Release Date
10/12/2020
ความยาว
104 นาที
Our score
7.0Ghosts of War
จุดเด่น
- พลอตดี มีชั้นเชิง สอดรับสาระที่ต้องการสื่อได้ดี การเล่าเรื่องทหารเจอผีก็บันเทิงดูได้สนุก ในขณะที่พระเอกอย่าง เบรนตัน ทเวตส์ ก็เบ้าหน้าดีชวนดูได้ตลอดเรื่อง
จุดสังเกต
- โพรดักชันกลาง ๆ บางฉากเอฟเฟกต์ก็หลอกตามาก รวมถึงการหักมุมของหนังก็เป็นดาบสองคมที่คนชอบก็คงชอบไปเลย คนไม่ชอบก็คงบ่นอุบเอาการ
-
บท
8.0
-
โพรดักชัน
6.0
-
การแสดง
6.5
-
ความสนุกตามแนวหนัง
7.0
-
ความคุ้มค่าการรับชม
7.5
เรื่องย่อ ปี 1944 ในช่วงที่การสู้รบระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรและนาซีกำลังถึงจุดสิ้นสุด ทหารอเมริกัน 5 นาย ได้รับภารกิจปกป้องคฤหาสน์เก่าแก่แห่งหนึ่งในฝรั่งเศสจากการโจมตีของนาซีเยอรมัน แต่พวกเขาต้องเจอกับเหตุการณ์ลึกลับชวนขวัญผวาที่พัวพันกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติ
แม้จะเป็นหนังอังกฤษที่ชื่อชั้นไม่ได้เป็นโปรแกรมทองแต่อย่างใด ทว่าเมื่อดูลงไปภายในตัวหนัง Ghosts of War เองก็มีของไม่ธรรมดาอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผลงานของทีมสร้างหนังสงครามระเบิดเวหาผ่าทะเลอย่าง Midway หรือในส่วนตัวนั้นก็สนใจเป็นพิเศษว่ามันคือผลงานการกำกับและเขียนบทของ อีริก เบรส ที่ชื่อไม่คุ้น แต่ไปดูผลงานที่ผ่านมาก็ล้วนเป็นหนังทุนกลาง ๆ ที่มีพลอตน่าสนใจจนเป็นที่ร่ำลือมาแล้ว ไม่ว่าจะหนังไซไฟสยองขวัญที่มีตัวร้ายเป็นความตายอย่าง การเขียนบท Final Destination 2 (2003) และ The Final Destination (2009) รวมถึงการเขียนบทและกำกับเรื่องแรกของเขาอย่าง The Butterfly Effect (2004) เองก็ตาม
สำหรับหนังเรื่องนี้เองก็ยังคงลายเซ็นในแนวทางสยองขวัญทุนสร้างกลาง ๆ ที่มีกลิ่นแบบเดิม ๆ ของเขาได้อย่างดี คือแค่พลอตก็ทำเราอยากดูแล้ว เมื่อทหารสงครามโลกครั้งที่ 2 จำนวน 5 นายที่มีผู้นำกลุ่มอย่าง คริส (เบรนตัน ทเวตส์ เคยรับบทลูกชายสุดหล่อของ ออร์แลนโด บลูม ในหนัง Pirates of the Caribbean: Dead Men Tell No Tales (2017) ได้รับภารกิจต้องเดินทางเข้าสู่เมืองในฝรั่งเศส เพื่อผลัดเวรเฝ้าประจำการจุดยุทธศาสตร์ของฝั่งสัมพันธมิตร โดยระหว่างการพักแรมกลางป่าในคืนหนึ่ง คริส ก็มองเห็นเงาร่างในความมืดที่จับจ้องมายังกลุ่มของพวกเขาที่หลับอยู่ ซึ่งมันอาจเป็นบางสิ่งที่ลี้ลับหรืออาจเป็นเพียงความหวาดกลัวสงครามภายในใจที่คอยหลอกหลอนเขาเองก็ตาม
อย่างไรก็ดีเมื่อเดินทางต่อไปพวกเขาก็ได้เห็นความโหดร้ายของสงครามที่กระทำต่อชาวบ้านที่ต้องทิ้งถิ่นฐานหนีตายจากพวกนาซีเยอรมัน ซึ่งหนังก็ค่อย ๆ เผยลักษณะนิสัยของทหารในกลุ่มของคริสให้เราจดจำได้ผ่านช่วงสั้นของการเดินทางนี้ ก่อนจะเข้าสู่พลอตสำคัญของเรื่องเมื่อทั้งกลุ่มได้มาถึงคฤหาสน์ร้างของครอบครัวเศรษฐีที่ถูกพวกนาซีฆ่าล้างครัวอย่างโหดเหี้ยม
โดยการจั่วหัวเปิดฉากการผลัดเวรนี้ก็ทำได้น่าสนใจทีเดียว เมื่อทหารกลุ่มก่อนหน้ารีบเก็บของออกไปโดยไม่ได้บอกเล่าอะไรมากนัก ราวกับจะรีบหนีอะไรสักอย่าง และตามที่เห็นในตัวอย่างนั่นล่ะ ทหารกลุ่มนี้ก็ต้องเผชิญหน้ากับความสยองขวัญสั่นประสาทจากเจ้าของคฤหาสน์เดิม รวมถึงกองทัพนาซีที่กำลังเคลื่อนพลเข้ามา พลอตแค่นี้ล่ะเพียงพอมากแล้วที่เราจะสนุกกับตัวหนังไปได้จนจบ
และการหลอกหลอนของคฤหาสน์หลังนี้ก็เรียกว่า จัดเต็มมาตั้งแต่ เสียง ร่องรอยปริศนาที่ชวนจินตนาการความโหดร้ายที่เคยบังเกิด การผลุบ ๆ โผล่ ๆ ของวิญญาณ ภาพถ่ายสุดหลอนของครอบครัวเจ้าบ้าน รวมถึงมุกการหลอกที่อาจไม่แปลกจากหนังผีที่เคยชม แต่ก็ได้ผลในการดึงความสนใจเราได้ตามสูตรสำเร็จอยู่ดี ว่าเงื่อนไขการหนีตายเอาชีวิตรอดจากคำสาปเหล่านี้ แท้จริงคืออะไรกันแน่?
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นอะไรที่ง่ายอย่างการชำระล้างคำสาปแล้วจบไปเช่นนั้น และต้องยอมรับว่าขึ้นชื่อเป็น อีริก เบรส แล้ว เขาก็คงทิ้งลายเซ็นวิธีคิดแบบซับซ้อนอย่างผลงานเก่า ๆ ไปได้ยาก และนั่นก็ทำให้ครึ่งหลังของหนังเป็นการขมวดที่คมคายไม่เบาทีเดียว ซึ่งก็น่าเสียดายว่าสิ่งที่น่าพูดถึงที่สุดของเนื้อหาหนังนั้นคือครึ่งหลังที่ว่านี่ล่ะ แต่เราไม่สามารถเล่าได้จริง ๆ เพราะจะสปอยล์หนักหน่วงมาก
ใบ้ได้เพียงว่าเงามืดในป่าคืนนั้นที่คริสเห็น ไม่ใช่เพียงอินโทรที่ใส่มาเพื่อสร้างบรรยากาศผี ๆ แล้วผ่านไปเหมือนตัวละครคิดไปเอง และ Ghosts ในชื่อหนังนั้นก็เป็นทั้งรูปธรรม (ผีตายโหงที่แค้นอาฆาต) และนามธรรม (ความทรงจำที่หลอกหลอน) ที่ขับเน้นกันเองได้อย่างน่าชื่นชมด้วย
ซึ่งจุดเสียของหนังส่วนหนึ่งก็มาจากเนื้อหาส่วนหลังนั่นล่ะ เพราะมันก็อาจขัดใจบางคนที่อยากมาดูหนังทหารฆ่าผี หรือผีฆ่าทหารเพียว ๆ อะไรแบบนั้น แต่ส่วนตัวแล้วผู้เขียนกลับชอบการท้าทายคนดูในลักษณะนี้ เพราะมันชวนให้ฉุกคิดหรือกระแทกใจไปมากกว่าหนังสงครามผสมหนังผีแบบตีหัวเข้าบ้านธรรมดา ๆ ที่ดูเอาสะใจแล้วจบไป ไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงอีก
ในขณะที่ความเปี่ยมล้นด้านไอเดีย แต่เขียมด้านทุนสร้างระดับกลาง ก็เปิดแผลด้านโปรดักชันให้เราเห็นอยู่หลายครั้ง ที่สำคัญเลยก็คงเป็นงานเมกอัปผีที่พอเห็นตัวจะแจ้งแล้วออกแนวรองพื้นหนาผิดเบอร์ที่ดูตลกมากกว่าน่ากลัว หรือจะเอฟเฟกต์ระเบิดที่เป็นฉากสำคัญของเรื่องก็ลอยหลอกตาเสียยิ่งกว่าผีหลอกเสียอีก ทำให้พลังของฉากสำคัญนั้นลดความสมจริงลงอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาภาพรวมของหนังที่เป็นหนังทุนกลาง ๆ ก็ต้องบอกว่าก็พอหยวน ๆ ให้ได้ล่ะนะ
สรุป นี่เป็นหนังสงครามแบบสยองขวัญที่มีความไม่ดาดดื่น ได้ทั้งบันเทิงแบบตลาด ๆ และข้อคิดแบบเหนือ ๆ ใครชอบความท้าทายและการหักมุมแบบเกิดคาดเดา ก็อยากแนะนำเลยล่ะ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส