Release Date
26/11/2020
Fallen Angels นักฆ่าตาชั้นเดียว/ค่าย : มงคลภาพยนตร์ /ความยาว 99 นาที
ผู้กำกับ : หว่องกาไว / นักแสดง: ทาเคชิ คาเนชิโร่ หลี่ หมิง หลี่เจียซิน
Our score
6.7[รีวิว] Fallen Angels นักฆ่าตาชั้นเดียว – กระทำความหว่องฉบับหวือหวาและบ้าบิ่น
จุดเด่น
- งานภาพที่เอาเลนส์กว้างจ่อหน้านักแสดงคือล้ำมาก
- พลังดาราหนังฮ่องกงเปล่งประกายมากในหนังเรื่องนี้
จุดสังเกต
- เป็นหนังที่ยากต่อการเสพย์พอสมควรเพราะไม่มีพลอตเรื่องชัดเจน
- หลายอย่างดูจะรีไซเคิลมาจากงานเก่ามากไปหน่อย
-
ความลงตัวของบทภาพยนตร์
7.0
-
คุณภาพงานสร้าง
6.5
-
คุณภาพนักแสดง
7.0
-
สุนทรียะตามแนวหนัง
6.5
-
ความคุ้มค่าบัตรชมภาพยนตร์
6.5
และแล้วเราก็มาถึงหนังหว่องกาไวเรื่องที่ 3 ในโปรแกรม The World of Wong Kar Wai’s Retrospective ที่ทางมงคลภาพยนตร์จัดฉายเพื่อให้คอหนังรุ่นใหม่และแฟนแดนตายได้กระทำความหว่องกันส่งท้ายเดือนพฤศจิกายนและกับ Fallen Angels ก็เป็นงานของหว่องกาไวที่น่าสนใจไม่น้อยในแง่ของงานภาพที่โดดเด่นและยังทำให้เห็นความโรแมนติกสุดบ้าบิ่นอีกด้านของผู้กำกับคนนี้ได้เป็นอย่างดี
ตัวหนังถูกเล่าเป็นห้วงคำนึงของตัวละครที่เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันแต่กลับเดินชนกันไปมาประหนึ่งคนแปลกหน้าที่ร่วมหายใจเอาความเหงาเป็นออกซิเจนทั้งมือปืนอย่างหว่องจีหมิง (หลี่หมิง)กับนางนกต่อสาว (หลี่เจียซิน) ที่แม้จะใจตรงกันทว่าต้องหักห้ามใจด้วยอาชีพจนกระทั่งสาวผมทอง (คาเร็น ม็อก) ก้าวเข้ามาแทรกกลางในความสัมพันธ์ของทั้งคู่
หรือจะเป็นนักโทษใบ้อย่าง ห่อจือม่อ (ทาเคชิ คาเนชิโร) ที่แอบงัดแงะลักลอบเป็นเจ้าของร้านต่าง ๆ ในยามวิกาลจนกระทั่งได้เจอกับ ชาร์ลี (หยางไฉ่หนี) หญิงสาวเสียสติเพราะอกหักจากคนรักที่หนีตามสาวผมทอง ท่ามกลางความวุ่นวายยามวิกาลของฮ่องกงเสียงปืน ความตาย การงัดแงะ จะกลบฝังความเหงาในใจพวกเขาได้หรือไม่
บอกตามตรงว่า Fallen Angels อาจเป็นหนังที่ไม่ได้ดีเด่นได้รางวัลเหมือน In the Mood For Love หรือ Happy Together ตรงกันข้ามมันคืองานสานต่อความสำเร็จมาจาก Chunking Express (ซึ่งจะฉายปิดท้ายโปรแกรมนี้) ถึงขั้นที่ว่ามันอ้างอิงหลายอย่างจากงานเก่าแบบแทบจะเหล้าเก่าในขวดใหม่เลยครับ ทั้งสาวผมทอง การแอบเข้าไปเก็บกวาดห้องให้คนที่รัก สับปะรดกระป๋องหมดอายุ แม้กระทั่งร้านอาหารที่ตัวละครนักโทษใบ้ไปแอบเปิดก็แทบจะพิมพ์เดียวกันเลย
เมื่อเราตัดชื่อไทยที่แสนจะตีหัวเข้าบ้านประหลาด ๆ อย่างนักฆ่าตาชั้นเดียวออกแล้วสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือห้วงอารมณ์เหงา ๆ หว่อง ๆ ที่บอกตามตรงว่าเมื่อได้มาดูอีกครั้งนี่อาจเป็นหนึ่งในหนังหว่องที่ผมชอบน้อยที่สุดไปเลยล่ะครับด้วยว่ามันแทบจะรีไซเคิลของเดิมมาใช้กับหนังเรื่องนี้แบบหน้าด้าน ๆ แม้ว่าพลังดาราของหนังทั้งหลี่หมิง หยางไฉ่หนี คาเร็น ม็อก หรือทาเคชิ คาเนชิโรช่วยหนังไว้เยอะจริง ๆ เพราะพอเราได้ดูดาราหล่อ ๆ สวย ๆ ทำอะไรไร้เหตุผลแล้วมันก็ดูเพลิน ๆ ดีนะแต่ก็ไม่ได้ให้ความประทับใจเหมือนหนังเรื่องอื่นของเขา
และขอเตือนสำหรับคนดูทั่วไปเลยว่านี่คือหนังที่อาจกลายเป็นยานอนหลับชั้นดีได้ทุกเมื่อถ้าคุณเตรียมตัวมาไม่ดี เพราะหนังเองก็ไม่มีเรื่องเล่าชัดเจน (ก็หนังไม่มีบทนี่ครับ 555) และมันก็เล่าแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ แม้จะมีฉากยิงกันบ้างตามประสา ทว่ามันก็เป็นส่วนน้อยมากและแทบไม่มีผลอะไรกับหนัง ส่วนที่ดีที่สุดคืองานถ่ายภาพของคริสโตเฟอร์ ดอยล์ ตากล้องขาประจำนี่แหละครับที่เน้นเอาเลนส์มุมกว้างจ่อหน้าตัวละครจนได้มุมมองภาพเท่ ๆ ออกมา
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส