อย่างที่พาดหัวเกริ่นไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเกินคาดเดาสำหรับพวกเรานัก ถึงแม้วันนี้เราเข้าสู่ปี 2021 กันแล้ว แต่สถานการณ์โควิด-19 ก็ยังระบาดรุนแรงในหลาย ๆ ประเทศ แม้แต่สหรัฐอเมริกาประเทศผู้ผลิตคิดค้นวัคซีนป้องกันโควิด-19 เอง ขณะนี้ก็ยังมองไม่เห็นวี่แววว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทิศทางดี ทำเอาหลาย ๆ สตูดิโอที่คาดการณ์กันไว้ว่าปี 2021 แล้วสถานการณ์ภาครวมน่าจะดีขึ้นแล้ว ดึงได้เลื่อนกำหนดฉายหนังใหญ่ ๆ ไว้ตลอดปี 2021 แต่มาถึงตอนนี้สถานการณ์ดูจะไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ หลาย ๆ สตูดิโอเริ่มเครียดกันแล้ว มีแนวโน้มสูงว่าหนังใหญ่หลายเรื่องอย่าง No Time to Die, F9, Morbius และอีกหลายเรื่องน่าจะได้เลื่อนกันออกไปอีก ฉายช้าก็ยังดีกว่าเอาหนังทุนสูงเข้าโรงฉายแล้วไม่มีคนดู จะเสียหายกันหลายล้านเหรียญ
ในวันนี้โรงหนังประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐฯ ยังคงปิดทำการอยู่ และอีกหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกก็ยังคงปิดบริการอยู่เช่นกัน หลาย ๆ สตูดิโอที่วางกำหนดฉายหนังของตัวเองไว้ครึ่งแรกของปี 2021 เริ่มต้องปรับแผนการอย่างเร่งด่วนกันแล้ว มองกันไปทีละเรื่องว่าช่วงต้นปีนี้มีเรื่องอะไรบ้าง
- ของโซนี่มี Cinderella หนังไลฟ์แอ็กชันที่วางกำหนดฉายไว้ 5 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ แต่ในวันนี้เราต่างก็ยังไม่เห็นทางค่ายทำการโปรโมตอะไรเลย ก็มีแววแล้วว่าทางโซนี่น่าจะเลื่อนออกไป
- ของดิสนีย์ก็มี The King’s Man ภาคก่อนหน้า The Kingsman ก็เป็นอีกเรื่องที่เลื่อนมาแล้วหลายรอบ ข้ามมาปีนี้วางกำหนดฉายไว้ 12 มีนาคม ก็รอลุ้นกันไปว่าจะเลื่อนอีกไหม
- ของโซนี่อีกเรื่องคือ Morbius และนี่คือหนังฟอร์มใหญ่สุดในควอเตอร์แรกของปี 2021 วางกำหนดฉายไว้ 19 มีนาคม ก็มีแววอย่างมากว่าทางโซนี่จะเลื่อนกำหนดฉาย เพราะมองย้อนไปที่ Venom หนังภาคแยกเรื่องแรกจากจักรวาล Spider-Man ที่ทำรายได้ไปถึง 850 ล้านเหรียญ ซึ่งโซนี่ก็คาดหวังกับ Morbius ในระดับใกล้เคียงนี้ แล้วถ้าปล่อยออกมาช่วงนี้ไม่มีทางที่หนังจะทำรายได้ใกล้เคียงกับ Venom คงต้องรอช่วงที่สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแน่ ๆ แล้วก่อน
มาถึงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่สตูดิโอเริ่มปล่อยหนังเบอร์กลาง ๆ ออกมา และเป็นช่วงที่พอมีความหวังมากขึ้นว่าสถานการณ์น่าจะเริ่มคลี่คลายแล้ว
- ในวันที่ 23 เมษายน เราอาจจะได้ดู A Quiet Place Part II กันเสียที เป็นอีกเรื่องที่มีแฟน ๆ จากภาคแรกรอดูภาคต่อนี้กันอย่างมาก
- แล้วก็มาถึงฟอร์มใหญ่สุดจากปี 2020 ที่เลื่อนกันมา 1 ปีเต็ม ๆ นั่นก็คือ No Time to Die ที่วางกำหนดฉายไว้ 2 เมษายน ตามมาด้วย F9 ในวันที่ 28 พฤษภาคม ทั้ง 2 เรื่องเป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างในระดับ 200 ล้านเหรียญ แน่นอนว่าทั้ง 2 เรื่องนี้จำเป็นต้องได้เงินจากค่าตั๋วหนังจากทั่วโลกเท่านั้นถึงจะมีกำไรกลับมาให้สตูดิโอ ลำพังถ้าปล่อยทางสตรีมมิงหรือทาง VOD ไม่มีทางที่จะได้เงินกลับมาในระดับคุ้มทุนสร้าง ถ้าเมษายน และพฤษภาคม สถานการณ์ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ก็เชื่อได้เลยว่าสตูดิโอก็จะเลื่อนออกไปอีกจนกว่าจะมั่นใจ
ในเดือนพฤษภาคม ยังมีหนังฟอร์มใหญ่อีกหลายเรื่องที่รอเข้าฉาย Black Widow, Godzilla vs. Kong, Free Guy แต่กลุ่มนี้ไม่น่าจะเลื่อนฉายออกไปจากนี้อีกแล้ว ก็เพราะ Godzilla vs. Kong เป็นหนังของสตูดิโอวอร์เนอร์ ผู้ริเริ่มแผนการปล่อยหนังผ่าน HBO MAX ในวันเดียวกันกับที่หนังเข้าโรงฉาย ดูแล้วว่าวอร์เนอร์จะยังคงยึดแผนการนี้ต่อไปกับหนังทุกเรื่องของสตูดิโอจากนี้ไป ส่วนดิสนีย์ กับมาร์เวล ก็เคยใช้แผนการทำนองเดียวกันกับ Mulan มาแล้วด้วยการปล่อยหนังผ่าน Disney+ พร้อมกันกับวันที่หนังเข้าโรงฉาย และกับ Black Widow นั้น ดิสนีย์ก็น่าจะใช้วิธีการเดียวกันนี่แหละ
ส่วนเราคนดู ก็รอลุ้นกันต่อไปขอให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว ปีนี้จะได้กลับมาดูหนังสนุก ๆ ในโรงหนังกันเสียทีนะ