Release Date
24/12/2020
Chunking Express ผู้หญิงผมทอง ฟัดหัวใจให้โลกตะลึง
ความยาว 102 นาที
ผู้กำกับ
หว่องกาไว
นักแสดง
ทาเคชิ คาเนชิโร่ เหลียง เฉาเหว่ย หลิน ชิงเสีย
Our score
8.7[รีวิว] Chungking Express ผู้หญิงผมทองฟัดหัวใจให้โลกตะลึง – หนังดีที่ไม่มีวันหมดอายุ
จุดเด่น
- เป็นหนังหว่องกาไวที่ลงตัวที่สุดและดูง่ายที่สุดสำหรับใครที่อยากทำความคุ้นเคยกับหนังของเขา
- เสน่ห์ของเฟย์ หว่อง อยู่เหนือกาลเวลามาก ๆ
- การได้ยินเพลง California Dreamin'ในโรงหนังคือฟินมาก ๆ
จุดสังเกต
-
ความลงตัวของบทภาพยนตร์
8.0
-
คุณภาพงานสร้าง
8.5
-
คุณภาพนักแสดง
9.0
-
ความสุนทรีย์ตามแนวหนัง
9.0
-
ความคุ้มค่าบัตรชมภาพยนตร์
9.0
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงหนังเรื่องสุดท้ายในโพรเจกต์ The World of Wong Kar Wai’s Retrospective แต่หากมองในมุมมองของหนังทั้งลำดับการฉายและความประทับใจของ “แฟนหว่อง” แล้ว Chunking Express ถือเป็นปฐมบทของการ “กระทำความหว่อง” ที่ปรุงแต่งมาครบรสมีทั้งตลก มีทั้งบู๊ (แม้ไม่ใช่จุดสำคัญ) แถมความโรแมนติกของหนังยังมีหลายเฉดตั้งแต่ชวนจิ้นจิกหมอนจนเหงาแบบ “อยู่ดี ๆ ก็อยากร้องไห้” เลยทีเดียว
หนังจะแบ่งเรื่องราวออกเป็น 2 เหตุการณ์หลักโดยเริ่มจาก เหอจืออู่ นายตำรวจรหัส 223 (ทาเคชิ คาเนชิโร) ที่โดน เมย์ แฟนสาวหนีไปอยู่กับแฟนหนุ่มชาวญี่ปุ่นและในโมงยามแห่งความเหงาเขาก็ได้พบรักกับผู้หญิงใส่วิกผมบลอนด์ (หลินชิงเสีย) ที่ใช้ชีวิตทำมาหากินอยู่ในโลกอาชญากรรมและแม้ทั้งคู่จะอยู่คนละฝั่งของกฎหมายแต่สุดท้ายความเหงาก็ไม่ปราณีทั้งคู่อย่างเท่าเทียม ท่ามกลางแสงไฟสลัว เหล้าวิสกี้ และเพลงดี ๆ พวกเขาอิงแอบกันโดยไม่รู้เลยว่าเช้าที่กำลังมาถึงพวกเขาจะได้เจอหน้ากันอีกหรือเปล่า
เหตุการณ์ที่สองเล่าถึงนายตำรวจ 663 (เหลียงเฉาเหว่ย) ที่มักจบเวรดึกด้วยการซื้อสลัดไปให้แฟนสาวแอร์โฮสเตส (วาเลอรี โชว) อยู่ประจำทุกคืน จนวันหนึ่งไฟลต์ของเธอก็กลายเป็นแบบเที่ยวเดียวทิ้งให้เขาต้องอยู่เดียวดาย จนกระทั่ง อาเฟย (เฟย์ หว่อง) เด็กสาวญาติเจ้าของร้านสบโอกาสได้กุญแจห้อง เธอตัดสินใจแอบเข้าไปทำความสะอาดห้องให้เขาหวังเพียงให้ 663 ได้สังเกตเห็นเธอสักครั้งผ่านข้าวของที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างที่บอกไว้ในรีวิวหนัง 2046 ว่าหนังของหว่องกาไวมักจะได้รับการโปรโมตหรือสื่อสารในไทยด้วยอะไรแปลก ๆ กันเต็มไปหมดโดยปฐมบทที่ว่าก็มาจาก Chunking Express นี่แหละครับ ยังจำความรู้สึกแรกตอนเห็นชื่อไทยบนปก VCD ได้อยู่เลยที่ตอนแรกเห็นแล้วคือไม่หยิบจริง ๆ เพราะชื่อผู้หญิงผมทองฟัดหัวใจให้โลกตะลึงแล้วดันไม่มีเฉินหลงเนี่ยก็ทำให้ไม่อยากดูไปซะอย่างงั้นจนกว่าจะได้ดูอีกทีก็เพราะมีเหตุบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเองนั่นแหละครับ
และเหตุที่ว่าก็ไม่ใช่อะไร อกหักครับ ! และตอนนั้นจำได้ว่าหนังหว่องกาไวเป็นหนังเหงา ๆ เลยอยากหามาดูซ้ำเติมตัวเองซะงั่น และเหมือนทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเพราะใช้เวลาไม่นานเราก็คุ้ยกระบะ VCD ของห้างสะดวกซื้อมาได้และกลับมาดูแบบพากย์ไทยจนอยากย้อนเวลาไปเขกกระโหลกตัวเองที่ยอมให้ชื่อไทยของหนังมากั้นกลางเราจากหนังดี ๆ แบบนี้ได้
และเมื่อย้อนกลับไปมองหลังจากได้ดูหนังในโรงภาพยนตร์ไปเมื่อวันเสาร์ที่ 19 ธันวามคมในรอบพิเศษแล้วก็พบว่าผมโชคดีนะครับที่ได้รู้จักหว่องกาไวจากหนังเรื่องนี้ก่อนเพราะนอกจากมันจะเป็นการปูทางเข้าสู่โลกเศร้า เหงา ติสต์แบบหว่องที่สมบูรณ์แล้ว มันยังเต็มไปด้วยลูกบ้าต่าง ๆ นานาที่ช่วยเปิดกว้างโลกของการดูหนังให้กว้างออกไปอีกทั้งการใช้ภาพไฮสปีดเห็นดวงไฟเป็นสาย ๆ หรือการเขียนบทวอยซ์โอเวอร์เท่ ๆ คม ๆ ที่ช่วยทำให้วันนั้นเราได้สถาปนาตัวเองเป็นสาวกของหว่องกาไวจนทุกวันนี้
แต่กระนั้นก็แอบสังเกตตัวเองตอนดูอยู่ไม่น้อยนะครับว่าฉากต่าง ๆ ยังทำงานกับเราอยู่หรือเปล่าเมื่อต้องมาดูหนังที่มีอายุร่วม 26 ปีเรื่องนี้ ผลปรากฎว่าบางฉากที่เคยชอบตอนดูหนังครั้งแรกอย่างฉากคุยกับสบู่กับผ้าขี้ริ้วของเหลียงเฉาเหว่ยกลับดูแล้วรู้สึกว่ามันฟูมฟายไปหน่อยเมื่อมาดูในวัย 35 ปีแต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนและเหมือนได้กลับไปตกหลุมรักครั้งแรกอีกครั้งคือ เฟย์ หว่อง ที่ยังทำเอาใจสั่นได้ทุกช็อตที่เธอปรากฎตัว
และยิ่งได้ดูแบบคมชัดระดับ 4K ในโรงภาพยนตร์ภาพของเฟย์ หว่องในบทเฟยสาวผมสั้นแสนสดใสก็ไม่เพียงขโมยหัวใจนายตำรวจ 663 เท่านั้นแต่ยังรวมถึงหนุ่ม ๆ อย่างเราด้วยและคงไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่ายิ่งได้มาอยู่ในวันนี้เราก็พบว่าตัวหนังไม่ได้ล้าสมัยเลยโดยเฉพาะการออกแบบต่าง ๆ ของหนังนอกจากงานเทคนิคภาพที่บอกไปแล้วยังรวมถึงงานเสื้อผ้าหน้าผมต่าง ๆ ที่ถูกคิดตามคาแรกเตอร์มาอย่างดีและเชื่อว่าหากสาว ๆ ยุคนี้ได้ดูคงต้องขอลอกสไตล์ของเฟย์ หว่องไปสวมใส่กันบ้างแหละ
และไม่เพียงภาพเท่านั้นแต่การได้ฟังเพลง California Dreamin’ ในโรงหนังก็ถือเป็นไฮไลต์ส่วนตัวในการดูหนังโรงปีนี้ด้วยเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ที่ได้ดูหนังจาก VCD ต่อให้เลือนลางในด้านเนื้อเรื่องขนาดไหนก็ยังจำเพลง California Dreamin’ ได้อย่างไม่รู้ลืมและก็ทำให้ทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้จะสลัดท่าเต้นของเฟย์ หว่องไม่ออกเลยทีเดียว ซึ่งการรีมาสเตอร์หนังคราวนี้ก็ยังเก็บบรรยากาศอุ่น ๆ ของเสียงจากซีดีที่เปิดในโรงจนอดยิ้มตามไม่ได้เลยทีเดียว
ขอสรุปส่งท้ายในฐานะแฟนหนังของหว่องกาไวคนหนึ่งว่าขอขอบคุณทางมงคลภาพยนตร์ที่จัดโพรเจกต์ The World of Wong Kar Wai’s Retrospective ขึ้นมาเพราะนอกจากจะทำให้แฟน ๆ ของหว่องกาไวได้ฟินตัวแตกกับการได้กลับมาชมหรือมาเก็บหนังที่พลาดตอนฉายโรงครั้งแรกแล้วยังทำให้คอหนังรุ่นใหม่ได้มีโอกาส #กระทำความหว่อง กับหนังของหว่องกาไวในโรงภาพยนตร์และเชื่อว่าหลายคนก็น่าจะรู้สึกไม่ต่างจากผมตอนได้สัมผัมความเหงาเดียวดายทว่าโรแมนติกของหนังหว่องกาไวครั้งแรกที่แสนประทับใจไม่รู้ลืม
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส