กูเกิ้ลกับความพยายามผลักดันเทคโนโลยีวิดีโอ 360 องศามีให้เห็นมาพักใหญ่แล้ว แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่มีผู้กำกับที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Justin Lin แห่ง Fast and Furious ผู้รับไม้ต่อแฟรนไชส์นี้นับตั้งแต่ภาคที่ 3 จนถึงภาคที่ 6 ให้กลายเป็นหนังฮิตระเบิดระเบ้อมาแล้วเข้ามาลองทำหนังสั้นกับเทคโนโลยีภาพยนตร์แห่งอนาคตตัวนี้

ลิน ได้รับโทรศัพท์ลึกลับให้เข้าร่วมโปรเจคหนังสำหรับมือถือของกูเกิ้ลเมื่อราวๆ 2 ปีก่อน และในงานประชุมผู้พัฒนาของกูเกิ้ลเมื่อปลายเดือนที่แล้วนี้เอง ที่หนังสั้นความยาว 5 นาทีจากความร่วมมือดังกล่าวก็ได้ออกสู่สายตาคนทั่วโลกผ่านแอพที่ชื่อว่า Google Spotlight Stories (มีเฉพาะ Android เท่านั้นจ้า)

จัสติน ลิน ครั้งกำกับหนัง Fast and Furious

จัสติน ลิน ครั้งกำกับหนัง Fast and Furious

HELP เป็นหนังสั้นที่เกี่ยวกับสัตว์ต่างดาวที่บังเอิญพลัดตกลงมาบนโลกและพยายามหาทางกลับบ้านตัวเอง พล็อตง่ายๆไม่ซับซ้อนบวกกับบทสนทนาเพียงเล็กน้อยทำให้เราติดตามเรื่องไปได้โดยง่าย ที่สำคัญคือทำให้เราได้มีสมาธิกับการเลือกมุมกล้องที่เราต้องเลือกชม ว่าอยากจะหมุนไปชมตรงไหนในเหตุการณ์นั้น ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของเจ้าเทคโนโลยีวิดีโอ 360 องศาที่ผู้ชมเป็นผู้กำหนดมุมกล้องนั่นเอง

ยกตัวอย่างเผื่อใครไม่เก็ต เมื่อเรายกจอขึ้นตรงหน้าเราจะพบเจ้าสัตว์ต่างดาว และเมื่อมันวิ่งหลบไปทางซ้ายของจอ เราก็สามารถกวาดจอมือถือของเราไล่ตามไปดูมันได้ ขณะเดียวกันที่ทางขวาเราได้ยินคนกำลังกรีดร้องเราก็ละสายตาจากเจ้าสัตว์ประหลาด กวาดจอไปทางขวาเพื่อมองผู้คนได้อีกเช่นกัน และเมื่อยกจอขึ้นไปดูบนฟ้าเราก็จะเห็นเฮลิคอปเตอร์ตำรวจกำลังบินว่อนเหนือหัวเรา พลันเราก็เลื่อนจอลงมามองหาเจ้าสัตว์ประหลาดได้ต่อว่ามันไปไหนแล้วนะ แน่นอนว่าเราเลือกแค่มุมกล้องส่วนการเคลื่อนที่ในลักษณะการเดินของตัวละครนั้นจะถูกกำหนดไว้แล้ว นั่นช่วยให้ผู้สร้างหนังสามารถบีบกรอบการเล่าเรื่องได้ง่ายขึ้น

โดยปกติวิดีโอ 360 องศานี้จะใช้การติดกล้อง GoPro หลายตัวเก็บภาพต่างมุมพร้อมกัน จากนั้นค่อยนำภาพจากกล้องทุกตัวมารวมกันในภายหลัง แต่ด้วยความที่มันไม่ตอบสนองคุณภาพที่เพียงพอสำหรับลิน เขาจึงให้ทีมงานพัฒนาอุปกรณ์ติดตั้งกล้องเรด (red) สำหรับถ่ายหนังใหญ่จำนวน 4 ตัวเพื่อเก็บภาพขนาด 6K ขึ้นมาพร้อมๆกันและสามารถขึ้นมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์ให้ทีมงานดูขณะถ่ายได้ด้วย โดยใช้เวลาทดลองไปถึง 4 เดือน และด้วยคุณภาพภาพที่สูง กองถ่ายต้องใช้ฮาร์ดดิสค์ RAID ขนาด 48 เทราไบต์ในการเก็บไฟล์เลยทีเดียว

โฉมหน้ากล้องที่ออกแบบมาสำหรับหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ

โฉมหน้ากล้องที่ออกแบบมาสำหรับหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ

ในขณะเดียวกันปัญหาใหญ่ของการเล่าเรื่องแบบผู้ชมเลือกชมภาพที่ตัวเองอยากดู คือจะโน้มน้าวเขาให้ดูสิ่งที่เป็นหัวใจของเหตุการณ์ได้อย่างไร ทีมงานจึงต้องใช้การออกแบบทั้งเสียงและแสง ตลอดจนเทคนิคพิเศษต่างๆเป็นเหมือนหนึ่งตัวละครด้วย ลินขยายความการสร้างหนังสั้นเรื่องนี้ว่า หากการถ่ายหนังปกติคือการสร้างรถให้ผู้ชมนั่งไป หนังเรื่องนี้คือการที่เขาสร้างถนนขึ้นมาแล้วปล่อยให้รถยนต์วิ่งไปแทน

จากการดูหนังในโปรเจคดังกล่าวที่ปล่อยมา ผมสังเกตเห็นว่ามีการดึงความสนใจเรากลับไปที่เหตุการณ์หลักอยู่ตลอด ทั้งเมื่อเราเบือนหน้าไปตรงที่ไม่สำคัญเสียงดนตรีก็จะเบาลงเหมือนค่อยๆไกลออกไป หรือถ้าเป็นตัวอนิเมชั่นหากเราไม่หันไปมองตัวละคร บางทีมันก็จะยืนรอจนกว่าเราจะหันไปมองถึงค่อยทำกิจกรรมต่อด้วย แต่เหนือกว่าเทคนิคใดๆเราจะสัมผัสได้ว่าการเล่าเรื่องนั้นเปี่ยมสีสันและมันสนุกมากเมื่อเรามีส่วนร่วมเล็กๆน้อยกับเนื้อเรื่องนั้นด้วย เจ๋งมากๆเลยล่ะ

ลิน กำลังดูมอนิเตอร์ที่ส่งภาพจากกล้องทั้ง 4 ตัวมาพร้อมกัน

ลิน กำลังดูมอนิเตอร์ที่ส่งภาพจากกล้องทั้ง 4 ตัวมาพร้อมกัน

นอกจากหนังไซไฟคนแสดงของลินแล้ว ในแอพยังมีหนังสั้นอนิเมชั่นน่ารักๆ อย่างเช่น Windy Day เรื่องราวของเจ้าหนูที่พยายามไล่ตามหมวกที่ปลิวในวันลมพัดแรง Buggy Night เรื่องของแมลง 5 ตัวกับเจ้ากบนักล่า ที่เราต้องทำหน้าที่ส่องไฟฉายดูเหตุการณ์ทั้งหมด และ Duet อนิเมชั่นลายเส้นดินสอหวานๆเรื่องของผู้ชายผู้หญิงที่ชะตาชีวิตให้มาสัมพันธ์พบพรากกันตั้งแต่เด็กจนโต ต้องลองไปโหลดแอพ Spotlight Stories มาชมกันดู

ลินให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าเขาสนใจที่จะทำหนังขนาดยาวโดยเทคโนโลยีนี้ในสักวัน จริงๆแล้วเขาสนใจจะกลับมาร่วมโปรเจคหนังกับกูเกิ้ลทันทีเลยล่ะ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจหนัง Star Trek ภาค 3 ที่มีกำหนดฉายในปี 2016 ลงแล้ว รอชมสิครับ!

ตัวอย่างการชมหนังอนิเมชั่นเรื่อง Duet ที่ดูผ่านจอมือถือ

ตัวอย่างการชมหนังอนิเมชั่นเรื่อง Duet ที่ดูผ่านจอมือถือ

ว่าแล้วก็ลองโหลดแอป Google Spotlight Stories มาชมกันดู ตอนนี้เรื่อง HELP เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีอยู่ แต่ Google บอกว่าฟรีอีกไม่นาน ยังไงรีบหน่อยนะ

ปล. ก่อนหน้านี้ Taylor Swift ก็เคยออกแอป MV ที่สามารถชมได้ 360 องศามาแล้ว โลกเราเข้าสู่ยุควิดีโอ 360 องศาแล้วสินะ

ที่มา: THE VERGE