Release Date
17/12/2020
Memories of Murder ฆาตกรรม ความตายและสายฝน
ความยาว 131 นาที
ผู้กำกับ บงจุนโฮ
นักแสดงนำ ซงกังโฮ คิมซังคยูง โร-ฮาคิม
Our score
9.0[รีวิว] Memories of Murder ฆาตกรรม ความตาย และสายฝน – รอยบาปของระบบ
จุดเด่น
- หนังผสมผสานระหว่างสิ่งที่ขัดแย้งกันอย่างคดีฆาตกรรมสุดโหดร้ายกับอารมณ์ขันได้อย่างเข้ากันและสะเทือนอารมณ์
- บทหนังเอาเรื่องจริงมาดัดแปลงและเล่าได้อย่างมีชั้นเชิง
- การดู Memories of Murder ในโรงดูจอใหญ่นับเป็นประสบการณ์ดูหนังที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว
จุดสังเกต
- หนังมีภาพศพที่รบกวนจิตใจพอสมควร
-
ความลงตัวของบทภาพยนตร์
9.0
-
คุณภาพงานสร้าง
9.0
-
คุณภาพนักแสดง
9.0
-
ความสนุกตามแนวหนัง
9.0
-
ความคุ้มค่าตั๋ว
9.0
สำหรับพ.ศ.นี้ชื่อ บงจุนโฮ มิได้เป็นเพียงผู้กำกับโนเนมจากเกาหลีใต้อีกต่อไป เพราะหลังจาก Parasite คว้าออสการ์ไปแบบมิชชันอิมพอสซิเบิลเมื่อต้นปี ความฮอตของนักทำหนังจากดินแดนโสมได้พิสูจน์ให้เห็นว่าศิลปะภาพยนตร์สามารถทำลายกำแพงกั้นทางภาษา 1 นิ้วที่มาในรูปของซับไตเติลลงได้อย่างราบคาบและบ่อยครั้งที่มันถูกยกมาอ้างอิงในการพูดถึงเรื่องชนชั้นกระทั่งเปรียบเปรยความเหลื่อมล้ำอันเป็นสากลไปทั่วโลก
แต่ย้อนกลับไป 17 ปีที่แล้วชื่อของบงจุนโฮได้ถูกแนะนำให้คอหนังทั่วโลกรู้จักครั้งแรกจากผลงานการกำกับเรื่องที่ 2 อย่าง Memories of Murder ที่เขาร่วมเขียนบทและกำกับโดยมีแรงบันดาลใจมาจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เมืองฮวาซอง (Hwaseong) ซึ่งจับผู้ต้องหาไม่ได้แม้เวลาผ่านมาตั้งแต่ปี 1986 และละครเวทีเรื่อง Come See Me ของคิมกวางริมที่ได้แรงบันดาลใจจากคดีเดียวกันที่ช่วยให้เขาวางโครงเรื่องจากข้อมูลที่รีเสิร์ชมาได้แบบไม่ลืมบุญคุณเลยทีเดียว
โดยหนังจะกล่าวถึงเมืองเล็ก ๆ ในเกาหลีใต้ที่มีฆาตกรต่อเนื่องออกอาละวาดไล่ฆ่าข่มขืนรัดคอหญิงสาวแล้วเอากางเกงในของเหยื่อคลุมหน้าก่อนจะนำของใช้ยัดใส่ช่องคลอดจนเกิดคดีสะเทือนขวัญไปทั่วประเทศ แต่ตำรวจในท้องที่อย่าง นักสืบปาร์คโดมัน (ซงกังโฮ)และนักสืบโชยังกู (โร-ฮาคิม) กลับเลือกสุ่มจับผู้ต้องหามาเพื่อหวังปิดคดีเร็วที่สุดจนทางการต้องส่ง นักสืบซอแตยุน (คิมซังคยูง) นักสืบหนุ่มไฟแรงจากเมืองโซลมาร่วมสืบหาคนร้ายก่อนจะมีผู้เคราะห์ร้ายรายต่อไป
ยอมรับว่านี่คือประสบการณ์การชม Memories of Murder คร้้งแรกของผมและการได้ชมในโรงภาพยนตร์ก็ทำให้นี่เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมนอกเหนือจากบทภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องได้อย่างมีชั้นเชิงแล้ว มันยังทำให้ผมไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าบอกให้ผู้ชมจากโลกตะวันตกเปิดใจให้หนังของเขาและเพื่อน ๆ จากเอเซียเพราะแม้จะหยิบคดีฆาตกรรมในบ้านเกิดตัวเองมาทำหนังทว่าวิธีการเล่าและลีลามีความเป็นสากลแต่ไม่ทิ้งอัตลักษณ์ของความเป็นหนังเกาหลีเลยแม้แต่น้อย
