Release Date
12/11/2020
แนว
ตลก-ดราม่า
ความยาว
1.40 ชม. (100 นาที)
เรตผู้ชม
ทั่วไป
ผู้กำกับ
รพี พิเชียรภาคย์
Our score
5.8MY RHYTHM (มาย ริทึ่ม)
จุดเด่น
- เป็นหนังนักศึกษาที่มีจังหวะและลูกเล่นสดใหม่
- ในแง่โพรดักชัน นี่คือหนังนักศึกษาที่โพรดักชันที่ถือว่าโอเคเลย ไม่แย่
- แอบเทใจให้การแสดงของฝ้าย แต่คริสก็ถือว่าทำได้ดีกับหนังเรื่องแรก
- Cameo อย่างพี่ปู แบล็กเฮด และพี่ชัช บอดี้สแลม ถือว่าไม่สูญเปล่า
จุดสังเกต
- พล็อตหนังดนตรีแบบสูตรสำเร็จและเบาบางไปหน่อย
- ปมดราม่าของตัวละครอื่น และมุกตลกแอบขโมยซีนโรคลมหลับของคุณพีไปซะงั้น
- มุกฮาทำงานได้เฉพาะบางมุก (แต่ใน End Credit ดันทำงานรุนแรงซะงั้น)
- แม้เป็นหนังเพลง แต่เพลงในหนังยังไม่โดดเด่นเท่าไหร่
- การตัดต่อและดำเนินเรื่องยังมีความไม่เข้าที่เข้าทาง
-
ความสมบูรณ์ของเนื้อหา
4.7
-
คุณภาพงานสร้าง
6.5
-
คุณภาพของบท / เนื้อเรื่อง
5.8
-
การตัดต่อ / การลำดับ และการดำเนินเรื่อง
6.4
-
ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม
5.4
เรื่องย่อ โก้ (พีรวัส แสงโพธิรัตน์) มือกลองสุดเทพ อีโก้สูงทะลุเพดาน เขาฝันว่าสักวันจะดังแบบวง Bodyslam เป็นเหมือนไอดอล แต่โก้ดันเป็นโรคประหลาดคือ หลับได้ทุกที่ แต่แล้ววันหนึ่งโก้ก็พบกับส้ม (บุญสิตา อินทาปัจ) สาวแบ๊วสดใส ช่างจินตนาการ เพื่อนเก่าสมัยมัธยม ส้มทำให้โก้อยากฟอร์มวงดนตรี โก้เลยเข้าไปอยู่วงเดียวกับ ยอด มือกีต้าร์สุดเนิร์ด จอมป่วน และตุ๋ย มือเบสที่เงียบเป็นเป่าสาก แถมได้รุ่นพี่เด็กซิ่วจอมโหด อย่าง โฉด มาเป็นนักร้อง โก้จะไปถึงฝันที่เขาฝันไว้ไหม
แม้ว่าหน้าหนังจะไม่ได้ชูความเป็นหนังนักศึกษามากเท่าไหร่ (เพราะแน่นอนว่าจุดขายหลักก็อยู่ที่นักแสดงนำอย่าง “คริส พีรวัส” นักแสดงหนุ่มสายวายที่โด่งดังไปทั่วเอเชีย) แต่ก็ต้องเล่าเบื้องหลังว่า หนังเรื่องนี้มีต้นความคิดจาก อ.ณัฎฐ์ เดชะปัญญา อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (ที่ก็ร่วมเล่นเป็นอาจารย์สอนดนตรีในหนังด้วย) คิดโพรเจกต์เปิดค่ายหนังภายในรััวมหาวิทยาลัย และคิดจะสร้างภาพยนตร์สักเรื่อง โดยใช้ทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว และนักศึกษาในมหาวิทยาลับมาทำงานร่วมกัน และชักชวนให้ รพี พิเชียรภาคย์ ผู้กำกับโฆษณาและมิวสิกวีดิโอมากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ให้
หนังเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องของ “โก้” มือกลองขั้นเทพที่ได้เข้ามาเรียนใน มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา แบบไม่เจตนา เพราะดันเป็นโรคลมหลับ ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนก็สามารถวูบหลับได้ทันทีทันใจ เลยต้องสอบตกปฏิบัติเพื่อที่จะเข้ามหาวิทยาลัยดัง ๆ โชคชะตาดันของเขาดันมาพบเจอกับ ส้ม เพื่อนสาวที่เขาเคยแอบชอบมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย และเพื่อน ๆ อย่าง โฉด – ตุ๋ย – ยอด ที่อยากจะตั้งวงดนตรีในมหาวิทยาลัยอย่างใจฝัน พร้อมด้วยความช่วยเหลือของ อ.ณัฎฐ์ อาจารย์สอนดนตรี และ อาจารย์ป่อง (ปู แบล็กเฮด) อดีตนักดนตรีฝันค้างที่กลายมาเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษแทน
ถ้าจะมองในแง่ของการเป็นหนังนักศึกษา ก็ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้ก็มีจุดเด่นให้พูดถึงหลายจุดเลยครับ จุดเด่นที่เด่นชัดเลยก็คือ การที่หนังเรื่องนี้สามารถขยับสเกลในหลาย ๆ ส่วนเพื่อรองรับกับการเป็นหนังใหญ่ฉายโรงแบบ Official แน่นอนว่า อย่างแรกก็คือการใช้นักแสดงและนักดนตรีเข้ามาร่วมแสดง ตั้งแต่คริส พีรวัส ฝ้าย บุญสิตา รวมถึง Cameo อย่างพี่ปู แบล็กเฮด พี่ชัช บอดี้สแลม (หรือแม้แต่ อ.ณัฎฐ์ ที่มาแสดงเป็น อ.ณัฎฐ์) รวมถึงงานด้านโพรดักชันที่เรียกได้ว่าทำออกมาได้ไม่แย่เลยในฐานะหนังนักศึกษา การตัดต่อ มุมกล้อง ถือว่าทำออกมาได้ในระดับใกล้เคียงมืออาชีพเลย
แล้วพอเป็นหนังนักศึกษา สิ่งที่เป็นผลพลอยได้ก็คือความสดใหม่ในเรื่องของจังหวะและการทดลองต่าง ๆ นานาที่เราจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ครับ คือนอกจากจะพึ่งพามุกตลกในบทแล้ว การตัดต่อ การใส่จังหวะต่าง ๆ ก็มีความกล้าเล่นกล้าลองดีทีเดียว เช่นการใส่จังหวะแซวหนังตัวเองบ้าง ฯลฯ แม้ว่าบางจุดอาจจะไม่ได้ถึงขั้นโบ๊ะบ๊ะจังหวะฮา แต่ก็ถือว่าใส่มาได้อย่างพอสมควรแก่เหตุ ทำให้ตัวหนังดูมีลีลากวน ๆ ดีไปอีกแบบ
ถ้าหากพูดถึงนักแสดง แม้ว่าหน้าหนังและการโปรโมตจะชวนทำให้เราคิดไปว่า บทบาท โก้ ของคริส พีรวัส นั้นจะกลายเป็นตัวแบกหลักของหนัง และด้วยพล็อตที่ให้โก้ต้องเป็นโรคลมหลับ สามารถหลับได้ทุกที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงที่ทำให้โก้ล้มเหลวในความฝันที่อยากจะเป็นนักดนตรี เอาจริง ๆ บทบาทการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของคริสนั้นถือว่าใช้ได้ทีเดียวนะครับ ไม่แย่เลย คริสเองเป็นดาราอีกคนที่มีเสน่ห์บนจอใหญ่มากทีเดียว แต่จะด้วยบท มุกตลก หรือการแวะเล่าพาร์ตปมดราม่าของแต่ละตัวละครเยอะมากหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ ทำให้อยู่ดี ๆ อาการโรคลมหลับของโก้ก็ถูกพูดถึงแค่เพียงช่วงแรก ๆ และหายไปในช่วงหลัง มีสถานะกลายเป็นเพียงหนึ่งในคาแรกเตอร์ตลก ๆ ของตัวละครนี้ไปเสียเฉย ๆ รวมถึงบทของโก้เองในบางครั้งก็ดูน่าสนใจน้อยกว่าตัวละครอื่น ๆ ไปเสียอย่างนั้น
กลายเป็นว่าตัวละครที่มีการแสดงที่น่าสนใจมาก ๆ นั่นก็คือส้ม ที่แสดงโดยน้องฝ้าย บุญสิตานั่นเอง แม้ว่าตัวบทเองจะแวะไปเล่าเรื่องของส้มจนเรียกได้ว่าเยอะกว่าโก้อีก แต่ด้วยประสบการณ์การแสดงของน้อง ทำให้บทส้มของน้องฝ้าย กลายเป็นบทที่ผมแอบเทใจให้มากกว่าโก้นิดหน่อย ส่วน Cameo อย่างพี่ปู แบล็กเฮด และพี่ชัช บอดี้สแลม ก็ถือว่าไม่สูญเปล่า โดยเฉพาะพี่ปูเองที่ก็เคยมีผลงานการแสดงมาบ้าง ก็ถือว่าสอบผ่านเลย แม้จะยังมีแข็ง ๆ อยู่บ้าง ส่วนพี่ชัชก็เล่นเป็นพี่ชัชนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรซับซ้อน 555
แต่ถ้าจะมองในแง่ของการเป็นหนังใหญ่ (ที่มี M Pictures เป็น Distributor ให้) ก็ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้ก็มีแผลอยู่หลายจุดครับ ในแง่ของบทและพล็อต โดยรวมถือว่าไม่ได้แย่ครับ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพล็อตค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จแบบหนังวงดนตรีเก่า ๆ อยู่เหมือนกัน และที่สำคัญคือ มันยังเบาบางไปหน่อย เพราะการเล่าเรื่องที่แอบแวะเล่นมุก และเล่าปมดราม่าของแต่ละตัวละครจนทำให้เส้นเรื่องหลักดูไม่ชัดเจนและไม่น่าเอาใจช่วยเท่าไหร่ ยังมีจุดที่ผมโอเคคือ พาร์ตการเล่าเรื่องดราม่าที่ไม่ได้ขยี้จนเกินงาม
แต่กับมุกตลก จริง ๆ หนังเรื่องนี้ก็มีมุกตลกที่ดูเพลิน ๆ ได้นะครับ โดยเฉพาะมุกด้นสดต่าง ๆ หรือมุกเปิ่น ๆ กวน ๆ ที่คริสเล่น เรียกได้ว่าต่อให้ไม่ใช่ #ยูยู่ของคุณพี มาดูก็น่าจะฮาได้ รวมถึงการวางคาแรกเตอร์ของแต่ละคนให้มีเอกลักษณ์ของมุกกันคนละแบบ แต่ก็ต้องบอกว่า มุกโดยรวม ๆ ในหนังมันก็ทำงานได้ในแค่บางมุกจริง ๆ นะครับ หลายมุกนี่คือจังหวะแบบละครซิตคอมเลย ในขณะที่ผมเองก็รู้สึกยุกยิกเหมือนกันเวลาที่หนังพยายามขยี้มุกบางมุกมากเกินไปจนเริ่มจะมีอาการฝืดนิด ๆ
อีกจุดที่น่าเสียดายก็คือความสัมพันธ์ของโก้กับส้มครับ จริง ๆ เคมีของคริสกับฝ้ายนั้นถือว่าเข้ากันในระดับที่จิ้นได้เลยนะครับ แต่มันน่าเสียดายตรงที่บทไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เดินหน้าเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่พล็อตเองก็ชัดเจนว่า ความรักจากการที่โก้แอบชอบส้มนั้นมีอิทธิพลมากทีเดียว ยิ่งพอความสัมพันธ์ยังกั๊ก ๆ แทบไม่เดินหน้าไปทั้งเรื่อง นอกจากจะดูไม่ลงเอยอะไรเลยแล้ว การที่ส้มแอบกลับบ้านเร็ว ๆ แล้วโก้รู้สึกขัดใจ (หรือก็คือหึงนี่แหละ) มันก็เลยยังดูไม่ค่อยจะอิมแพ็กเท่าไหร่
แม้พล็อตหนังโดยรวมจะเป็นสูตรสำเร็จหนังวงดนตรีไปสักหน่อย และยังมีอะไรขาด ๆ เกิน ๆ บ้างตามประสาหนังนักศึกษา แต่ก็ถือว่าถือว่าไม่เลวเลย ในแง่ของการเป็นหนังนักศึกษาที่ได้ฉายในโรงใหญ่ เรียกว่าเป็นโอกาสที่น่าสนับสนุนจริง ๆ ซึ่งอันนี้ก็ต้องขอให้กำลังใจทีมผู้สร้างด้วยนะครับ โดยรวมก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูได้เพลิน ๆ มีมุกให้ฮา และเชื่อเลยว่า เชื่อว่า #ยูยู่ของคุณพี น่าจะได้ฟิน ได้กรี๊ดกับหลาย ๆ ฉากที่คริสปรากฏตัวในหลาย ๆ แบบ ทั้งแบบหล่อ ฮา เถื่อน และมีความแอบจิ้นนิด ๆ ฯลฯ ได้อย่างแน่นอน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส