Release Date
22/10/2020
แนว
ดราม่า / สยองขวัญ
ความยาว
(1.30 ชม.) 90 นาที
เรตผู้ชม
13+ / R
ผู้กำกับ
Natalie Erika James
Our score
6.7RELIC : กลับมาเยี่ยมผี
จุดเด่น
- ตีความความสัมพันธ์ระหว่างยาย-แม่-หลานและโรคสมองเสื่อมให้กลายเป็นหนังสยองขวัญได้ดีมาก
- ฉาก-แสง-เซ็ตติ้ง-บรรยากาศออกแบบได้ดีและโคตรจะทำงาน
- เป็นหนังผีที่ไม่ได้เน้นตุ้งแช่ น่าจะดูได้แบบสบายใจ
จุดสังเกต
- พล็อตเรื่องแอบเดาง่ายไปหน่อย
- เนื้อหายังหลวม ๆ และชวนงงกับที่มาที่ไปของแต่ละจุดอยู่พอสมควร
- บทสรุปของหนังออกแนวไม่แมส คนที่ไม่ชอบแบบนี้อาจไม่ชอบไปเลย
-
ความสมบูรณ์ของเนื้อหา
5.7
-
คุณภาพงานสร้าง
8.0
-
คุณภาพของบท / เนื้อเรื่อง
5.5
-
การตัดต่อ / การลำดับ และการดำเนินเรื่อง
6.9
-
ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม
7.3
เรื่องย่อ เมื่อ “เอ็ดน่า” หญิงชราผู้เป็นยายของ “แซม” ได้หายตัวออกไปจากบ้านอย่างลึกลับ แซม หลานสาวผู้เป็นที่รัก และ “เคย์” แม่ของเธอจึงได้รีบกลับไปตามหา เอ็ดน่า ที่บ้านเก่าที่อยู่ในชนบทอันห่างไกล เมื่อทั้งสองไปถึงที่นั่น พวกเธอพบว่าภายใต้บ้านอันทรุดโทรมที่มีความทรงจำมากมายหลังนั้น รอบบ้านยังมีร่องรอยบางอย่างที่แสดงถึงภาวะความเสื่อมถอยของสังขาร เอ็ดน่า เต็มไปหมด และหลังจากที่ทั้งคู่ออกตามหาคุณยายที่หายไปจนเกือบถอดใจ เอ็ดน่า หญิงชราที่หายไปก็ปรากฎตัวขึ้นมาที่บ้านอย่างลึกลับ การกลับมาอย่างพิศวงของ เอ็ดน่า พร้อมกับพฤติกรรมประหลาดที่เปลี่ยนไป ทำให้สองแม่ลูกเกิดความสงสัยในตัวคุณยายเอ็ดน่า และเรื่องราวชวนขวัญผวาก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อคนที่คุณรัก บ้านที่คุ้นเคย ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…และทุกสิ่งกำลังเน่าสลาย
เรียกว่ามาได้จังหวะช่วงปลายเดือนตุลาคม ต้อนรับเทศกาลฮาโลวีนกันเลยครับ กับภาพยนตร์สยองขวัญสัญชาติออสเตรเลียเรื่องนี้ (คือเรื่องนี้มีความออสซีจริง ๆ นะครับ ถ้าใครคิดว่าอยากจะไปดูแบบ Soundtrack อาจจะเกิดอาการมึนนิดหน่อย เพราะภาษาอังกฤษสำเนียงออสซีนี่ฟังยากเหลือเกิน 555)
ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของผู้กำกับหญิง Natalie Erika James ที่แม้จะมือใหม่ แต่ก็มีแบ็กอัปด้วยทีมโพรดิวเซอร์ชื่อดังที่เราคุ้นชื่อกันดี ตั้งแต่นักแสดงหนุ่มอย่าง Jake Gyllenhaal และคู่พี่น้องตระกูลรุสโซ Joe และ Anthony Russo ผู้กำกับหนังฮีโร AVENGERS: ENDGAME (2019) อีกต่างหากแถมหนังเรื่องนี้ยังการันตีคุณภาพ กวาดคำวิจารณ์ดีเยี่ยมจากเวที Sundance Film Festival และคว้าคะแนนมะเขือสดจากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ไปได้ถึง 92% อีกต่างหาก
จริง ๆ พล็อตของหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนครับ พูดถึงครอบครัวแม่และลูกสาวที่อยู่เมืองหลวงมานาน ได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านที่อยู่นอกเมือง ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมมานานแล้ว ส่วนแม่หรือคุณยายเองก็มีปัญหาโรคสมองเสื่อม หลง ๆ ลืม ๆ อีกต่างหาก ความน่ากลัวเลยเริ่มต้นตั้งแต่ที่ทั้งคู่กลับมาถึงบ้านแล้ว แต่ปรากฏว่าคุณยายดันหายตัวไปอย่างลึกลับ แล้วอยู่ดี ๆ ก็โผล่มาเฉย แต่การกลับมาของคุณยายเอ็ดน่าในคราวนี้ไม่ได้แค่กลับมาอย่างเดียว แต่ดูเหมือนว่าพฤติกรรมประหลาด ๆ ของคุณยายและความลึกลับบางอย่างที่อยู่ในบ้าน จะติดตามคุณยาย มาสร้างความปั่นป่วนให้กับลูกสาวอย่างเคย์ และหลานสาวอย่างแซมอีกด้วย
หนังเรื่องนี้มีจุดยอดเยี่ยม 2 อย่างที่ผมอยากพูดถึงและชื่นชมครับ อย่างแรกคือ ตั้งแต่ต้นจนจบ หนังเรื่องนี้ค่อย ๆ สร้างบรรยากาศความน่ากลัว และความไม่ไว้วางใจได้แทบจะทุกวินาที โดยเฉพาะทุกฉากที่อยู่ในบ้าน หรือฉากที่มีคุณยายเอ็ดน่าปรากฏตัวขึ้น อันนี้ก็ต้องยกความดีความชอบใหัการแสดงของคุณยาย Robyn Nevin ที่สามารถกลายเป็นคุณยายเอ็ดน่าที่มีอาการสมองเสื่อม หวาดระแวง และส่งสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจให้เราได้รู้สึกไม่ไว้วางใจได้ดีมาก ๆ
รวมถึงต้องให้เครดิตกับการฉาก-แสง-เซ็ตติ้ง-บรรยากาศ และเสียง ที่สามารถออกแบบบ้านที่มีป่าล้อมรอบ พร้อม ๆ กับการเสริมสร้างบรรยากาศด้วยการใช้องค์ประกอบโดยรวม ทำให้บ้านกลางป่าแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ที่ไม่ได้ถึงกับลึกลับ ดูเผิน ๆ ก็บ้านทั่วไปนี่ล่ะครับ แต่ก็เต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจลอยอวลอยู่ทั่วทั้งเรื่อง รวมทั้งยังเป็นหนังที่ไม่ได้เน้นผีออกมาตุ้งแช่ ๆ แต่เป็นหนังที่ใช้บรรยากาศโดยรวมสร้างความสยองขวัญและไม่ไว้วางใจได้เป็นอย่างดี เเป็นหนังสยองขวัญที่ค่อย ๆ ขับเน้นความน่ากลัวและความไม่น่าไว้วางใจขึ้นทีละนิด ๆ อย่างช้า ๆ
อย่างที่สองก็คือ ถ้าจะมองกันว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญผีหลอก ก็พอได้อยู่ แต่ความน่าสนใจของหนังผีเรื่องนี้ก็ตรงที่่ การหยิบเอาเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัวที่มีช่องว่างแห่งความห่างเหินระหว่างแม่-ลูก-หลาน ที่คุณยายเองก็ต้องประสบปัญหาสมองเสื่อม ถูกปล่อยให้อยู่บ้านตามลำพัง ส่วนลูกที่อยู่ในเมืองเองก็มีหน้าที่การงานรุงรังจนทำให้ไม่มีเวลาดูแลแม่มากพอ คงไม่ถึงขั้นทอดทิ้งหรือดุด่า แต่การดูแลแม่สมองเสื่อมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจจริง ๆ นั่นแหละ
