แฟน ๆ Beartai และ What The Fact ให้การตอบรับอย่างล้มหลามสำหรับบทความก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวข้องกับหนังไซไฟ อย่าง “10 หนังไซไฟ (ที่ไม่ใช่ภาคต่อ) ที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีนี้” และ 10 “หนังไซไฟ” อิหยังวะ? สุดห่วยในรอบ 10 ปี” ผู้เขียนเลยอนุมานเอาเองว่า หนังไซไฟเป็นที่สนใจของแฟน ๆ ผู้อ่านอยู่พอสมควร อย่ากระนั้นเลย จึงขอสนองผู้อ่านและสนองตัวเอง (เพื่อจะได้ไปตามดูให้ครบ) ด้วยการ “จัดอันดับต่อไม่รอแล้วนะ”

กับ 40 หนังไซไฟชั้นเยี่ยมของศตวรรษที่ 21 หรือพูดง่าย ๆ ก็คือตลอด 20 ปีมานี้ ตามทรรศนะของสื่ออย่าง Rolling Stone นิตยสารดนตรีที่มีแผนกวิเคราะห์วิจารณ์หนังอย่างจริงจังเช่นกัน จัดอันดับไว้เมื่อปี 2017 ทำให้หนังบางเรื่องหลุดลิสต์ไปเหมือนกัน (แต่ถ้าดูจากรายชื่อ 10 หนังไซไฟที่ดีที่สุด ก็ไม่มีหนังตั้งแต่ปี 2017 ติดอันดับเช่นกัน) รวมถึงบางเรื่องที่ไม่ได้อยู่ใน 40 อันดับนี้ และผู้อ่านอาจจขัดใจ แต่เอาเป็นว่า เมื่อดูทั้ง 40 รายชื่อนี้ก็ยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นหนังดูสนุก บทดี หรือภาพและเอฟเฟกต์สุดล้ำสมใจคอไซไฟแน่นอน

อันดับ 1 CHILDREN OF MEN (2006)

Children of Men (2006)
  • นักแสดง: Clive Owen, Michael Caine, Charlie Hunnam, Chiwetel Ejiofor, Julianne Moore
  • ผู้กำกับ: Alfonso Cuarón (Roma, Gravity, Harry Potter and the Prisoner of Azkaban)
  • ทุนสร้าง / รายรับรวมทั่วโลก: 76 / 70 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 92% / 7.9/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: หนังบรรยากาศโลกล่มสลาย ผลงานชิ้นโบว์แดงอีกเรื่องของผู้กำกับ Alfonso Cuarón ที่หลังจากเรื่องนี้เป็นต้นมาก็มีแต่หนังชั้นดีระดับล่ารางวัลทั้งสิ้น แตกต่างกันไปแต่เพียงว่าจะเป็นหนังดรามาหรือว่าหนังแอ็กชันไซไฟ Children of Men เป็นหนังไซไฟที่ไม่ได้อยู่ในกระแสเมนสตรีมมากนัก แม้เนื้อหาจะขายแนวนั้นได้เลยก็ตาม อาจเพราะผู้กำกับมาจากสายอินดี้ และเอฟเฟกต์ไม่เน้นเวอร์แต่สมจริง หนังมีฉากที่ใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบ Long-Take 6 นาทีอันลือลั่นและกลายเป็นสไตล์ของ Cuarón ตลอดมา หนังได้เข้าชิงออสการ์สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม (มือหนึ่ง Emmanuel Lubezki 3 รางวัลออสการ์ 3 ปีซ้อน) ตัดต่อยอดเยี่ยม และบทดัดแปลงยอดเยี่ยม

อันดับ 2 EX MACHINA (2014)

Ex Machina (2014)
  • นักแสดง: Osca Isaac, Domhnall Gleeson, Alicia Vikander
  • ผู้กำกับ: Alex Garland (Annihilation, Writer-28 Days Later, Sunshine, Never Let Me Go)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 15 / 36 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 92% / 7.7/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: หนังที่มีทีมนักแสดงนำที่โด่งดังและคว้าออสการ์แล้วในตอนนี้ เคยเล่นกันตอนยังไม่ดัง ได้แก่ 2 นักแสดงจาก Star Wars ไตรภาคหลังและ Lara Croft คนล่าสุด หนังยังเป็นผลงานของผู้กำกับหนังไซไฟปีนบันไดดูสุดล้ำเรื่อง Annihilation (2018) ที่มี Natalie Portman นำแสดงด้วย ส่วนเรื่องนี้เล่าถึงรักสามเส้าของโปรแกรมเมอร์ที่ถูกเลือกให้ไปทดสอบโครงการลับของกูรูเทคโนโลยี ผู้ปราดเปรื่องและร่ำรวย โดยทดสอบกับหุ่นยนต์หญิงสาวซึ่งเป็นงานที่เขาออกแบบมาล่าสุด เธอที่มีความคล้ายกับมนุษย์จริง ๆ แต่สิ่งที่โปรแกรมเมอร์ไม่รู้ก็คือ เขาถูกดึงเข้าสู่เกมหลอกล่อโรคจิตระหว่างผู้สร้างกับหุ่นยนต์ แถมยังนำพาไปสู่เรื่องราวความหึงหวงระหว่างผู้สร้างและผู้ถูกสร้างอีกด้วย