ประการแรกที่ผมกล้ากล่าวได้ว่าไม่ว่าคนชาติใดดูหนังเรื่องนี้ก็ได้รับความบันเทิงเห็นจะเป็นน้ำเสียงที่ บงจุงโฮ เลือกจะเอาอารมณ์ขันมาเคลือบแฝงเนื้อหาที่ว่าด้วยการจับแพะอันเป็นหนึ่งในเรื่องราวสุดอื้อฉาวของคดีจริง และการเลือก ซงกันโฮ กับ โร-ฮาคิม มาจับคู่ก็ถือเป็นมวยถูกคู่มากในขณะที่ฝ่ายแรกมามุกตลกแดกนิ่ง ๆ แต่ฝ่ายหลังเล่นมุกสังขารสุดกักขฬะโดยเฉพาะอุปนิสัยของนักสืบโชยังกูที่ชอบซ้อมผู้ต้องหาเพื่อให้สารภาพตามที่คู่หูอย่างนักสืบปาร์คโดมันได้วางแผนไว้
ซึ่งการเอาอารมณ์ขันตลกร้ายมาเล่าเรื่องราวสุดมืดหม่นก็ทำให้การเล่าเรื่องติดตรึงและเร้าอารมณ์คนดูตลอดเวลาแม้ภาพบนจอจะไม่ได้มีฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อมหรือกระทั่งมีตัวละครหนุ่มสาวหน้าตาดีเดินผ่านไปมาแต่มันก็ทำให้เราละสายตาจากพวกเขาไม่ได้ด้วยจังหวะการแสดงที่เข้าขาและแม่นยำซึ่งก็ไม่แปลกใจอีกเหมือนกันว่าในผลงานเรื่องต่อมาทำไมบงจุนโฮถึงเลือกซงกังโฮเป็นดาราคู่บุญ
ประการต่อมาคือการวางชั้นเชิงแบบหนังสืบสวนที่ทำได้แม่นยำมาก เพราะแม้หนังจะเอาเรื่องจริงมาเป็นวัตถุดิบแต่การปรุงให้มันออกมาเป็นหนังสนุก ๆ เรื่องหนึ่งก็ถือเป็นเรื่องยากแต่ทว่า Memories of Murder กลับทำได้อย่างสวยงามทั้งการทิ้งปมและให้เบาะแสคนดูตามตัวละครไปสืบหาความจริงกระทั่งมีจังหวะลุ้นระทึกเดี๋ยวจับได้เดี๋ยวจับผิดหรือจับแล้วหลุดจากคดีซึ่งบอกตามตรงว่าแม้หนังจะผ่านมานานแล้วแต่ความลุ้นระทึกนี่แทบจะยกให้เป็นหนังที่ตื่นเต้นที่สุดที่ได้ฉายในเมืองไทยปีนี้เลยล่ะครับ
ประการสุดท้ายและน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนดูอินที่สุดเห็นจะเป็นการวิพากษ์การเมืองในหนังซึ่งเหตุฆาตกรรมก็ดันไปซ้อนทับเหตุประท้วงของนักศึกษาเกาหลีใต้พอดีแบบเป็นประวัติศาสตร์คนละด้านทว่ากลับส่งผลกระทบให้กันไปมาอย่างคาดไม่ถึงโดยเฉพาะซีนที่นักสืบได้เบาะแสคนร้ายแต่ขาดกำลังคนและทางการก็เทกำลังทหารไปปราบจลาจลกันหมด หรือแม้กระทั่งความเหลื่อมล้ำในที่ทำงานที่เอาตำรวจหญิงเก่ง ๆ ไปชงกาแฟทั้งที่มีฝีมือ ซึ่งแม้เราจะไม่ใช่เพื่อนร่วมชาติก็อดสงสารและโกรธแค้นตามไม่ได้ที่ท้ายที่สุดความเหลื่อมล้ำก็เกิดขึ้นแม้แต่หน่วยงานที่เป็นที่พึ่งของประชาชนเอง
และด้วยการโขกสับวัตถุดิบชั้นดีด้วยชั้นเชิงการเล่าเรื่องชั้นเซียนก็ทำให้ Memories of Murder กลายเป็นงานคลาสสิกเหนือกาลเวลาที่แม้แต่ข่าวล่าสุดที่ว่าสามารถจับผู้ร้ายตัวจริงนาม Lee Chun-jae ก็ไม่ได้ลบความดีของหนังได้เลยเพราะสุดท้ายเวลาเกิดเรื่องร้ายแรงคอขาดบาดตายความเหลื่อมล้ำและล่าช้าของระบบราชการก็ยังคงเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่เปลี่ยนแม้หนังจบและเรื่องจริงจะได้รับความกระจ่างแต่พอมามองสังคมเมืองไทยแววตาของนักสืบปาร์คโดมันก็ยังคงแทนใจประชาชนตาดำ ๆ ธรรมดาอย่างพวกเราได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
โดยทาง Documentary Club ได้นำหนังเรื่อง Memories of Murder กลับมาฉายในโรงภาพยนตร์แบบเต็มตาเต็มอารมณ์ มีกำหนดฉายดังนี้
– 17 ธ.ค. ที่ SF Cinema (บางสาขา)
– 30 ธ.ค. ที่ House Samyan และ Lido Connect
– 2 ม.ค. ที่ Bangkok Screening Room
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส