Release Date
13/04/2021
แนว
ชีวิต / ระทึกขวัญ
ความยาว
1.42 ชม. (102 นาที)
เรตผู้ชม
15+
ผู้กำกับ
ทิวา เมยไธสง
Our score
4.9[รีวิว] โกงพลิกเกม Game changer – แก็งสเตอร์รุ่นใหม่ เล่นใหญ่ใส่ยับ (เยิน)
จุดเด่น
- ออกแบบ-กำกับภาพได้หวือหวา แปลกตา น่าสนใจ
- การแสดงของ 'ปีเตอร์ - นพชัย ชัยนาม' ไม่ผิดหวัง แต่เสียดายโผล่มานิดเดียว
- พล็อตน่าสนใจ ถ้าทำให้ลึกและจริงจังกว่านี้จะว้าวมาก ๆ
- 'พลอย-พลอยไพลิน' น่ารัก
จุดสังเกต
- เล่นใหญ่ฉูดฉาด แต่เนื้อเรื่องไหลไปเรื่อยจนยับเยินและเอาไม่อยู่
- พล็อตเกิดอาการทีเล่นทีจริงไป ๆ มา ๆ จนไม่รู้จะเอาใจช่วยตอนไหนดี
- บทสรุปและวิธีการแก้ปัญหาของตัวละครดูเล่นง่ายไปนิด
- การตัดต่อหลายจุดมีปัญหา
- ตัวละครเยอะมาก แต่ดูเหมือนจะจำเป็นแค่เพียงบางส่วน
-
ความสมบูรณ์ของเนื้อหา
4.8
-
คุณภาพงานสร้าง
7.1
-
คุณภาพของบท / เนื้อเรื่อง
5.0
-
การตัดต่อ / การลำดับ และการดำเนินเรื่อง
2.9
-
ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม
4.6
เรื่องย่อ ตี๋ (โต้ง พิทวัส), คิด (ทอม อิศรา), ตึก (ปอนด์ คุณพัทธ์) และ ซิม (ซิม คิวเท) เด็กติดเกม 4 คน ที่วันหนึ่งได้กลายเป็นลูกน้องคนสนิทของบอส แต่แล้ววันหนึ่ง บอส ได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันในขณะที่ ตี๋ กำลังจะแจ้งข่าวร้ายนี้กับทุกคน แต่ คิด ก็ได้หยุดเขาเอาไว้ และผุดแผนการที่จะเปลี่ยนเกมชีวิตพวกเขาทั้ง 4 คนไปตลอดกาล พวกเขาจะเล่นเกมนี้ต่อไปอย่างไร? แผนการยึดเมืองและทำหน้าที่แทนบอสจะลุล่วงหรือไม่?
‘โกงพลิกเกม’ คือผลงานเรื่องใหม่กับค่ายห้าดาว ‘ไฟว์สตาร์ โปรดักชัน’ ของผู้กำกับที่เราอาจไม่คุ้นชื่ออย่าง ‘ทิวา เมยไธสง’ แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการแต่อย่างใด เพราะประสบการณ์การทำงานด้านการเป็นตากล้องภาพยนตร์ ตัดต่อ รวมทั้งยังเขาเองก็ยังเคยเป็นผู้กำกับหนังคุ้นชื่อ โดยเฉพาะแนวสยองขวัญมากมายหลายเรื่องด้วยกัน เช่น ‘ผีช่องแอร์‘ (2005) ‘เชือดก่อนชิม‘ (2009) ‘วงจรปิด‘ (มรดกผี) (2012) ‘เกมปลุกผี‘ (2014) จะมีก็เพียงแต่ ‘รักเอาอยู่‘ (2012) ที่แหวกแนวเป็นหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ และผลงานใหม่ล่าสุดอย่าง ‘โกงพลิกเกม’ เรื่องนี้นี่แหละครับ
‘โกงพลิกเกม’ เป็นเรื่องราวของแก๊งเพื่อนติดเกม ‘ตี๋’ (โต้ง Twopee), ‘คิด’ (ทอม อิศรา), ‘ตึก’ (ปอนด์ คุณพัทธ์) และ ‘ซิม’ (ซิม คิวเท) ที่อยู่ดี ๆ ต้องกลายมาเป็นลูกน้องคนสนิทของ ‘บอส’ นายใหญ่ประจำเมืองสมมติ ที่ภายในเมืองนั้นมีกลุ่มแก๊งมากมายอาศัยอยู่ โดยแต่ละแก๊งต่างก็ยึดครองและทำธุรกิจมืดแตกต่างกันไป พร้อม ๆ กับการหวังจะแย่งชิงพื้นที่หากิน โดยแก๊งวัยรุ่นทั้ง 4 ต้องออกตระเวน ‘เก็บเหรียญ’ หรือเก็บเงินค่าคุ้มครองจากทุกแก๊ง
จนกระทั่งวันหนึ่ง บอสเกิดเสียชีวิตกะทันหัน คิด หัวสมองของแก๊งจึงได้เริ่มต้นคิดวางแผนยึดเมือง และใช้ ‘เกม’ ในการเปลี่ยนแปลงระบบที่เคยเป็นมาแต่เดิม พร้อมกับสวมรอยทำหน้าที่แทนบอสเสียเอง พร้อม ๆ กับการที่ตี๋กำลังจะมี ‘รักต้องห้าม’ ซึ่งอาจนำพาเขาและเพื่อนไปเผชิญกับอันตรายมากมาย รวมถึงการกลับมาของ ‘จอห์นนี่’ (เดย์ ไทเทเนียม) ขาใหญ่อีกคนที่ต้องการกลับมาประกาศศักดาอีกครั้งหลังจากพ้นคุก
แค่อ่านพล็อตก็พอเดาออกแล้วใช่มั้ยครับว่าจริง ๆ แล้ว นี่คือพล็อตหนังเจ้าพ่อ หรือที่เรียกว่าหนังแก๊งสเตอร์นั่นเองครับ เรียกได้ว่ามีกลิ่นอายหนังเจ้าพ่อฮ่องกงยุค 80’s อะไรแบบนั้นเลย โดยเฉพาะพอยต์หลักของหนังแก๊งสเตอร์ที่พระเอกต้องหลุดเข้าไปอยู่ในอิทธิพลมืด มีความรักต้องห้ามกับหญิงสาวที่อยู่เหนือกว่าตน และการแย่งชิงอำนาจ แย่งชิงทรัพยากรทำมาหากิน แต่จะบอกว่าหนังเรื่องนี้เอาพล็อตหนังเจ้าพ่อมาใช้เลยก็ไม่ขนาดนั้น ด้วยการปรุงแต่งบทและวิธีการนำเสนอ ทำให้หนังเรื่องนี้มีความเป็นแก๊งสเตอร์ยุคใหม่ ภายใต้บทหนังเจ้าพ่อแบบดั้งเดิม
หนังเรื่องนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจก็คืองานด้านภาพครับ ทั้ง กราฟิกซีจีต่าง ๆ รวมถึงการออกแบบภาพ มุมกล้อง การวางองค์ประกอบภาพ การครีเอตภาพแนวทางใหม่ ๆ ที่บ้าพลังและทำออกมาได้ดี รวมถึงฉากลองเทกที่ดูแปลกใหม่ อาจจะเพราะว่าผู้กำกับเองก็มีเครดิตในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับงานด้านภาพของภาพยนตร์ไทยมาแล้วหลายเรื่อง หนังเรื่องนี้จึงถือว่าเป็นการปล่อยของที่หวือหวาน่าสนใจดีไม่ใช่น้อย
จริง ๆ แล้วพล็อตเรื่องเองมีความน่าสนใจมาก ๆ นะครับ ถ้าคุมดี ๆ หนังเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังแก๊งสเตอร์ยุค 5G ที่ดูทันสมัย ฉูดฉาด เน้นต่อสู้ด้วยสติปัญญามากกว่าการใช้อาวุธ มีกลิ่นอายมุกตลกนิด ๆ ล้างบางภาพหนังเจ้าพ่อเก่า ๆ แก่ ๆ ได้เลย แต่สิ่งที่ดูจะเป็นปัญหาใหญ่ของหนังเรื่องนี้จริง ๆ ก็คืออาการเล่นใหญ่นี่แหละครับ
เพราะแทนที่หนังเรื่องนี้จะเข้มข้นด้วยการหักล้างเชือดเฉือน และต่อสู้แบบเข้มข้น กลับใส่ปมปัญหาและและเล่าเรื่องต่าง ๆ อีรุงตุงนังแบบไหลไปเรื่อย โดยเฉพาะช่วงกลางกับท้ายเรื่องที่พยายามทะเยอทะยานอยากจะเล่าทุกอย่าง ใส่ทุกปมปัญหาจนเต็มไปหมด รวมถึงการใ่ส่ซีนลอย ๆ บางซีนที่ไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่า ทำไปเพราะอะไร ทำไปเพื่อใคร หลังจากมีเหตุแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปบ้าง ซีนลอย ๆ เหล่านั้นจึงกลายเป็นซีนปริศนาที่ไม่รู้จะเชื่อมโยงได้อย่างไรจริง ๆ
รวมถึงในพล็อตหลาย ๆ จุดก็กลายเป็นทีเล่นทีจริงไป ๆ มา ๆ เหมือนจะทำจริง แต่ก็ดูเล่น ๆ โก๊ะ ๆ แต่พออันไหนที่ดูเล่น ๆ ก็กลายเป็นว่าเอาจริงแบบเดือด ๆ ซะงั้น รวมถึงการดำเนินเรื่อง คลายปม วิธีการแก้ปัญหาของตัวละครที่บางครั้งก็ดูเล่นง่าย ยอมง่าย หาวิธีจบกันแบบง่าย ๆ รวมถึงการตัดต่อบางจุดที่ชวนให้คิ้วขมวด ทำให้หนังเรื่องนี้ดูเล่นใหญ่จริง แต่จังหวะการเล่าเรื่องกลับไม่คมเสียอย่างนั้น จนทำให้พล็อตโดยรวมของหนังออกมายับเยินอย่างน่าเสียดาย
อีกจุดที่เป็นจุดสังเกตก็คือ หนังเรื่องนี้มีตัวละครเยอะมากครับ เยอะแบบชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องคิดจะจำชื่อตัวละครกันเลยแหละ เพราะลำพังแค่เจ้าพ่อก๊กต่าง ๆ ที่คุมธุรกิจมืดก็ล่อเข้าไปตั้งกี่คนแล้ว ไหนจะสายสัมพันธ์ต่าง ๆ ระหว่างกัน ที่หนังอธิบายไว้เพียงหลวม ๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า นอกจากนักแสดงหลักแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีตัวละครเยอะขนาดนั้นไปทำไม เพราะต่อให้เขาไปฆ่าใครหรือโดนใครฆ่า ก็ดูจะไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องหลักเท่าไหร่ (ซึ่งเป็นที่มาของซีนลอย ๆ บางซีน) ฝีมือการแสดงที่พอจะยกนิ้วโป้งให้ได้ ก็คงเป็น’ทอม อิศรา’ ที่มีฝีมือด้านการแสดงเป็นต้นทุน และ ‘ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม’ ที่เรียกได้ว่าไม่ผิดหวัง แม้จะโผล่มาในหนังน้อยมากก็ตาม ส่วน ‘คิวเทโอปป้า’ ก็คือ ‘คิวเทโอปป้า’ นั่นแหละครับ…
แม้หนังจะมีปัญหาเล่นใหญ่แบบเลยเถิดบ้าง แต่ในแง่ของพาร์ตแอ็กชันก็ต้องถือว่าไม่เสียหายนะครับ ทำได้ดีในระดับที่โอเคเลยแหละ แต่ก็นั่นล่ะครับ ถ้าจะดูเอาพาร์ตแอ็กชันสไตล์แก๊งสเตอร์ ก็น่าจะพอไปวัดไปวาได้ แต่ก็อาจจะต้องยอมให้สมองทำงานหนักนิดหน่อยในการเข้าใจทุกปม ทุกความสัมพันธ์ ทุกที่มาและที่ไปทั้งหมดของหนังเรื่องนี้ให้ถ้วนถี่ เพื่อทำการปะติดปะต่อเรื่องราวให้เข้าที่เข้าทาง ถ้าใครรับได้กับการเล่นใหญ่ใส่ยับ (เยิน) ของหนังเรื่องนี้ ก็คงไม่น่าจะผิดหวังล่ะครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส