หนังรวมยอดมือล่ารางวัลของฮอลลีวู้ดเรื่องนี้น่าจะหนึ่งในหนังกระหึ่มเวทีรางวัลช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน โดยมีกำหนดฉาย 16 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นฤดูที่หนังหวังกล่องต่างๆจะเริ่มปล่อยตัว
แค่พูดชื่อของคนที่เข้าร่วมโปรเจคนี้ก็คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าสตูดิโอหวังกับหนังเรื่องนี้ขนาดไหน ไล่มาตั้งแต่
ผู้กำกับอย่าง สตีเว่น สปีลเบิร์ก พ่อมดฮอลลีวู้ดที่ช่วงหลังแม้จะขาดหนังเปรี้ยงๆไปมาก แต่ก็ดูถูกฝีมือที่จัดเจนของเขาไม่ได้เลย
ดารานำบิ๊กเนมอย่าง ทอม แฮงค์ เองที่จะว่าไปช่วงหลังก็ห่างหายจากเวทีรางวัลไปบ้างเหมือนกัน ส่วนเรื่องฝีมือการแสดงไม่ต้องพูดถึง
นี่นับเป็นการกลับมาร่วมงานอีกครั้งของบุคคลทรงอิทธิพลในแวดวงบันเทิงโลกในรอบสิบปีทีเดียว ถ้าย้อนดูกลับไปถึงหนังที่ทั้งคู่ร่วมงานกันก็ต้องบอกว่า เชื่อขนมกินได้เลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ไล่ตั้งแต่ Saving Private Ryan (1998) Catch Me If You Can (2002) และ The Terminal (2004) ที่ต้องมีอยู่ในลิสต์หนังโปรดของใครหลายๆคนแน่ๆ
หนังยังได้เจ้าพ่อรางวัลและขวัญใจนักวิจารณ์อย่าง สองพี่น้อง Joel และ Ethan Coen มาร่วมเขียนบทให้ และถือเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของทั้ง 3 คนด้วย อันนี้ก็เชื่อขนมกินได้อีกว่าบทต้องดีขั้นเทพเจ้าอีกเช่นกัน
Bridge Of Spies เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในยุคสงครามเย็น (สงครามแผ่ขยายอิทธิพลการลัทธิการปกครองระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต ช่วงทศวรรษ 1960) โดยมีการส่งสายลับเข้าโจรกรรมและแทรกแซงระหวางประเทศอย่างซับซ้อน ซึ่งก็มีหนังหลายเรื่องมากๆที่เล่าประเด็นสายลับนี้ โดยฝั่งอเมริกันก็มี CIA เป็นทัพหลัก ส่วนโซเวียตก็มี KGB เป็นทัพหลวงเช่นกันเรื่องมันเกิดเมื่อ Rudolf Abel สายลับโซเวียตถูกจับตัวได้ในอเมริกา ในขณะใกล้เคียงกัน เครื่องบินสอดแนม U-2 ของอเมริกันที่มีนักบินคือ Francis Gary Powers ได้ถูกยิงตกในเขตพรมแดนโซเวียตและถูกควบคุมตัว CIA จึงมอบภารกิจในการเจรจาต่อรองแลกเปลี่ยนตัวประกันระหว่างเอเบลกับแกรี่ครั้งนี้ให้ทนายความชื่อ James B. Donovan (ทอง แฮงค์) ซึ่งถ้าจะว่าไปเป็นภารกิจยิ่งใหญ่ที่โดโนแวนต้องเสี่ยงทุกอย่างในชีวิตเข้าไปเดิมพัน ทั้งยังยากขึ้นไปอีกเมื่อการเจรจาเกิดขึ้นไม่นานหลังความพ่ายแพ้ในยุทธภูมิ Bay of Pigs ในคิวบาของฝั่งอเมริกัน ซึ่งเพิ่มความตึงเครียดขึ้นอย่างมาก
ส่วนชื่อเรื่อง Bridge Of Spies นั้น ก็มาจากสถานที่แลกเปลี่ยนตัวประกัน (สายลับ) ที่มักเป็นสะพานหรือทางเดินพรมแดนระหว่างประเทศคู่กรณีนั่นเอง เอาเป็นว่าใครสนใจหนังใหญ่ไล่ล่ารางวัลแนวดราม่าย้อนยุคเหตุการณ์จริงก็รอเรื่องนี้ได้เลย ไม่น่าผิดหวัง