อาจเป็นหนังขวัญใจในวัยเด็กของใครหลายๆคน กับหนังชุด Back to the Future ของผู้กำกับใหญ่อย่าง Robert Zemeckis ซึ่งปีนี้ก็จะครบรอบ 30 ปี ของการกำเนิดหนังชุดนี้ด้วยเช่นกัน (ภาคแรกออกฉายปี 1985)
นอกจากนั้นแล้ววันที่ 21 ตุลาคม ปีนี้ ยังเป็นวันสำคัญอย่างมากของแฟนๆหนังเรื่องนี้ เพราะจะตรงกับวันที่ Marty McFly ตัวเอกของเรื่องได้เดินทางมาถึงในการเดินทางข้ามเวลาสู่อนาคตในหนัง Back to the Future II (1989) ด้วย (ไปร่วมนับถอยหลังพร้อมกับแฟนหนังเรื่องนี้กันได้ที่ http://www.october212015.com เลยครับ)
เว็บไซต์หนังอย่าง Collider จึงได้รวบรวมสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2015 นี้ที่สอดคล้องกับการทำนายของหนังกลับสู่อนาคตภาค 2 นี้ด้วย ดังนี้
ความคลั่งไคล้หนังภาคต่อ
แม้ว่าจะเป็นแค่มุกหนึ่งที่ตั้งใจล้อเลียนความสำเร็จของหนัง Jaws ของสปีลเบิร์ก ที่ว่ามีต่อเนื่องไปถึงภาค 19 แถมยังฉายในโรงหนัง Holomax ที่ฉายระบบ Hologram อีกต่างหาก แม้ว่าจะไม่เป๊ะซะทีเดียว แต่การกลับมาได้รับความนิยมของระบบ 3d และ 4dx ก็ดูจะใกล้เคียงอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้หนังที่ทำรายได้สูงสุดของปี 2015 นี้ อันดับแรกๆยังเป็นหนังภาคต่อทั้งสิ้นด้วย โดยเฉพาะซีรีย์หนังรถแข่งอย่าง Fast and Furious ที่ปาเข้าไปภาค 7 แถมยังไม่มีทีท่าจะหยุดด้วยสิ
การกลับมาของยุค 80
ในหนังเราจะเจอร้าน Café 80s สะท้อนของการกลับมาได้รับความนิยม หรือการหวนอดีตของแฟชั่นในยุคทศวรรษที่ 1980 ซึ่งดูเหมือนว่าจะใกล้เคียงอยู่ไม่น้อย ถ้าพูดถึงแค่เทรนด์หนังอย่างเดียวในช่วงใกล้ๆกันเราเห็นการกลับมาของ Indiana Jones และที่กำลังถ่ายทำอยู่ในปีนี้อย่าง Ghostbusters ซึ่งโด่งดังมาจากยุค 80 นั่นเอง (น่าเสียดายที่เซเมคิสยืนยันว่าใครจะรีบูทรีเมคหนัง Back to the Future ต้องรอเขาลงหลุมไปซะก่อนล่ะนะ)
ชีวิตจานด่วน
ฉากที่มาร์ตี้ใช้อุปกรณ์อัตโนมัติสุดทันสมัยที่ทำให้เสื้อผ้าพร้อมใส่ได้ทันใจ แม้จะเป็นเรื่องที่เดาได้ง่าย แต่หนังก็ทำนายได้ถึงชีวิตแสนสุขสบายของคน พ.ศ. นี้ที่คิดอะไรก็ง่ายไปหมดอย่างใกล้เคียงทีเดียว ทั้งไหนจะการสั่งซื้อของออนไลน์ที่นอนอยู่บ้านก็ช้อปปิ้งได้ง่ายๆ หรือการจะหาข้อมูลตอบข้อสงสัย หรือวิธีทำนู่นนี่นั่น ก็แค่จิ้มนิ้วพึ่งอากู๋ก็มีคำตอบเด้งขึ้นมาในมือแทบจะทันทีนั่นเอง
ช่องทีวีมากเกินจำเป็นกว่าที่มนุษย์จะสามารถดูได้
ฉากตลกหนึ่งในหนังคือมาร์ตี้เจอทีวีที่เล่นพร้อมๆกันหลายๆช่อง โดยเลขช่องมีถึงหลักร้อยทีเดียว แน่นอนนอกห้องดูกล้องวงจรปิด ก็ไม่มีมนุษย์คนไหนจำเป็นต้องดูทีวีแบบดังกล่าวเลย แต่ในทุกวันนี้ด้วยการเติบโตของดิจิตอลทีวีที่มีช่องให้ดูเป็นร้อยๆนั้น การจะดูซีรีย์ที่ชอบหรือคอนเท้นท์เจ๋งๆที่ฉายพร้อมกันในเวลาเดียวคงเป็นความฝันของใครหลายๆคน แน่นอนว่าการมาของทีวีออนดีมานด์ และการดูย้อนหลังก็เป็นการตอบโจทย์หนึ่ง แต่นั่นล่ะก็ต้องยอมรับว่าหนังทำนายได้ใกล้ความจริงเหมือนกัน
เป็นโรคติดเทคโนโลยีกันงอมแงม
ในฉากโต๊ะทานอาหารที่มนุษย์ยุค 2015 ใส่อุปกรณ์แว่นตาสุดเจ๋งที่เป็นทั้งโทรศัพท์และจอทีวีในตัว ก็ทำนายถึงการติดเทคโนโลยี เป็นโรคมองจอจนไม่สนใจคนรอบข้างได้อย่างดี
สตอล์กเกอร์ออนไลน์
ในหนังมาร์ตี้ตอนโต ได้คุยวิดีโอคอลกับนีดเดิ้ลและเจ้านายของเขา โดยบนจอฝั่งของมาร์ตี้เขาจะสามารถเห็นได้ว่าคู่สนทนามีความสนใจในเรื่องอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ดูคุ้นๆมั้ย ใช่นี่คือเฟซบุคที่เราสามารถรู้ข้อมูลส่วนตัวของคนบางคนก่อนที่จะรู้จักกันเสียอีก สตอล์กจงเจริญ!
สุดท้าย Collider แถมท้ายที่ว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่ตัวหนังทำนายไว้และไม่ได้เกิดขึ้นจริงใน พ.ศ. นี้ นั่นก็คือ โฮเวอร์บอร์ดดดด ของเล่นสุดปราถนาของแฟนหลายๆคนนั่นเอง 55
ที่มา: Collider