อันดับ 3 UNDER THE SKIN (2013)

Under the Skin
Under the Skin (2013)
  • นักแสดง: Scarlett Johansson, Jeremy McWilliams, Lynsey Taylor Mackay
  • ผู้กำกับ: Jonathan Glazer (Birth, Sexy Beast)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 13 / 5 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 85% / 6.3/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: ดูจะหลุดโผจากการจัดอันดับเข้ามาอยู่สักหน่อยสำหรับเรื่องนี้ แต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังมนุษยต่างดาวที่แปลกแหวกแนว และยังได้นักแสดงสาวสวยแห่งยุค Scarlett Johansson ที่ก็เล่นหนังไซไฟนำเดี่ยวไว้อีกหลายเรื่อง ทั้ง Lucy (2014) และ Ghost in the Shell (2017) แต่ความล้ำของเรื่องนี้อยู่ในระดับที่ต้องปีนบันไดดูเหมือนหนังของผู้กำกับ David Lynch โดย Scarlett ต้องรับบทเป็น มนุษย์ต่างดาวที่ใช้เสน่ห์ยั่วยวนจับมนุษย์ผู้ชายเธอตระเวนไปทั่วเมืองแกลสโกว์ ในประเทศสก็อตแลนด์ เพื่อหลอกพาผู้ชายที่หลงในการยั่วสวาทของเธอเอาไปทำอะไรแปลกๆ ตัวอย่างเช่น ใช้อำนาจบางอย่างทำให้เขาดำลงไปในน้ำมันดิบ เป็นต้น

อันดับ 4 ARRIVAL (2016)

Arrival (2016)
  • นักแสดง: Amy Adams, Jeremy Renner, Forest Whitaker, Michael Stuhlbarg
  • ผู้กำกับ: Denis Villeneuve (Blade Runner 2049, Sicario, Prisoners)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 47 / 203 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 94% / 7.9/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: Denis Villeneuve เจ้าพ่อผู้กำกับแห่งความเนี้ยบรายใหม่ที่เรื่องไหนเรื่องนั้นหนังจะสวย ดูมีระดับ และแฝงไปด้วยความคมคายของเนื้อหา ถึงขนาดมีผู้เปรียบเทียบเขากับ Christopher Nolan เลยทีเดียว กับเรื่องนี้เมื่อเอเลียนบุกโลก ยานของสิ่งมีชืวิตจากนอกโลก 12 ลำมาจอดอยู่ตามประเทศต่าง ๆ มนุษย์แต่ละชนชาติต้องหาทางสื่อสารของพวกเขาด้วยภาษาต่างดาวที่ไม่มีใครเข้าใจ เป็นหน้าที่ของนักภาษาศาสตร์มือหนึ่งที่จะต้องทำหน้าที่แปรสารในครั้งนี้ก่อนที่สงครามระหว่างมนุษย์และต่างดาวจะเกิดขึ้นจากความเข้าใจผิด หน้าหนังดูแล้วคล้าย The Day The Earth Stood Still (2008) แต่เนื้อหามีความคล้ายกับ Contact (1997) มากกว่าที่พูดถึงการเดินทางข้ามมิติเวลาและสิ่งมีชีวิตนอกโลก หนังมีตัวละครหลักเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารที่ต้องเผชิญวิกฤตศรัทธาในชีวิต

อันดับ 5 INCEPTION (2010)

Inception (2010) – มีคนเคยบอกว่า Nolan ชอบให้ตัวละครหลักในหนังมีรูปลักษณ์คล้ายกับตัวเอง
  • นักแสดง: Leonardo DiCaprio, Tom Hardy, Joseph Gordon-Levitt, Ken Watanabe, Ellen Page
  • ผู้กำกับ: Christopher Nolan (The Dark Knight Trilogy, Memento, The Prestige)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 160 / 829 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 87% / 8.8/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: ที่สุดแห่งหนังไซไฟในทศวรรษนี้มีมาให้ได้ชมกันตั้งแต่ปีแรกของ 10 ปีที่เหลือ ซึ่งก็คงไม่เกินเลยไปจากความจริงที่ว่า นี่คือหนังที่สดใหม่ มาจากแนวคิดดั้งเดิมแท้ ๆ ของผู้กำกับ Christopher Nolan ที่สร้างหนังเรื่องนี้โดยได้เแรงบันดาลใจจาก James Bond รวมเข้ากับแนวคิดจิตวิทยา Inception ประกอบไปด้วยหลากหลายองค์ประกอบของความไซไฟ ไล่ตั้งแต่ การเดินทางเข้าไปในฝันซ้อนฝัน การขโมยความลับจากจิตใต้สำนึกระหว่างที่เหยื่อกำลังหลับ และหว่านจิตใต้สำนึกปลอมเพื่อเปลี่ยนความเป็นจริง หนังยังเต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนให้คนเดาว่านี่คือความฝันหรือเรื่องจริง ไปจนถึงฉากสุดท้ายที่กลายเป็นหนึ่งในฉากจบที่ชวนสงสัยที่สุดตลอดกาล (หนังจะกลับมาฉายในโรงและ IMAX ในเดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี และรอต้อนรับหนัง Tenet เรื่องใหม่ของ Nolan)

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

อันดับ 6 WALL-E (2008)

Wall-E (2008)
  • นักแสดง: Fred Willard, Sigourney Weaver, John Ratzenberger, Kathy Najimy, Jeff Garlin
  • ผู้กำกับ: Andrew Stanton (Finding Nemo, Finding Dory, John Carter)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 180 / 521 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 95% / 8.4/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: หนังการ์ตูนเพียงหนึ่งเดียวที่หลุดเข้ามาในการจัดอันดับครั้งนี้ แต่ก็เป็นหนังการ์ตูนแอนิเมชันระดับ Pixar ซึ่งเนื้อหาย่อมไม่ใช่สำหรับเด็กอยู่แล้ว หนังเล่าเรื่องราวของ Wall-E หุ่นยนต์กำจัดขยะที่ถูกทิ้งเอาไว้บนโลก มีเพื่อนเป็นแมลงสาบ ขณะที่มนุษย์อพยพไปอยู่บนสถานีอวกาศนาน 700 ปี เพราะโลกไม่สามารถอยู่ได้ จนกระทั่งวันหนึ่งมนุษย์ได้ส่งหุ่นยนต์ทันสมัยชื่อ Eve ลงมายังโลกเพื่อหาต้นไม้ และเธอก็ได้พบรักกับ Wall-E หนังชูประเด็นเรื่องตกเป็นทาสความสะดวกสบายของมนุษย์ตีคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ทำออกมาได้อย่างโดนใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หนังชนะออสการ์ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมในปี 2009

อันดับ 7 GRAVITY (2013)

Alfonso Cuarón กำกับ Gravity
Gravity (2013)
  • นักแสดง: Sandra Bullock, George Clooney, Ed Harris
  • ผู้กำกับ: Alfonso Cuarón (Roma, Children of Men, Harry Potter and the Prisoner of Azkaban)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก : 100 / 732 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 96% / 7.7/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: หนังไซไฟที่เข้าถึงออสการ์มากที่สุดในรอบ 10 ปีนี้ ชนะ 7 รางวัลออสการ์รวมถึงผู้กำกับยอดเยี่ยมและถ่ายภาพยอดเยี่ยม กับซีน Long-take เปิดเรื่องบนอวกาศยาวนาน 20 นาทีและตลอดทั้งเรื่องที่ถ่ายทำฉากอวกาศได้สวยงามหมดจด เรื่องราวของ “Dr.Ryan Stone” วิศวกรด้านการแพทย์ที่ปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศเป็นครั้งแรก ร่วมกับ “Matt Kowalski” นักบินอวก าศมากประสบการณ์ แต่ระหว่างที่ออกไปเดินสำรวจอวกาศกันอยู่นั้น ได้เกิดเหตุร้ายขึ้นสถานีอวกาศพังสิ้นสภาพจน Stone และ Kowalski ต้องลอยคว้างในอวกาศ พวกเขาจะต้องพาตัวเองไปให้ถึงสถานีอวกาศอีกแห่งที่ใกล้ที่สุดเพื่อขึ้นยานกลับโลก

อันดับ 8 28 DAYS LATER (2002)

28 Days Later (2002)
28 Days Later (2002)
  • นักแสดง: Cillian Murphy, Naomie Harris, Brenden Gleeson
  • ผู้กำกับ: Danny Boyle (Slumdog Millionaire, 127 Hours, Trainspotting)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 8 / 85 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 87% / 7.6/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: “Jim” ตื่นขึ้นในห้องไอซียูที่ว่างเปล่าด้วยอาการงุนงง ก่อนจะออกเดินสำรวจเมืองทั้งเมืองที่ว่างเปล่า เขาได้พบกับฝูงมนุษย์ที่บ้าคลั่งจะเอาชีวิตเขา ระหว่างที่ Jim ต้องเอาตัวรอดไปกับกลุ่มผู้รอดชีวิตที่เหลือ สิ่งที่น่ากลัวกว่าเชื้อไวรัสก็คือ ความเห็นแก่ตัวและการอยากเอาตัวรอดของมนุษย์ Danny Boyle ยังไม่ทิ้งลายผู้กำกับที่งานจะเต็มไปด้วยไอเดียแปลกแหวกแนว ในเรื่องนี้คนดูจะได้เห็นเซ็ตฉากการหนีซอมบี้ในพื้นที่เปิดโล่งกลางเมืองใหญ่อย่างกรุงลอนดอน และหนังเรื่องนี้ยังเป็นหนัง Road Movie ผสมซอมบี้ที่ไม่เคยมีมาก่อน ครึ่งแรกของเรื่องหนังเน้นการเอาชีวิตรอดจากซอมบี้แต่พอมาครึ่งเรื่องหลังก็พลิกไปเป็นหนังดราม่าที่ตีแผ่ด้านมืดของมนุษย์ที่น่ากลัวยิ่งกว่าซอมบี้เสียอีก

อันดับ 9 THE MARTIAN (2015)

The Martian (2015)
The Martian (2015)
  • นักแสดง: Matt Damon, Jessica Chastain, Chiwetel Ejiofor, Kristen Wiig, Jeff Daniels, Michael Peña, Sean Bean, Sebastian Stan
  • ผู้กำกับ: Ridley Scott (Alien, Prometheus, Thelma & Louise, Gladiator)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 108 / 630 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 91% / 8/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: หนังอวกาศรวมนักแสดงคับจอที่กลายเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดของผู้กำกับในตำนาน Redley Scott ในเรื่องเล่าถึงทีมแอเรส (Ares) กำลังปฏิบัติภารกิจสำรวจดาวอังคารอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดพายุถล่มอย่างรุนแรงกะทันหัน ผู้การ “Melissa Lewis” จึงสั่งลูกทีมทั้งหมดถอยทัพกลับยานและยกเลิกภารกิจบินกลับทันที โดยทิ้งหนึ่งในลูกทีม “Mark Watney” ที่ถูกของแข็งกระแทกซัดหายไปกับพายุเอาไว้บนดาวอังคาร เพื่อน ๆ คิดว่าเขาไม่รอดชีวิตแล้ว แต่ปรากฏว่าวัทนีย์รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ เขาพยายามติดต่อกับองค์การ NASA และหาวิธีจัดการเรื่องน้ำและอาหารให้เพียงพอต่อการดำรงชีพจนกว่าพวกเขาจะมาช่วย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 ปี

อันดับ 10 STAR WARS 7: THE FORCE AWAKENS (2015)

Star Wars: The Force Awakens
Star Wars Episodes VII: The Force Awakens (2015)
  • นักแสดง: Mark Hamill, Harrison Ford, Carrie Fisher, Adam Driver, Daisy Ridley, John Boyega, Oscar Isaac, Lupita Nyong’o, Andy Serkis
  • ผู้กำกับ: J.J. Abrams (Star Trek 1-2, Mission Impossible 3, Super 8)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 245 / 2,068 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 93% / 7.9/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: ภาคที่ได้รับคำวิจารณ์ดีที่สุดและทำรายได้สูงสุดของ Star Wars ไตรภาคหลังสุด หรือภาค 7-9 ซึ่งจะว่าไปแล้ว ภาคนี้เหมือนเป็นภาคแนะนำตัวละครใหม่ อย่าง Ray, Kylo Ren, Fin, Poe Dameron และพาผู้ชมแฟนของหนังตั้งแต่รุ่นดั้งเดิมได้กลับไปเจอตัวละครเก่า ๆ สุดคลาสสิกมากกว่า กับเนื้อหาของเรื่องก็มีเสียงวิจารณ์ว่า แทบจะล้อกับเนื้อหาของภาคแรก A New Hope (1977) แต่เมื่อตอนนี้ดูมาจนครบทั้งไตรภาคกลับกลายเป็นว่า ภาคนี้ดูจะเป็นภาคที่ลงตัวในการเล่าเรื่องอย่างไม่เอาอะไรมาชุลมุนมากที่สุดแล้ว หนังสงครามแห่งดวงดาวถือเป็นหนังไซไฟคลาสสิกที่หยิบประเด็นพลังอันยิ่งใหญ่ของคนตัวเล็ก ๆ มาร่วม 40 ปี สร้างฐานแฟนบอยและทำกำไรให้ดิสนีย์ สตูดิโอเจ้าของในปัจจุบันมหาศาล

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

อันดับ 11 MAD MAX: FURY ROAD (2015)

Mad Max: Fury Road (2015)
Mad Max: Fury Road (2015)
  • นักแสดง: Tom Hardy, Charlize Theron, Nicholas Hoult, Hugh Keays-Byrne, Zoë Kravitz, Rosie Huntington-Whiteley
  • ผู้กำกับ: George Miller (Mad Max, Happy Feet 1&2, Babe: Pig in the City)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 150 / 375 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 97% / 8.1/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: “Max” และ “Furiosa” ต้องหาทางรอดจากผู้นำเผด็จการ “Immortan Joe” ต้องเดินทางฝ่าทะเลทรายไปยังบ้านเกิดของเธอ ผจญกับกองทัพคนเถื่อนที่ยึดครองทะเลทรายแห่งนั้นอยู่ และผู้ที่จะช่วยให้เธอรอดได้อาจเป็นชายหนุ่มที่พูดน้อยต่อยหนักอย่าง Max หนังได้ชื่อว่าเป็นหนังที่โหดหินเรื่องการถ่ายทำเพราะต้องไปถ่ายกลางทะเลทรายที่กันดารที่สุดของประเทศออสเตรเลีย บ้านเกิดของผู้กำกับ George Miller ที่กำกับมาตั้งแต่ภาคแรกปี 1979 จนถึงฉบับปี 2015 และหน้าหนังก็ดูเป็นความบันเทิงแบบเต็มสตรีม แต่เมื่อหนังเข้าฉายและได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ ไม่น่าแปลกใจที่หนังจะยืนระยะความสำเร็จมาจนกวาดรางวัลออสการ์ทางด้านงานเทคนิคไปทั้งหมด 6 สาขารางวัลจากการเข้าชิงทั้งหมด 10 สาขารวมถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในปี 2016 ด้วย

อันดับ 12 ETERNAL SUNSHINE OF THE SPOTLESS MIND (2004)

Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004)
Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004)
  • นักแสดง: Jim Carrey, Kate Winslet, Mark Ruffalo, Elijah Wood, Kirsten Dunst
  • ผู้กำกับ: Michel Gondry (The Green Hornet, Sorry to Bother You)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 20 / 74 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB: 93% / 8.3/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: หนังที่ชนะรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และส่งชื่อให้นักแสดง Kate Winslet เข้าชิงนำหญิงยอดเยี่ยมครั้งที่ 4 เกี่ยวกับความพยายามอยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ ที่ทำให้นักแสดงที่เล่นหนังตลกมาตลอดอย่าง Jim Carrey ได้มีหนังดราม่าขายฝีมือทางการแสดงกับเขาด้วย เบื้องหลังการสร้างที่น่าสนใจคือ ในเวลานั้น Jim Carrey เพิ่งจะเลิกรากับคู่หมั้นนักแสดงสาว Renée Zellweger มาหมาด ๆ ซึ่งพอผู้กำกับ Michel Gondry รู้เข้า ก็เลยจ้างนักแสดงประกอบที่หน้าเหมือน Renée มาเข้าฉากเป็นหนึ่งในตัวละครที่เลิกกับตัวละครของ Jim ซึ่งทำให้ตลอด 1 ปี Jim จะอยู่ในภาวะอกหักตลอดที่เจอหน้ากับนักแสดงหญิงคนนี้ ก่อนที่ Michel จะตัดฉากของนักแสดงคนนั้นออกจากหนังทั้งหมด (จริง ๆ ก็คือ จ้างมาแค่เพื่อให้ Jim ซึมเศร้ากับการอกหักไปตลอด 1 ปี นั่นเอง!)

อันดับ 13 DISTRICT 9 (2009)

District 9 (2009)
District 9 (2009)
  • นักแสดง: Sharlto Copley, David James, Jason Cope, Nathalie Boltt
  • ผู้กำกับ: Neill Bolmkamp (Elysium, Chappie)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 30 / 210 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 90% / 7.9/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: หนังที่ตีความเอเลียนมนุษย์ต่างดาวในนิยามใหม่ที่ต่ำต้อยและด้อยสติปัญญามากกว่ามนุษย์ (ปกติจะมาในแนวที่ฉลาดและเก่งกว่า) ในปี 1982 ยานอวกาศขนาดยักษ์ที่บรรทุกมนุษย์ต่างดาวกว่าล้านชีวิตได้เกิดเหตุลอยค้างเติ่งอยู่เหนือน่านฟ้าเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ มนุษย์เข้าให้ความช่วยเหลือด้วยการจัดตั้งศูนย์พักพิง กางรั้วกั้นเขตแน่นหนา พร้อมกับการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดในชื่อ “เขต 9” ต่อมาเมื่อประชากรเอเลียนที่หน้าตาเหมือน “กุ้ง” ในเรื่องนี้ขยายเผ่าพันธุ์จนมีมากเกิน เขต 9 กลายเป็นแหล่งสลัมเอเลียน มนุษย์เริ่มไว้ใจและขับไล่มนุษย์ต่างดาวจากเขต 9 หนังมาในสไตล์สารคดีปลอม ๆ Mockumentary ที่กัดจิกเสียดสีมนุษย์ไว้อย่างเจ็บแสบ

อันดับ 14 SERENITY (2005)

  • นักแสดง: Nathan Fillion, Chiwetel Ejiofor, Sarah Paulson, Jewel Staite
  • ผู้กำกับ: Joss Whedon (The Avengers, Avengers: Age of Ultron, Much Ado About Nothing )
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 39 / 40 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 90% / 7.8/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: ติดเข้ามาในอันดับอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่นักสำหรับหนังของผู้กำกับ Joss Whedon ที่ฟอร์มระดับกลาง ๆ ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้เลยและหนังก็เงียบมากตอนที่เข้าฉาย แต่ด้วยความที่ Whedon เป็นนักเขียนบทและคุณหมอมือผ่าตัดแก้บทหนังหน้ากองถ่ายจึงทำให้หนังออกมาดูสนุก และหนังเรื่องนี้เองที่ทำให้เขาเข้าตา Marvel Studios จนได้มากำกับ The Avengers (2012) หนังเล่าถึงโลกอนาคต เมื่อประชากรมนุษย์ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้โลกไม่มีพื้นที่เพียงพอให้อาศัยอยู่อีกต่อไป โครงการสำรวจอวกาศเพื่อหาดินแดนใหม่จึงเริ่มขึ้น และคณะสำรวจได้พบกับระบบกาแลคซีใหม่ที่มีดาวเคราะห์จำนวนมากเพียงพอจะขนย้ายมนุษย์ไปอาศัยอยู่ “River” เด็กสาวที่มีจิตใจอ่อนไหวได้ถูกนำตัวมาทดลองจนกลายเป็นอาวุธสงครามพิเศษ ได้มาอาศัยอยู่บนยานเซเรนิตี้ กัปตันและคนในยานต้องช่วยปกป้องเธอ แต่ก็กลับพบว่าเธอมีความลับเกี่ยวกับสมาพันธ์ซ่อนอยู่

อันดับ 15 LOOPER (2012)

Looper (2012)
Looper (2012)
  • นักแสดง: Joseph Gordon-Levitt, Bruce Willis, Emily Blunt
  • ผู้กำกับ: Rain Johnson (Star Wars: The Last Jedi, Knives Out)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 30 / 176 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 93% / 7.4/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: นี่คือผลงานหนังที่ทำให้ผู้กำกับ Rian Johnson เข้าตาค่ายหนังใหญ่จนได้สร้าง Star Wars เรื่องราวของ “Joe” ผู้มีอาชีพที่เรียกว่า Looper มือปืนที่คอยฆ่าเหยื่อที่ถูกส่งมาจากอนาคตปี 2072 ห่างจากปีที่โจอยู่ 30 ปี แต่เหยื่อรายล่าสุดที่ทำให้ Joe ทำงานพลาดก็คือ ตัวของเขาเองที่ถูกส่งมาจากอนาคต Joe เด็กจึงต้องหาทางกำจัด Joe แก่ (ผู้ที่คิดว่า Joe แก่ควรตายได้แล้วตามลูปที่วนซ้ำ) แต่ Joe เด็กก็ยังสับสนเพราะ Joe แก่ก็คือตัวของเขาที่ฆ่าไม่ลง ขณะ Joe แก่นั้นเก๋าและรู้ไต๋ Joe เด็กดีทุกอย่าง และมีแผนการบางอย่างเพื่อจะเปลี่ยนอนาคตด้วย หนังชวนลุ้นกับเส้นไทม์ไลน์ที่หักทฤษฎีเวลาของหนังเรื่องอื่นไปพอสมควร แต่ก็ทำให้ได้ลุ้นเพราะอนาคตใหม่อาจไม่เหมือนกับอดีตเดิม ๆ ก็ย่อมเป็นไปได้

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

อันดับ 16 SNOWPIERCER (2013)

Snowpiecer
Snowpiecer (2013)
  • นักแสดง: Chris Evans, Ed Harris, John Hurt, Tilda Swinton, Jamie Bell, Kang-ho Song
  • ผู้กำกับ: Bong Joon Ho (Parasite, Okja, The Host)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 39 / 86 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 94% / 7.1/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: หนังที่ผู้กำกับบงจุนโฮก้าวขาข้ามมาทำหนังฮอลลีวูด แม้จะประสบความสำเร็จทำรายได้ไปในระดับปานกลาง แต่ก็เป็นการประกาศชื่อเขาให้โลกได้รู้จักอย่างสมศักดิ์ศรีจากผลงานที่สร้างจากนิยายดัง (ที่ตอนนี้มีการนำภาคต้นมาทำเป็นซีรีส์หาดูได้ใน Netflix) หนังเล่าเรื่องของ 15 ปีหลังจากเหตุหายนะ เรื่องราวโลกล่มสลายเพราะอุณหภูมิโลกถึงจุดเยือกแข็งจนทำให้เมืองต่าง ๆ ในโลกกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดนั้นเกิดขึ้นในปี 2014 รถไฟที่วิ่งด้วยพลังงานแม่เหล็กขบวนนี้สร้างขึ้นโดยวิศวกรชื่อ “วิลฟอร์ด” และมีการออกแบบแต่ละตู้ของรถไฟแบ่งตามชนชั้นวรรณะทางสังคมตั้งแต่รวยสุดไปจนยากจนสุด ต่อมาผู้โดยสารชนชั้นล่างจึงบุกไปทวงถามความยุติธรรมจากวิศวกรผู้สร้างรถไฟอย่างที่อยู่โบกี้หัวขบวนหลังจากผู้โดยสาร 74% ของขบวนกำลังจะอดตาย แต่พวกหัวขบวนยังคงอยู่กันอย่างสุขสบายดี

อันดับ 17 A SCANNER DARKLY (2006)

A Scanner Darkly (2006)
  • นักแสดง: Keanu Reeves, Robert Downey Jr., Winona Ryder, Woody Harrelson
  • ผู้กำกับ: Richard Linklater (Before Sunrise, Before Sunset, Boyhood)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 8 / 7 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 68% / 7.1/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: Richard Linklater เป็นผู้กำกับที่มีผลงานเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นในแง่ของสไตล์การเล่าเรื่อง เต็มไปด้วยบทสนทนาน่าประทับใจอย่างหนังไตรภาค Before Sunrise หรือหนังอย่าง Boyhood (2014) ที่ตามถ่ายเรื่องราวในหนังล้อกับโลกความจริงยาวนานถึง 12 ปีเพื่อให้แฟน ๆ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง มาถึงเรื่องนี้ที่ได้ดาราดังตอนนี้ (แต่ตอนนั้นค่อนข้างตกอับ) หลายคนมาเล่น หนังดัดแปลงจากหนังสือของนักเขียนนิยายไซไฟชื่อดังอย่าง Philip K. Dick (คนเขียน Minority Report, Total Recall) เล่าเรื่องของโลกอนาคต ยาเสพติดชนิดหนึ่งเกิดระบาดอย่างหนักในสหรัฐฯ พระเอกของเรื่องที่เป็นตำรวจลับต้องตามสืบหาต้นตอของยาเสพติดครั้งนี้ หนังถ่ายทำด้วยฟิลม์แบบปกติแต่นำไปปรับภาพเป็นแบบเทคนิค Rotoscoping ซึ่งเป็นการวาดภาพทับลงไปด้วยโปรแกรม Rotoshop Software เพื่อให้หนังกลายเป็นภาพแอนิเมชันสุดแปลกอย่างที่เห็น ใช้เวลาแค่ขั้นตอนนี้อย่างเดียวนานถึง 15 เดือน

อันดับ 18 HER (2013)

Her (2013)
  • นักแสดง: Joaquin Phoenix , Scarlett Johansson , Amy Adams, Chris Pratt
  • ผู้กำกับ: Spike Jonze (Where the Wild Things Are, Being John Malkovich, Adaptation)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 23 / 48 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 95% / 8/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: นี่อาจจะเป็นหนัง Sci-Fi เรื่องเดียวในลิสต์นี้ที่เป็นทั้งหนักรักและหนังอินดี้ หนังที่ได้รับการพูดถึงว่าเป็นอีกหนึ่งหนังแห่งความเหงาที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับที่ Lost in Translation (2003) เคยทำไว้ (Spike Jonze และ Sofia Coppola ผู้กำกับเรื่องหลังนี้เคยเป็นคู่รักกันมาก่อน) ในยุคที่ SIRI หรือระบบปฏิบัติการตอบโต้ด้วยเสียงของ iPhone เพิ่งเกิดขึ้น Her ได้หยิบประเด็นนี้มาเล่น เมื่อ “Theodore” ชายหนุ่มสุดเหงาผู้ไม่ประสบความสำเร็จในความรักเกิดตกหลุมรัก “Samantha” ระบบปฏิบัติการด้วยเสียง แต่แม้จะรักกับ AI ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งกับเฉพาะตอนจบที่ถ้าใครเคยได้ดูแล้ว ก็จะยิ่งชอบใจในความไซไฟ เมื่อระบบปฏิบัติการกลายเป็นสิ่งทรงภูมิปัญญาเหนือมนุษย์จะเข้าใจไปได้ในที่สุด

อันดับ 19 EDGE OF TOMORROW (2014)

Edge of Tomorrow (2014)
Edge of Tomorrow (2014)
  • นักแสดง: Tom Cruise, Emily Blunt, Brendan Gleeson, Bill Paxton
  • ผู้กำกับ: Doug Liman (The Bourne Identity, Mr. and Mrs. Smith, Jumper)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 178 / 370 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 90% / 7.9/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: หนังวนลูปเวลามักจะเป็นหนึ่งในแนวทางที่ทีมสร้างหนังไซไฟหยิบมาเล่นเสมอ แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะประสบความสำเร็จ อย่างเช่นเรื่องนี้ที่ทำรายได้ไปพอวัดวาแต่แฟน ๆ ไซไฟล้วนชอบและอยากให้หนังมีภาคต่อ หนังดัดแปลงจากนิยายญี่ปุ่นเกี่ยวกับทหารที่ตายในสงครามระหว่างสู้รบกับเอเลียนจากต่างดาว แต่เผอิญว่าก่อนตายได้รับสารพิเศษจากเอเลียนตัวหนึ่งที่จะทำให้เขาสามารถตื่นขึ้นมาและกลับไปสู้ได้ใหม่ทุกครั้งที่ตาย เดิมหนังชื่อ Live Die Repeat เอเลียนในเรื่องนี้โคตรเก่งและก็มาเพื่อทำลายล้างมนุษย์ แต่ดันมาพลาดตรงที่เอาพลังของตัวเองมาให้พระเอก

อันดับ 20 THE HOST (2006)

The Host (2006)
  • นักแสดง: Kang-ho Song, Doona Bae, Ko Asung, Hee-Bong Byun, Paul Lazar, Dal-su Oh
  • ผู้กำกับ: Bong Joon Ho (Parasite, Okja, Snowpiecer)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 10 / 89 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score / iMDB Rating: 93% / 7.1/10
  • ทำไมถึงเป็นหนังไซไฟชั้นดี: ผลงานของบงจุนโฮ ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์จาก Parasite (2019) ติดอันดับเข้ามาใน Top 20 ถึง 2 เรื่อง (อีกเรื่องคือ Snowpiecer (2013)) แต่ The Host เป็นหนังต่างประเทศเพียงเรื่องเดียวที่ติดเข้ามาใน Top 40 ด้วยคุณภาพที่เหนือกว่าหนังสัตว์ประหลาดทั่วไป และสไตล์ของหนังบงจุนโฮที่ต้องมีการกัดจิกความต่างชั้นวรรณะของคนในสังคม สัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นหลังแผ่นดินไหว ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากมันทำให้ต้องปิดล้อมบริเวณเขตแม่น้ำฮัน กรุงโซลกลายเป็นอัมพาตไปในทันที เมื่อรัฐบาลประกาศว่าสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้น คือร่างอันเกิดจากไวรัสซึ่งไม่สามารถระบุชนิดได้ จึงเหมือนกับราดน้ำมันลงบนกองไฟแห่งความสยดสยอง กองทัพอเมริกันอ้างถึงการพัฒนาอาวุธชีวภาพลับที่รู้จักในนามของ Agent Yellow ว่าเป็นหนทางเดียวในการหยุดเจ้าสัตว์ประหลาดร้ายได้

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

อันดับ 21-40 มีเรื่องอะไรบ้าง?

  • อันดับ 21 Midnight Special (2016) ของผู้กำกับ Jeff Nichols
  • อันดับ 22 The World’s End (2013) ของผู้กำกับ Edgar Wright
  • อันดับ 23 Moon (2009) ของผู้กำกับ Duncan Jones
  • อันดับ 24 Minority Report (2002) ของผู้กำกับ Steven Spielberg
  • อันดับ 25 Primer (2004) ของผู้กำกับ Shane Carruth
  • อันดับ 26 A.I. Artificial Intelligence (2001) ของผู้กำกับ Steven Spielberg
  • อันดับ 27 Cloverfield (2008) ของผู้กำกับ Matt Reeves
  • อันดับ 28 Attack the Block (2011) ของผู้กำกับ Joe Cornish
  • อันดับ 29 Dawn of the Planet of the Apes (2014) ของผู้กำกับ Matt Reeves
  • อันดับ 30 Reign of Fire (2002) ของผู้กำกับ Rob Bowman
Steven Speilberg ผู้กำกับพ่อมดแห่งฮอลลีวูด มีหนังไซไฟติดอันดับ Top 40 อยู่ 3 เรื่อง และ 2 เรื่องนำแสดงโดย Tom Cruise
  • อันดับ 31 Monsters (2010) ของผู้กำกับ Gareth Edwards
  • อันดับ 32 2046 (2004) ของผู้กำกับ หว่องกาไว
  • อันดับ 33 Donnie Darko (2001) ของผู้กำกับ Richard Kelly
  • อันดับ 34 Guardians of the Galaxy (2014) ของผู้กำกับ James Gunn
  • อันดับ 35 Sunshine (2007) ของผู้กำกับ Danny Boyle
  • อันดับ 36 Pacific Rim (2013) ของผู้กำกับ Guillermo del Toro
  • อันดับ 37 The Girl With All the Gifts (2016) ของผู้กำกับ Colm McCarthy
  • อันดับ 38 Source Code (2011) ของผู้กำกับ Duncan Jones
  • อันดับ 39 Another Earth (2011) ของผู้กำกับ Mike Cahill
  • อันดับ 40 The One I Love (2014) ของผู้กำกับ Charlie McDowell
ผู้กำกับ Duncan Jones ก็มีหนังไซไฟติดอันดับถึง 2 เรื่องด้วยกัน นั่นคือ Moon (2009) และ Source Code (2011)

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส