Release Date
04/03/2021
แนว
แอ็กชัน/ไซไฟ/ทริลเลอร์
ความยาว
1.40 ชม. (100 นาที)
เรตผู้ชม
R / 15+ (ความรุนแรงและการใช้ภาษา)
ผู้กำกับ
Joe Carnahan
Our score
8.1Boss Level | บอสมหากาฬ ฝ่าด่านนรก
จุดเด่น
- แอ็กชันมันสะใจแบบไม่เซ็นเซอร์
- พล็อตและมุกฮาจิกกัด และตลกจังหวะนรกร้ายกาจมาก
- ออกแบบตัวละครได้ดีและน่าสนใจมาก ๆ
- เป็นหนังแอ็กชันที่แฝงเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตและครอบครัวได้อย่างกลมกลืน
จุดสังเกต
- การดำเนินเรื่องบางช่วงแอบตกท้องช้างไปนิด
- ตัวหนังรายละเอียดยุ่บยั่บ แต่ยังให้ข้อมูลได้ไม่ครบถ้วนนัก
-
ความสมบูรณ์ของเนื้อหา
8.5
-
คุณภาพงานสร้าง
8.2
-
คุณภาพของบท / เนื้อเรื่อง
6.7
-
การตัดต่อ / การลำดับ และการดำเนินเรื่อง
7.8
-
ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม
9.1
เรื่องย่อ รอย พัลเวอร์ (Frank Grillo) ตกอยู่ในเรื่องราวสุดโหดแบบไม่รู้จบ ทุกเช้าเขาต้องตื่นมาเพื่อโดนนักฆ่ามืออาชีพล่า และฆ่าในหลากหลายวิธี รอยจึงต้องหาคำตอบนี้ให้ได้ว่าทำไมเขาจึงติดอยู่ในวงจรสุดโหดแบบนี้ รวมทั้งยังต้องหาทางช่วยชีวิตเจมมา ภรรยาเก่า (Naomi Watts) กับลูกชายวัย 11 ปีไปพร้อมกัน และยังต้องหาคำตอบอีกด้วยว่า เวนเทอร์ (Mel Gibson) นักวิทยาศาสตร์การทหารสุดชั่วร้าย ต้องการอะไรจากสิ่งลึกลับที่เขาเรียกว่า ‘กระสวยโอไซริส’
ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของหนังเกม ถ้าไม่ใช่หนังที่สร้างมาจากเกม ก็มักจะเป็นหนังที่ว่าด้วยตัวละครที่หลุดเข้าไปในโลกของเกม แล้วต้องเผชิญกับการเล่นเกม ทำเควสต์ ดันเวล ในชีวิตจริงเพื่อเอาชนะอุปสรรคบางอย่าง แต่น่าจะน้อยเรื่องมากครับ ที่จะหยิบเอาระบบของเกม (หรือจะเรียกว่า “วิถีของเกม” ดีนะ) มาคิดต่อให้กลายเป็นภาพยนตร์ จะมีก็แต่ Boss Level ผลงานการกำกับและเขียนบทร่วมของ Joe Carnahan ผู้กำกับจอมแหวกแนว เจ้าของผลงานกำกับภาพยนตร์พล็อตแหวกแนวอย่าง The A-Team (2010) , Narc (2002) , Smokin’ Aces (2006) และ The Grey (2011)
หลายคนที่เป็นคอเกมจะทราบดีครับ ว่าสมัยก่อนเวลาเราเล่นเกม โดยเฉพาะพวกเกมตลับต่าง ๆ ถ้าเกิดเราเล่นแล้วตาย หรือว่าไม่อยากเล่นต่อ สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่กดปุ่ม Reset เพื่อให้มันย้อนกลับไปใหม่เท่านั้น ซึ่งในที่สุดก็ต้องกลับมาเล่น ณ จุดเริ่มต้นอยู่ดี ซึ่งผู้กำกับก็เอาจุดนี้นี่แหละ มาเล่าเรื่องราวของรอย อดีตทหารรับจ้างชีวิตบัดซบที่ต้องแยกกันอยู่กับเจมมา (Naomi Watts) และโจ ลูกชายวัย 11 ปี เจมมาเป็นนักวิทยาศาสตร์สาวในองค์กรทดลองของพันโทไคลฟ์ เวนเทอร์ (Mel Gibson) ที่กำลังวิจัยเกี่ยวกับเครื่องมือลึกลับที่เรียกว่า ‘กระสวยโอไซริส’ (Osiris Spindle) จนกระทั่งรอยได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนนี้
ทำให้ทุก ๆ วันเขาต้องถูกทีมหน่วยสังหารตามไล่ฆ่าจนตาย แต่ทุกครั้งที่รอยถูกฆ่า เขาก็จะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งด้วยสถานการณ์เดิม ๆ ซึ่งรอยก็จะถูกลอบฆ่าด้วยวิธีต่าง ๆ ในแบบของเกมวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าวนไปวนมาไม่รู้จบ จนกระทั่งเขาได้ทราบข่าวร้ายว่า เจมมา อดีตภรรยาของเขาได้เสียชีวิตลง เขาจึงต้องเริ่มต้นสืบหาเบาะแสเพิ่มเติม เพื่อค้นหาสาเหตุการตายของภรรยา สร้างสัมพันธ์กับลูกชายติดเกมที่ไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นพ่อ และทลายลูปนรกที่ทำให้เขาตายซ้ำตายซากอยู่ทุกวี่ทุกวันให้ได้เสียที
ที่น่าประทับใจอีกอย่างคือ นอกจากแอ็กชันโหดบู๊ระห่ำอย่างกับดูเกม (ซึ่งพอมีเสียงบรรยายของพี่มาร์ก กริลโล ผมว่าแอบคล้ายคนกำลังแคสต์เกมอยู่เหมือนกันนะ 555) และมุกฮาตลกร้าย จิกกัด เสียดสี กวนเบื้องล่าง และตลกจังหวะนรกที่ร้ายมาก ๆ (หมายถึงคนเขียนบทอ่ะนะ 555) แม้ว่าตัวอย่างหนังจะทำให้เราคิดไปว่า พล็อตน่าจะไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าการเล่นเกม ทำตามเควสต์ซ้ำ ๆ แล้วเรียนรู้เควสต์ในเกมให้มากขึ้นกว่าเดิม จนมาถึงจุดหนึ่งเมื่อพระเอกเรียนรู้จบกระบวนความแล้วก็ไปฆ่าบอสได้
แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้ลึกและแตกฉานกว่าคือ การหยิบเอามุมมองของความเป็นเกม มาปะทะกับความเป็นคนได้อย่างลงตัวมาก ๆ ครับ ถ้าดูในหนัง แน่นอนว่า เราจะได้เห็นพระเอกได้เรียนรู้สกิลใหม่ ๆ จำตำแหน่งเควสต์และอุปสรรคเอาไว้ แล้วพอตายก็ค่อยไปดักทางใหม่ แก้ทางเกมไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันก็เป็นการเปรียบเทียบให้เรามองเห็นความแตกต่างของตัวละครในเกม ที่มักจะทำอะไรซ้ำ ๆ ตามแต่ที่ถูกโพรแกรมมา แต่ก็ไม่ได้หลุดออกจากสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ความเป็นมนุษย์ของคนเรานี่แหละ ที่สามารถจดจำ เรียนรู้ จับทาง จนในที่สุดก็สามารถสร้างทางลัด เลือกวิธีและวิถีที่เร็วขึ้น ง่ายขึ้น ซับซ้อนน้อยลง โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเดินเป็นเส้นตรงหรือพยายามเอาชนะตามวิถีของเกมที่ถูกกำหนดขึ้นมาแต่เพียงอย่างเดียวเสมอไป รวมถึงเรื่องของการแฝงเรื่องราวของความสัมพันธ์ในครอบครัว
ด้วยความที่ตัวของรอยนั้นเป็นผู้ชายเหลวแหลกที่ทำให้ครอบครัวต้องแตกแยก เขาเองก็ต้องใช้การตายแบบวนลูปของตัวเองในการพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่เขาเคยก่อไว้จนนำไปสู่ความหายนะ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ทุกอย่างระเบิดแล้วหายไป แต่มันดันวนลูปกลับมาตอกย้ำความเจ็บปวด ฉายซ้ำความผิดพลาดให้ได้เจ็บใจครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเขาเองนี่แหละที่ต้องหาวิธีที่จะมูฟออนจากเกม และวิถีชีวิตเหลวแหลกแบบเดิม ๆ เพื่อกลายเป็นพ่อและสามีคนเดิม ภายใต้วิถีชีวิตใหม่ ๆ ให้ได้เสียที
ส่วนข้อสังเกตที่สำคัญของหนังเรื่องนี้คือ มีจังหวะตกท้องช้างอยู่หลายจุดเหมือนกันครับ แม้ว่างานด้านแอ็กชันจะทำได้อย่างดี การตัดต่อและดำเนินเรื่องรวดเร็ว แต่พอถึงช่วงไดอะล็อก ก็มีอาการตกท้องช้าง คือกราฟความสนุกเริ่มดิ่งทิ่มหัวลง ที่ชัด ๆ เลยก็คือฉากของลุงเมล กิบสันนี่ล่ะครับ คือลุงน่ะ เล่นดีครับ ฝีมือระดับออสการ์อยู่แล้ว แต่ไดอะล็อกที่ลุงต้องพูดมันย้วยย้ายไปหน่อย รวมถึงฉากอื่น ๆ ที่ไม่กระชับพอ จนทำให้กราฟความสนุกดิ่งหัวลง จนเมื่อรอยกลับเข้าไปตายวนลูปในพาร์ตแอ็กชัน กราฟถึงเริ่มกระเตื้องขึ้น
รวมไปถึงด้วยความที่ว่าหนังเรื่องนี้มีความเป็นหนังไซไฟ และเป็นหนังไซไฟที่มีรายละเอียดยุ่บยั่บไปหมด แต่ดันเดินเรื่องเร็วมาก ทำให้หนังเรื่องนี้มีความเข้าถึงยาก และเข้าใจยาก (จนบางจุดก็ไม่รู้จะสปอยล์หรือเล่าให้ฟังยังไงดี) คือถ้าอยากจะเข้าใจจริง ๆ คงต้องดูซ้ำครับ แต่ถ้าไม่มีเวลาหรือขี้เกียจ ก็คงต้องคิดเผื่อไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่า เน้นดูมัน ๆ ในพาร์ตแอ็กชันฮา ๆ ไปแทนก็แล้วกัน
อีกจุดที่อยากพูดถึงคือ จริง ๆ ตัวละครทุกตัวมีความน่าสนใจนะครับ และต่างก็ทำหน้าที่ได้ดี แต่โดยส่วนตัว ผมก็แอบรำคาญยัยหมวยนักดาบที่ชื่อว่ากวนอิม (Selina Lo) นิด ๆ เหมือนกันนะครับ คือเข้าใจว่า ผู้กำกับวางคาแรกเตอร์ และออกแบบมุกให้เข้ากันกับตัวละครนี้ไว้แล้ว และมุกนั้นก็ฮามาก ๆ จนให้อภัยได้ แต่ผมก็คิดต่อไปว่า ถ้าแม่จะเล่นโผล่มาถี่ยิบขนาดนี้ ถ้าดูแล้วไม่รำคาญยัยกวนอิมนี่ไปเลย ก็ต้องโดน Catchphrase ประโยคนี้หลอนหูจนกลายเป็น Earworm กันบ้างล่ะ 555
I am Guan-Yin, and Guan-Yin has done this.
“ฉันคือกวนอิม และกวนอิมยินดีจัดให้!!!”
เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ครบรสตั้งแต่แอ็กชันล้ำ ๆ พล็อตร้าย ๆ ตบท้ายด้วยแก่นเรื่องเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน บทสรุปเกี่ยวกับครอบครัวที่ซึ้งกินใจ แถมกลิ่นอายไซไฟเวอร์วังเข้าไปอีกนิดหน่อย กลายเป็นหนังแอ็กชันพล็อตผีบ้าผีบอที่แม้จะไม่ค่อยเหมาะกับครอบครัว (หนังเรื่องนี้แอ็กชันโหดแบบไม่เซนเซอร์) แต่เชื่อเลยว่า หนังเรื่องนี้นอกจากจะได้ความบู๊ฮาสนั่น มันสะใจคอหนัง และคอเกมคลาสสิกได้แล้ว ยังได้ขบคิดหนัก ๆ ในเรื่องของชีวิตได้อีกต่างหาก
เพราะต่อใช้ชีวิตเราจะมีเพียงชีวิตเดียว แต่เราสามารถรีเซ็ตตัวเองออกจาก “ลูปนรก” ได้เสมอนะครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส