[รีวิว]Unhinged : ท่าทางรัสเซล โครว์ จะร้อนเงิน
Our score
5.8

Release Date

12/08/2020

Rate R

Runtime : 90 min

Director: Derrick Borte

Writer: Carl Ellsworth

Stars: Russell Crowe, Jimmi Simpson, Caren Pistorius

[รีวิว]Unhinged : ท่าทางรัสเซล โครว์ จะร้อนเงิน
Our score
5.8

[รีวิว]Unhinged : ท่าทางรัสเซล โครว์ จะร้อนเงิน

จุดเด่น

  1. บทหนังจากต้นเรื่องปูมาถึงจุดที่เหยื่อเจอกับเฮียคลั่งทำได้ดี

จุดสังเกต

  1. ใช้ประโยชน์จากรัสเซล โครว์ ได้ไม่คุ้มค่า ทั้งเรื่องที่แต่ขมวดคิ้ว ทำตาขวาง
  2. บทหนังไม่ให้น้ำหนักกับปูมหลังของเฮียคลั่งได้เพียงพอ เลือกเน้นหนักกับปูมหลังของราเชลฝั่งเดียว
  3. บทหนังเต็มไปด้วยช่องโหว่ ขาดเหตุและผลจนน่าหงุดหงิด
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    2.0

  • คุณภาพนักแสดง

    8.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    7.0

  • ความบันเทิงตามแนวหนัง

    7.0

  • คุ้มเวลา ค่าตั๋ว

    5.0

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

เชื่อว่าวินาทีแรกที่ทุกคนได้เห็นโปสเตอร์หรือตัวอย่างหนัง Unhinged สิ่งที่ดึงดูดความสนใจจากเรื่องนี้ก็คือชื่อของ รัสเซล โครว์ ซึ่งนอกจากจะมีชื่อเป็นจุดขายในบทนำแล้ว สิ่งที่ชวนให้สนใจมากไปกว่านั้นก็คือการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของพระเอกตลอดกาล มารับบทเป็นตัวร้าย แถมยังมาพร้อมภาพลักษณ์ที่อ้วนตุ๊ต๊ะ ไม่เหลือคราบเดิมของ แม็กซิมัส ให้เห็นอีกต่อไป และที่สำคัญชื่อของรัสเซล โครว์ ทำให้หนังดูน่าสนใจขึ้นมากกว่าตัวเลือกเดิมที่ทีมงานทาบทาม นิโคลาส เคจ ให้มารับบทนี้ แต่ถูกบอกปัดไป รัสเซล โครว์ ก็เลยมาเสียบแทน นับว่าเป็นการกลับมารับบทนำครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจาก Boy Erased เมื่อปี 2018

และการที่นักแสดงมากฝีมือระดับที่เคยเข้าชิงออสการในสาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมมาแล้ว 3 ครั้งและคว้าไปได้ 1 ครั้งจาก Gladiator (2000) ยอมพลิกภาพลักษณ์มารับบทร้ายนี่ แปลว่าบทนี้ต้องไม่ธรรมดา มีความน่าสนใจขนาดที่ดึงให้ รัสเซล โครว์ ยอมมารับบทได้ และฝีมือของรัสเซล โครว์ ก็น่าจะทำให้บทชายโฉดรายนี้ดูน่ากลัวขึ้นมากว่าบทวายร้ายธรรมดาทั่วไปได้ จากที่เห็นในตัวอย่างซึ่งชวนให้สงสัยได้ว่า หนังจะเล่าอะไรได้ยาว ๆ จากพล็อตเบาบางเพียงแค่ ชายขี้โมโหตามล้างตามเช็ดแม่ลูกที่ไปบีบแตรใส่เขา ซึ่งเมื่อได้ดูก็เห็นว่าบทหนังไม่ได้มีความลึกอะไรไปมากกว่าที่เห็นจากตัวอย่าง

รัสเซล โครว์ และเดอร์ริก บอร์เธ ผู้กำกับ

สิ่งที่เป็นไปตามคาดการแสดงของรัสเซล โครว์สามารถทำให้บทตัวร้ายโรคจิตดูมีความน่ากลัวได้จริง แต่ว่าความสามารถระดับรัสเซล โครว์ ก็ยังไม่สามารถช่วยลบรอยแผลอันมากมายจากบทหนังได้ ซึ่งก็นับว่าเป็นส่วนด้อยอันรุนแรงของหนัง ซึ่งเมื่อดูไปที่ชื่อของผู้เขียนบท คาร์ล เอลส์เวิร์ธ เครดิตของเขาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เอาเสียเลย เพราะมีหนังทริลเลอร์สนุก ๆ ทั้ง Red Eye(2005) และ Disturbia (2007) แต่พอมาถึง Unhinged นี่ คาร์ลกลับเลือกเทน้ำหนักไปที่ตัว ราเชล และ ไคล์ แม่ลูกผู้เป็นเหยื่อของเรื่อง พาคนดูให้ไปรับรู้ชีวิตของเธอในช่วงนี้ ที่กำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ กำลังฟ้องหย่ากับสามี ลูกค้าบอกเลิกจ้าง ซ้ำยังต้องรับภาระน้องชายและน้องสะใภ้นี่มาขออาศัยอยู่ด้วย แม่ก็ป่วยหลง ๆ ลืม ๆ ทำให้เธอตึงเครียดขณะที่กำลังเร่งรีบไปส่งลูกชายให้ทันเข้าเรียน แล้วเจอรถกระบะคันใหญ่จองนิ่งไม่ขยับเขยื้อนแม้ว่าไฟเขีย;จะสว่างมาหลายวินาทีแล้ว ทำให้เธอกดแตรยาวเข้าใส่ด้วยความหงุดหงิด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความอาฆาตพยาบาทจากคนขับรถกระบะคันหน้า

แคเร็น พิสโทเรียส ในบท ราเชล

ก็นับตั้งแต่เปิดเรื่องจนมาถึงจุดพิพาทกันระหว่างสองผู้ขับขี่นี่ บทของคาร์ลปูมาได้ดีเลยล่ะ แต่ในทางตรงกันข้ามคนดูแทบไม่ได้รู้จักตัวตนของชายคลั่งผู้นี้เลย ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนาม มีเพียงฉากเปิดเรื่องที่เขาบุกไปฆ่าอดีตภรรยาและสามีใหม่เท่านั้น หนังเล่าภูมิหลังของเฮียคลั่งแบบผิวเผินผ่านการรายงานข่าวเท่านั้น ซึ่งในฐานะตัวปัญหาของเรื่องนับว่ายังเบาบางเกินไปกับการเป็นเรงขับเคลื่อนให้เขาบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้ เพราะเขาได้ก้าวข้ามเส้นของการฆ่าจากความอาฆาตแค้นส่วนตัวมาเป็นฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าคนอื่นอีกโดยที่ไม่มีเหตุบาดหมางกันมาก่อนได้แบบง่าย ๆ ส่วนหน้าที่ผู้กำกับตกเป็นของ เดอร์ริก บอร์เธ ถ้าไม่คุ้นหูก็ไม่แปลกครับ เพราะเขาเป็นผู้กำกับชาวเยอรมัน ดูเครดิตผลงานก่อนหน้าแล้วก็ไม่รู้จักเลยสักเรื่อง

รัสเซล โครว์ ในบทชายนิรนาม ตัวร้ายของเรื่อง

แม้ว่าขณะที่ดูหนังก็ได้เตือนตัวเองตลอดว่านี่คือหนังฮอลลีวูด ที่สร้างมาเพื่อความบันเทิง ยิ่งหนังที่หวังผลทางการตลาดมาก ๆ ตรรกะความเป็นจริงมันก็ยิ่งลดน้อยลงไป แต่สำหรับ Unhinged นี้ผมก็ทำความเข้าใจตามหลักการพื้นฐานข้อนี้แล้ว แต่หนังก็ยังเดินหน้าไปแต่ละนาทีด้วยทิศทางที่ออกห่างจากตรรกะความเป็นจริงไปเรื่อย ๆ มันก็เลยเป็นฉากแอ็กชันไล่ล่าบนจอที่ดำเนินไปบนความรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการได้เห็นการกระทำไร้เหตุผลของตัวละคร ทั้งฝ่ายล่าและฝ่ายถูกล่า มันเป็นเรื่องที่ฝืนไม่ได้กับการดูหนังที่ตัวละครตกอยู่ในวิกฤตแบบนี้แล้วสมองเราจะต้องคิดตามว่าถ้าเป็นเราจะทำอย่างไร แล้วก็เชียร์ให้ตัวละครทำอย่างนั้นสิ อย่างนี้สิ แต่กับราเชลแล้วเธอก็จะเลือกหนทางที่ชวน……….เฮ้อ อยู่เสมอ อย่าได้นึกถึงบรรดาตำรวจในเรื่องนี้ที่บทเขียนให้ไร้ประโยชน์อย่างมาก

แคเร็น พิสโทเรียส และ แกเบรียล เบตแมน

เมื่อหนังผ่านเข้าช่วงท้ายหนังก็ไม่เหลือความสมเหตุสมผลอีกต่อไป ตัวเฮียคลั่งก็กลายเป็นวายร้ายโรคจิตตัวหนึ่งซึ่งมองย้อนไปก็เห็นดีด้วยว่าจากที่วางตัว นิโคลาส เคจ ไว้แต่แรกน่ะถูกต้องตามคุณภาพหนังแล้ว เพราะนี่คือบทที่ต้องใช้คำว่า “ลดตัว” มาเล่นของ รัสเซล โครว์ ขนานแท้กับการได้เห็นวายร้ายร่างบิ๊กเบิ้มกำลังกระทืบผู้หญิง และตบเด็ก ถึงได้ชวนให้สงสัยว่ารัสเซลห็นบทแบบนี้แล้วยังรับเล่น ก็แปลว่าเขาน่าจะเดือดร้อนเงินอย่างหนักแล้วล่ะมั้ง

แม้ว่าตัวเลข 33 ล้านจะไม่ใช่ทุนสร้างที่มากมายนัก แต่ดูแล้วก็ชวนให้สงสัยว่าหนังมีอะไรถึงกับต้องใช้ทุนขนาดนี้เชียวหรือ เกือบ 1,000 ล้านบาทเลยนะ เพราะนอกจากรัสเซล โครว์ แล้วนักแสดงคนอื่นนี่โนเนมล้วน ๆ ฉากแอ็กชันใหญ่ ๆ ก็มีระเบิดบ้านหนึ่งหลัง กับฉากรถชนกันวินาศสันตะโร 1 ครั้งเท่านั้น ในอนาคตเราจะได้เห็นรัสเซล โครว์ โดดมาร่วมวงกับ นิโคลาส เคจ และ บรู๊ซ วิลลิส หากินกับหนังเกรดบีอีกคนก็ได้มั้ง เพราะถ้ารัสเซลยังจะกลับมาเดินสายหนังขายฝีมือแล้วล่ะก็ Unhinged จะกลายเป็นจุดด่างพร้อยติดในเครดิตของเขาไปตลอดกาล

สิ่งที่น่าชื่นชมสุด ก็คือสปิริตของผู้สร้างที่ยอมรับหน้าที่เป็นทัพหน้าในฐานะหนังใหม่เรื่องแรกที่เข้าโรงฉายในช่วงหลังโควิด เปิดฉายในยุโรปมาแล้วตั้งแต่ 16 ก.ค. ทำรายได้ไปแล้ว 2.6 ล้านเหรียญ ก็รอดูว่าหนังเปิดตัวในสหรัฐฯ 21 สิงหาคมนี้ หนังจะได้ทุนคืนไหมนะ

https://www.youtube.com/watch?v=UH7knl7VRgY