ส่วนหลานสาวเอง แม้ว่าจะดูสนิทกับคุณยายดี แต่ด้วยความที่คุณยายสมองเสื่อม ก็ต้องรับมือกับอารมณ์ “ผีเข้า-ผีออก” นึกจะใจดีก็ใจดี นึกจะอารมณ์ร้ายก็ปรี๊ดขึ้นมาทันควัน บางทีคุณยายให้ของอะไรก็จำไม่ได้ พอมาเจออีกทีก็ดุหลาน หาว่าเป็นขี้ขโมยไปอีกแน่ะ ซึ่งตรงนี้คุณหลานเองก็ต้องรับมือกับความขึ้น ๆ ลง ๆ ของคุณยายด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งอิดหนาระอาใจในเวลาเดียวกัน
ซึ่งสิ่งที่ผมเองพลอยคิดไปถึงเรื่องนี้ก็คือ หรือหนังเรื่องนี้จริง ๆ แล้ว อาจใช้พล็อตและการดำเนินเรื่องแบบหนังสยองขวัญ ความเป็นผีมาเคลือบเรื่องราวความสัมพันธ์อันแสนจะอึมครึมนี้ก็ได้นะครับ เพราะแม้ว่าบรรกาศของตัวหนังจะคล้อยตามและบิลต์ให้เราเกิดความไม่น่าไว้วางใจ และเชื่อว่า เดี๋ยวผีมันจะต้องมาแหละ แต่หนังเรื่องนี้ก็ใช้ความสยองขวัญในการเคลือบเรื่องราวความเจ็บปวดของความสัมพันธ์และการทิ้งผู้สูงอายุ อาการหลงลืม และการถูกลืมได้อย่างน่ากลัว ลุ่มลึกและอึมครึมจริง ๆ
ส่วนข้อสังเกตของหนังเรื่องนี้อยู่ที่พล็อตเรื่องครับ เพราะแม้ว่าตัวเรื่องโดยรวมจะเต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจ และความน่ากลัว รวมถึงความหดหู่อะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ ด้วยพล็อตเองที่ยังอธิบายเรื่องราวได้ยังไม่ครอบคลุมมากพอที่จะบอกเล่าที่มาที่ไปว่า เหตุผลและการกระทำต่าง ๆ ของตัวละครนั้น ๆ ทำสิ่งนั้นไปทำไม ทำแล้วจะเกิดอะไร ทำไมถึงต้องทำสิ่งนั้น ก็เลยพลันให้เห็นช่องว่างหลวม ๆ อะไรบางอย่างในการดำเนินเรื่องอยู่พอสมควร
และอีกจุดสังเกตที่เห็นได้ชัดก็คือบทสรุปของเรื่องครับ แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้สามารถให้ความกลัวและความหดหู่ได้แบบจัดเต็ม แต่ก็ต้องบอกไว้ก่อนว่า ตอนจบนั้นแอบมีความไม่แมสอยู่นะครับ เป็นบทสรุปจบที่อาจจะแอบย่อยยากอยู่ประมาณหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งถ้าใครที่ไม่ชอบก็อาจจะไม่ชอบเลย แต่ใครที่ชอบขบคิด หรือตีความ ก็อาจจะชอบหรือประทับใจที่มันจบแบบนี้ (ก็ได้ด้วย) ได้เหมือนกัน
คือถ้าใครไม่ชอบหนังผี Jump Scare สไตล์เดิม ๆ ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ก็เป็นทางเลือกใหม่ ๆ ที่ท้าทายประสบการณ์ของคอหนังได้ดีทีเดียวเลยครับ แม้ว่าพล็อตอาจจะยังหลวม ๆ บ้าง และหลายคนอาจงง ๆ กับบทสรุปแบบนั้น แต่บอกได้เลยครับว่า นี่คือหนังสยองขวัญที่ทั้งอึมครึม หลอกหลอนและร้าวลึกจนไม่อาจจะลืมบ้านหลังนี้ และครอบครัวนี้ไปได้อีกเลย!