไม่น่าเข้ากันแต่พอเล่นไปเคมีเข้ากันดีมาก

จุดสังเกต

  1. มุกเป็นสไตล์คำพูดแบบคอเมเดี้ยนฝรั่ง ใครไม่ถนัดแนวนี้อาจรู้สึกว่ามันพูดกันเยอะไป และอีกอย่างก็คือการที่พลอตเดาได้ไม่ยากเย็นอะไรเลย
  • คุณภาพนักแสดง

    9.0

  • คุณภาพโพรดักชัน

    8.5

  • คุณภาพบท

    8.8

  • อรรถรสความสนุก

    8.8

  • ความคุ้มค่าเสียเวลาแก่การดู

    9.5

จิบราน และ เลลานี่ คือคู่รักทั่วไปที่เริ่มต้นอย่างหวานซึ้งราวหนังโรแมนติก ก่อนที่อีกหลายปีถัดมาพวกเขาคือคู่โต้วาทีที่หาเรื่องทะเลาะกันได้ทุกวัน มีคนกล่าวว่าชีวิตรักจะมีจุด ๆ หนึ่งที่บ่งบอกทั้งคู่ว่าจะจบกันหรือจะไปต่อ และเวลาที่ว่าก็เกิดขึ้นในรถขณะที่ทั้งคู่กำลังจะไปงานปาร์ตี้เพื่อนของเลลานี่ บทสิ้นสุดการสนทนาได้เกิดขึ้นก่อนความเงียบทิ้งตัว

จิบราน: “ผมคิดว่าเรากำลังจะเลิกกัน”
เลลานี่: “ฉันคิดว่าเราเลิกกันมาสักพักแล้วล่ะ”
ทั้งคู่: “………”

ตุ๊บ! เสียงร่างของชายที่กำลังปั่นจักรยานคนหนึ่งลอยมากระแทกกระจกหน้ารถของทั้งคู่ เขารีบลุกขึ้นอย่างมึนงง แล้วร้องขอไม่ให้เลลานี่โทรแจ้งตำรวจก่อนจะรีบปั่นจักรยานหนีไป ท่ามกลางความงุนงงของอดีตคู่รักสด ๆ ร้อน ๆ ก็มีชายไว้หนวดที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจมาขอใช้รถทั้งคู่ไล่ตามคนปั่นจักรยานที่เป็นคนร้าย ราวหนังเปลี่ยนแนวจากโรแมนติกดราม่ากลายเป็นหนังตำรวจไล่ผู้ร้ายแบบฉับพลัน จิบรานช่วยดูจีพีเอสจนตำรวจไล่ทันจักรยาน ก่อนที่จะ ตู้ม! ตำรวจนิรนามเร่งความเร็วชนคนปั่นจักรยานอย่างจัง ก่อนจะถอยมาทับอีกครั้ง แล้ววิ่งไปข้างหน้าทับอีกหน ทำซ้ำ ๆ จนร่างชายปั่นจักรยานยับคากับพื้นถนน ในตอนนี้ จิบรานกับเลลานี่ต่างรู้แล้วว่า ชายหนวดคนนี้ไม่น่าจะใช่ตำรวจ และพวกเขาน่าจะโดนเก็บในฐานะพยานคดีฆาตกรรมเป็นรายต่อไป

แต่โชคยังดีที่มีเสียงรถตำรวจแล่นมาทำให้ชายหนวดนิรนามรีบหนีจากไปเสียก่อน กระนั้นความซวยใหม่ก็บังเกิดเมื่อมีคนผ่านมาเข้าใจว่า จิบรานและเลลานี่คือฆาตกรที่เพิ่งชนคนปั่นจักรยานตาแทน อารามตกใจทำให้จิบรานตัดสินใจลากเลลานี่หนีไปก่อนจะถูกตำรวจจับ

และนี่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางชั่วข้ามคืนของอดีตคู่รักคู่ใหม่ที่ต้องผจญภัยสืบคดีฆาตกรรมเพื่อแก้ต่างให้ตัวเอง ขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับการเป็นคนอื่นคนไกลหลังจากเพิ่งบอกเลิกกันไปแล้ว และยังคือบทสรุปในตัวอย่างหนังที่เปิดประเด็นจนเราสนใจว่า มันจะไม่ใช่หนังรักโรแมนติดคอเมดี้ธรรมดา ๆ แน่นอน

แล้วเมื่อดูไปถึงทีมงานก็ถึงได้พบว่า นี่คือโพรเจกต์หนังเรื่องถัดมาของทีมทำหนังรักสุดอบอุ่นอย่าง The Big Sick (2017) ที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำจากทุนสร้างน้อยนิด ทั้งยังได้เข้าไปชิงออสการ์สาขาบทหนังยอดเยี่ยมในปีนั้นด้วย และถึงไม่นับคุณความดีใด ๆ The Big Sick ก็เป็นหนังรักที่ดูจริงแล้วซาบซึ้งกินใจเรามากที่สุดเรื่องหนึ่งทีเดียว ทว่าในครั้งนี้ ผกก. ไมเคิล โชวาลเทอร์ กับนักแสดงนำอย่าง คูเมล นานจิเอนี ได้หันมาทำหนังฟิกชันเต็มตัวอย่างที่ไม่ได้อิงชีวิตรักจริงของนานจิเอนีกับภรรยาอย่างเรื่องก่อนแล้ว

และผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นหนังบันเทิงที่ดูจริงน้อยลง คมคายยังมีอยู่ แต่สนุกกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากขึ้นมากจริง ๆ ไม่ว่าจะฉากคนร้ายขับรถทับคน ฉากสืบสวนจนไปพัวพันลัทธิประหลาด และฉากมัน ๆ อีกหลายฉากด้วย โดยความคมคายที่ว่ายังมีอยู่ก็คือการสะท้อนมุมมองความรักของคนที่รักกันและกำลังเลิกกันต้องทบทวนมองคนรักและตัวเองอีกครั้ง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผิดที่การกระทำ หรือผิดที่มุมมองความคิด นอกจากฉากทะเลาะในรถจนเลิกกัน ฉากที่ประทับใจอีกฉากคือตอนที่ทั้งคู่กำลังหลบหนีตำรวจ แล้วมีโอกาสได้คุยเปิดอกกันสั้น ๆ

ลัทธิประหลาดที่เหมือนยั่วล้อหนัง Eyes Wide Shut (1999) ของสแตนลีย์ คูบริก ที่บังเอิญก็พูดถึงประเด็นคู่รักเหมือนกัน

เลลานี่: จำตอนที่เราเดตกันเมื่อนานมาแล้ว และมีคู่รักคู่หนึ่งข้าง ๆ เราได้มั้ย
จิบราน: จำได้สิ พวกเขาแทบไม่พูดกันเลย มันอึมครึมมาก
เลลานี่: ฉันจำพวกเขาได้แม่นเลย ตลอดเวลาที่ฉันมองพวกเขาฉันได้แต่คิดว่าไม่อยากเป็นแบบคู่รักคู่นั้นเลย
จิบราน: ……
เลลานี่: แล้วตอนนี้ฉันก็คิดนะ ว่าบางทีพวกเขาอาจไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลย
เลลานี่: ในชีวิตเราอาจแค่อยากอยู่กับใครคนหนึ่งเพียงเพราะอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ก็แค่นั้น

สรุป ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของหนังอาจเหมือนหนังโรแมนติกคอเมดี้ที่ตัวละครพูดกันไฟแล่บราวกับเป็นนักเดี่ยวไมโครโฟนขึ้นโชว์พร้อมกัน ซึ่งมีอยู่ดาดดื่น แต่ในเบื้องลึกมันก็ซ่อนความแยบยล ชวนให้คิดถึงเรื่องราวความรักและการอยู่ด้วยกันของคู่รักแบบในชีวิตจริง ไม่มากแต่ก็ไม่น้อยเลยล่ะ



พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส