[รีวิว] TESLA เทสลา คนล่าอนาคต – เรื่องเล่าเวียร์ด ๆ ของอัจฉริยะผู้อาภัพ

Release Date

24/09/2020

Tesla เทสลา คนล่าอนาคต 102 Minutes

Director: Michael Almereyda Writer: Michael Almereyda Stars: Ethan Hawke, Eve Hewson,

[รีวิว] TESLA เทสลา คนล่าอนาคต – เรื่องเล่าเวียร์ด ๆ ของอัจฉริยะผู้อาภัพ
Our score
6.2

[รีวิว] TESLA เทสลา คนล่าอนาคต – เรื่องเล่าเวียร์ด ๆ ของอัจฉริยะผู้อาภัพ

จุดเด่น

  1. มีความคิดสร้างสรรค์และบ้าบิ่นในการนำเสนอเรื่องราวบุคคลสำคัญ
  2. การแสดงของอีธาน ฮอว์ค ยังเชื่อมือได้เสมอ
  3. อีฟ ฮิวสัน โดดเด่นมากในบท แอนน์ มอร์แกน ที่หนังปรุงแต่งให้ทั้งเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และผู้เล่าเรื่อง

จุดสังเกต

  1. เป็นหนังที่ไม่ได้ทำมาเพื่อให้คนดูทุกคนสนุก แต่ต้องเป็นคนที่อยากหาอะไรแปลกใหม่ดู
  2. บทค่อนข้างเล่าเรื่องสะเปะสะปะ และมีช่วงเฉื่อยแบบไม่สนใจคนดูอยู่บ้าง
  • ความลงตัวของบทภาพยนตร์

    6.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    7.5

  • คุณภาพนักแสดง

    7.5

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    5.0

  • ความคุ้มค่าบัตรชมภาพยนตร์

    5.0

https://youtu.be/m6EQczlSqiE
สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

ปีก่อนหากยังจำกันได้ The Current War หรือ สงครามไฟฟ้าคนขั้วอัจฉริยะ ได้เข้าฉายโรง ซึ่งได้บอกเล่าสงครามระหว่าง โทมัส อัลวา เอดิสัน กับ นิโคลา เทสลา ที่มีทั้งเกมธุรกิจและการหักหลังกันระหว่างอัจฉริยะสองคนซึ่งหนังก็เข้าฉายและได้ผลตอบรับที่ค่อนข้างเงียบเหงาตามประสาหนังไบโอพิกที่เล่าประวัติบุคคลสำคัญทั่วไป แต่กระนั้นปีนี้ก็ยังมีหนังที่พูดถึงบุคคลสำคัญที่สร้างแสงสว่างและความสะดวกสบายให้โลกออกมาฉายโดยคราวนี้จะเน้นไปที่ความคิด ความรัก และชะตากรรมของ นิโคลา เทสลา

หลังเกิดปัญหาเรื่องสิทธิบัตรไฟฟ้ากระแสสลับ นิโคลา เทสลา (อีธาน ฮอว์ค) ตัดสินใจเดินออกจากการปกครองของ โทมัส อัลวา เอดิสัน (ไคล์ แมกลาแคลน) เจ้าพ่อนักประดิษฐ์ เขาได้ระหกระเหินหอบความฝันถึงโลกยุคใหม่จนได้ร่วมธุรกิจกับ จอร์จ เวสติงเฮาส์ (จิม กัฟฟิแกน) และยังได้พบแอนน์ มอร์แกน (อีฟ ฮิวสัน) ลูกสาวมหาเศรษฐีที่สนใจในตัวเขา แต่แล้วเขาก็ต้องเผชิญกับทั้งอุปสรรคด้านการเงินและการทรยศหักหลังทั้งชีวิตของเขาจนวันสุดท้าย

ก่อนอื่นต้องบอกว่า TESLA ของผู้กำกับ ไมเคิล อัลเมอเรดา ไม่ได้เป็นหนังไบโอพิกบอกเล่าเรื่องราวเป็นเส้นตรงเหมือนหนังทั่วไป แต่เหมือนหนังค่อย ๆ ตั้งกระทู้แล้วสำรวจแต่ละประเด็นไปพร้อมกับการวิพากษ์ตัวบุคคลที่มันกำลังบอกเล่าโดยไม่สนใจตรรกะหรือความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ หลายครั้งมันแสดงตัวชัดเจนผ่านช็อตที่ตัวละครอยู่หน้าฉากรูปวาดเพื่อทำให้เห็นว่าเรากำลังดูเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าต่อกันมาไม่ต่างจากละครและมีการประกอบสร้างเรื่องเล่าอีกชุดมายั่วล้อการรับรู้คนดูหรือเรียกง่าย ๆ มันคือหนังไบโอพิกแบบโพสต์โมเดิร์นนั่นเอง

โดยเนื้อหาหลักของเรื่องหนังจะใช้ แอนน์ มอร์แกน สาวที่ได้มีความสัมพันธ์กับนิโคลา เทสลามาบอกเล่าเรื่องและพูดถึงผลลัพธ์ของความพยายามที่ล้มเหลวแต่ละครั้งของนิโคลา เทสลาทั้งเรื่องธุรกิจที่มักจะล้มเหลวในการทำให้ความคิดความฝันของเขาเป็นจริงได้เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งไปจนถึงปมเรื่องส่วนตัวอย่างความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่นอกจากแม่แล้วแทบไม่เคยมีใครเข้าถึงหัวจิตหัวใจผู้ชายคนนี้ได้เลย

ดังนั้นเราเลยจะได้เห็นการเล่าเรื่องที่บางคร้้งดูไม่ปะติดปะต่อ ฉากทดลองไฟฟ้าที่ไม่ได้ต้องการให้เกิดความเร้าใจเหมือน The Current War แต่มันถูกใช้เพื่อบ่งบอกสภาวะของตัวละครได้ห้วงเวลาแห่งการค้นพบและความล้มเหลวในการเกมชีวิตของเขา ทำให้ TESLA กลายเป็นหนังที่ไม่ง่ายนักที่จะดูเพื่อทำความเข้าใจชีวิตและผลงานซึ่งอาจเป็นเป้าประสงค์ของคนที่อยากรู้จักความยิ่งใหญ่ของนิโคลา เทสลา

ตรงกันข้ามเราจะได้เจอภาพและเสียงบรรยายที่หลายครั้งก็เหมือนเย้ยหยันชะตาชีวิตเขาตลอดเรื่อง ตั้งแต่เรื่องที่ แอนน์ มอร์แกน เริ่มประเด็นด้วยจำนวนภาพของเขาใน Google ที่น้อยกว่าเอดิสัน ผลงานที่ประสบความสำเร็จแบบนับชิ้นได้ ไปจนถึงการสร้างสถานการณ์ลวงทั้งเพื่อเย้ยหยันอย่างฉากที่เอดิสันเบี้ยวค่าสิทธิบัตรตอนต้นเรื่องที่หนังให้ทั้งคู่กินไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟแบบโคนยุคปัจจุบันแล้วเล่นเกมแทงดาบไอศกรีมกันเหมือนเด็ก ๆ

หรือการสร้างฉากแห่งอภัยทานระหว่างเอดิสันกับเทสลาในงานเวิร์ลแฟร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงก่อนที่ เอดิสัน จะหลบฉากไปปัดสมาร์ตโฟนที่บาร์ ! ใช่ครับ…หนังมันประหลาดกันเบอร์นั้นเลย ประหนึ่งจะบอกว่าในความล้มเหลวแต่ละครั้ง เทสลาได้สร้างนวัตกรรมในหัวของเขาที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาดังกล่าวขึ้นมา และความประหลาดของหนังยังไม่หยุดแค่นี้แต่ตอนท้ายเรื่องมันยังให้อีธาน ฮอว์คในร่างทรงของ นิโคลา เทสลา ร้องเพลง Everybody wants to rule the world ของวง Tears For Fears เพื่อสรุปถึงชีวิตและปณิธานของเทสลาที่ไม่อาจเกิดขึ้นจริงในช่วงชีวิตของเขา

แต่กระนั้นสิ่งที่เป็นความยากลำบากในการติดตามชมจริง ๆ ของ Tesla กลับเป็นบทภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องค่อนข้างสะเปะสะปะ หลายประเด็นก็ไม่รู้ว่าใส่มาทำไมเช่นเรื่องของนักแสดงสาวชาวฝรั่งเศสที่เขาและเอดิสันดูจะแข่งกันเรื่องพาเธอมาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์แสดงผลงานที่หนังใช้เวลาหลายซีนเหลือเกินเพื่อขยี้เรื่องราวตรงนี้โดยที่แทบไม่เกี่ยวกับเส้นเรื่องหลัก หรือเอาเข้าจริง ๆ ลำพังการตามเส้นเรื่องหลักก็ยากเย็นแสนเข็นอยู่แล้ว พอมาเจอซีนที่ดูเซอร์แตกเยอะ ๆ ก็อาจทำให้คนดูถอดใจและไปเฝ้าพระอินทร์กันได้อย่างง่ายดาย

สำหรับนักแสดง อีธาน ฮอว์ค ยังคงมาตรฐานการแสดงไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เขาทำให้นิโคลา เทสลา ที่แม้ทั้งเรื่องจะดูเป็นคนเงียบขรึมแต่กลับมีประจุไฟฟ้าทางอารมณ์ที่คุกรุ่นแม้ไม่ระเบิดออกมาตรง ๆ แต่คนที่น่าจะเป็นศูนย์กลางความสนใจจริง ๆ กลับเป็น อีฟ ฮอว์สัน จาก Robin Hood ฉบับเด็กแนวที่กล้องดูจะรักเธอเป็นพิเศษ ซึ่งการใช้น้ำเสียงและสีหน้าที่ต่างกันในฐานะแอนน์ มอร์แกนที่เป็นตัวละครกับในฐานะนักเล่าเรื่องก็สร้างชั่วโมงพิศวงและพาคนดูต้องมนตร์กับเรื่องมหัศจรรย์ที่เธอจะเล่าได้เสมอ

WHAT THE FACT รีวิว TESLA
กดที่รูปเพื่อเช็กรอบฉายและซื้อบัตรชมภาพยนตร์

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส