Our score
10.0[รีวิว] Jumbo รักฉัน..มันจัมโบ้ – งดงาม รวดร้าว วาบหวาม
จุดเด่น
- เป็นบทหนังรักที่ดีที่สุดในปี 2020
- โนเอมี เมอร์แลงท์ ทรงเสน่ห์และเติมหัวใจให้หนังได้เป็นอย่างดี
- งานกำกับของโซอี้ วิทท็อค มีความเฉพาะตัวและปรุงหนังออกมาได้พอดีมาก
จุดสังเกต
-
ตรรกะ ความลงตัวของบทภาพยนตร์
10.0
-
คุณภาพงานสร้าง
10.0
-
คุณภาพนักแสดง
10.0
-
ความบันเทิงตามแนวหนัง
10.0
-
ความคุ้มค่าตั๋ว
10.0
ปีนี้ไม่รู้จะขอบคุณ COVID – 19 ดีหรือเปล่าที่ทำให้บรรดาหนังโปรแกรมใหญ่ ๆ อยู่ในสภาวะ “พักก่อน” จนบรรดาค่ายหนังต่าง ๆ ทยอยปล่อยหนังฟอร์มรอง ๆ ในมือของตนออกมาโชว์โฉมกันใหญ่ และส่วนหนึ่งนอกจากหนังแอนิเมชันแล้ว ก็มีบรรดาหนังยุโรปที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษออกมาเป็นทางเลือกสร้างความแปลกใหม่ให้นักดูหนังชาวไทย และสัปดาห์นี้ก็มีหนังที่น่าสนใจมาก ๆ จากฝรั่งเศสอย่าง Jumbo
Jumbo เล่าถึงเรื่องราวของ ฌานน์ (โนเอมี เมอร์แลงท์) เด็กสาวที่เข้าสังคมไม่เก่ง เธอเลือกงานเป็นคนดูแลความสะอาดในสวนสนุกและในที่นั่นเธอก็ได้พบกับ Move It เครื่องเล่นในสวนสนุกที่เธอรู้สึกผูกพันเกินกว่าแค่สิ่งของจนเกิดเป็นความรักที่ยากเกินเข้าใจโดยเฉพาะ มาร์กาเรตต์ (เอ็มมานูเอล เบอร์โคท์) แม่ของเธอที่ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมลูกสาวถึงไม่ยอมมีความสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่น และเมื่อสังคมกลายเป็นกำแพงทางออกเดียวของฌานน์คือการก้าวสู่อีกขั้นของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเครื่องเล่นที่ตั้งชื่อว่าจัมโบ้
ตามที่ตอนต้นเรื่องได้กล่าวไว้ว่าเรื่องราวใน Jumbo ถูกสร้างมาจากแรงบันดาลใจจากเรื่องจริง และเมื่อได้ลองค้นข้อมูลดูก็ปรากฎว่ามีกรณีที่หญิงสาวตกหลุมรักกับเครื่องเล่นในสวนสนุกอย่างน้อย 2 คนที่เป็นข่าวได้แก่ เอมีที่หลงรักรถไฟเหาะตีลังกา และ กรณีของลินดาที่แต่งงานกับบรูซรถไฟเหาะตีลังกาเช่นเดียวกัน ซึ่งแม้จะอธิบายด้วยข้อมูลทางจิตวิทยาอย่างเป็นบุคคลที่มีความหลงไหลในสิ่งของ แต่มันก็ยังไม่อาจอธิบายได้ถึงสาเหตุและต้นกำเนิดของพฤติกรรมที่คนทั่วไปจะมองว่าแปลกประหลาดแบบนี้
นั่นกระมังที่กลายเป็นวัตถุดิบชั้นดีให้ โซอี้ วิทท็อค ได้เขียนบทและกำกับหนังเรื่องนี้โดยหยิบเอาการตั้งชื่อเครื่องเล่นแบบเดียวกับ ลินดา ที่ถือเป็นต้นแบบให้ตัวละครฌานน์มาเป็นเหมือนกิมมิกสำคัญทั้งการตั้งชื่อหนังที่เหมือนให้เราได้เข้าไปในจิตใจของตัวละครที่มองเครื่องเล่นเป็นบุคลาธิษฐานถึงชายหนุ่มหรือคนรัก แล้วพาผู้ชมเข้าสู่โลกของสาวเก็บตัวอย่างฌานน์ซึ่งต้องยอมรับว่าการที่ผู้กำกับเป็นผู้หญิงก็ส่งผลให้งานภาพและจังหวะการเล่าเรื่องของหนังมีความเฉพาะตัวไม่น้อยเลย
กล่าวคือ โซอี้ วิทท็อค ไม่ได้พยายามพาเล่าเรื่องเข้าข้างตัวละครอย่างฌานน์จนเหมือนหาข้ออ้างให้เธอทำพฤติกรรมประหลาดหรือดูเป็นพวกวิตถารตรงกันข้ามหนังได้พาเราไปรู้จักกับฌานน์และมาร์กาเรตต์พร้อม ๆ กันและทีละน้อยมันก็ค่อย ๆ ทำให้เราได้เข้าใจต้นเหตุของอาการ “ขาด” ของฌานน์ได้อย่างมีเหตุมีผลทั้งปมที่พ่อของเธอทิ้งไปจนมาร์กาเรตต์เองก็ต้องหาผู้ชายมานอนด้วยไม่ซ้ำหน้าเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
ในขณะที่ฌานน์เองแม้จะมี มาร์ค (บาสเตียง บูอิลญง) ชายหนุ่มที่มาตามจีบเธอคอยก้อร่อก้อติกไม่ห่าง แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับความเย้ายวนยามราตรีที่เธอกับจัมโบ้มีให้กัน แต่ปัญหาของความสัมพันธ์ของเธอคือมันเกินความเข้าใจของคนรอบข้าง ซึ่งจุดนี้ต้องชื่นชมตัวโซอี้ วิทท็อคไม่น้อยที่จงใจจะตอกหน้าบรรดาสื่อทางอ้อมที่มักนำเสนอเรื่องของสาวที่หลงรักเครื่องเล่นในแนวทางของเรื่องแปลกประหลาด
แต่คราวนี้เธอเปลี่ยนมาเป็นบุคคลที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ครั้งนี้โดยตรงทั้งแม่อย่างมาร์กาเรตต์ที่ไม่อยากให้ลูกสาวเป็นตัวประหลาด และแน่นอน..มาร์คที่เขาคงถูกหยามน้ำหน้าไม่น้อยที่แพ้ให้กับเครื่องเล่นไม่มีชีวิตและอวัยวะเพศเหมือนอย่างเขา
นอกเหนือจากบทภาพยนตร์และงานกำกับที่ดีงามมีจังหวะจะโคนดึงคนดูอยู่กับหนังด้วยงานภาพและเสียงแล้ว การแสดงของหนังยังเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจซึ่งบุคคลที่หากไม่ชมแล้วน่าจะกลายเป็นตราบาปของผมทันทีได้แก่ โนเอมี เมอร์แลงท์ สาวสวยจาก Portrait of a Lady on Fire ที่เราเพิ่งจะรีวิวกันไปเมื่อตอนต้นปีที่ต้องบอกว่าเสน่ห์ของเธอคือแทบทำเอาคนดูหยุดหายใจ
เธอสามารถบาลานซ์ระหว่างดราม่าที่สามารถทำให้คนดูเข้าอกเข้าใจหญิงสาวที่มีความรักต่อสิ่งไร้ชีวิตได้อย่างทุกข์ทรมานแล้ว เธอยังเร้าอารมณ์รัญจวนในซีนอีโรติกที่บอกตามตรงเลยว่าหนังเรียกร้องให้เธอต้องเปลือยต่อหน้ากล้องบ่อยมาก แต่ทุกช็อตมันพ้นจากคำว่าอนาจารไปได้อย่างสวยงามทั้งด้วยงานกำกับที่ปราณีตของโซอี้ วิทท็อคและการแสดงของเมอร์แลงท์ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วนนักแสดงท่านอื่นก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอ็มมานูเอล เบอร์โคท์ ในบทมาร์กาเรตต์ แม่ที่พยายามประคองเศษซากของหัวใจตัวเองไปพร้อมกับการต้องดูแลและรับผิดชอบต่อความรู้สึกของลูกสาวได้อย่างน่าเห็นอกเห็นใจจนคนดูเกลียดเธอไม่ลงจริง ๆ
แม้ Jumbo จะดึงความสนใจเราด้วยเรื่องรักประหลาด ๆ ชวนสยิว แต่เอาเข้าจริงหนังกลับพูดถึงความรักอย่างเข้าอกเข้าใจและนำพาคนดูให้เปิดใจรับกับความจริงที่ว่าบางทีเรื่องของหัวใจก็อาจไม่มีตรรกะ ไร้ถูกผิดและที่สำคัญอาจอยู่เหนือมาตรวัดของความปกติและความเพี้ยนก็ได้ มีเพียงความรู้สึกเท่านั้นแหละที่บอกได้ว่ามันคือความรักหรือเปล่า
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส