เป็นหนังที่สร้างเสียงฮือฮาข้ามปี จากที่ค่ายหนังปล่อยภาพ วิน ดีเซล กับทรงผมกระเซิงแปลกตา แล้วหนังก็โดนโรคเลื่อนไปจากกำหนดเดิมหลายเดือน เหตุจากการตายของพอล วอล์คเกอร์ ที่ทำให้ fast 7 เลื่อนกำหนดปิดกล้องไป the last witch hunter ก็เลยต้องเลื่อนตามไปด้วย วิน ดีเซล รับบท คอลเดอร์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก เมลคอร์ นักล่าแม่มดจากคอมพิวเตอร์เกม dungeons and dragons เป็นเกมที่วิน ดีเซล ชอบมากเขาเล่นมากว่า 20 ปีแล้ว, วิน ชอบความเป็นนักล่าและมีเวทมนต์ของ เมลคอร์ และถูกหยิบมาใส่ในตัว คอลเดอร์ เช่นกัน คอลเดอร์ นั้นเป็นนักล่าแม่มดในอดีตกาล เขาเผชิญหน้ากับราชินีแม่มดผู้มีอิทธิฤทธิ์ร้ายกาจ วินาทีที่คอลเดอร์ สังหารเธอก็ถูกเธอสาปให้คอลเดอร์ไม่เจ็บไม่ตาย เรื่องราวในหนังคือ 800 ปีต่อมา ที่เหล่าสมุนราชินีแม่มดพยายามจะคืนชีพเธอ ทำให้คอลเดอร์ต้องเข้าขัดขวางแผนการร้าย

last-witch-hunter-review-pic

หนังเน้นขายซีจีเป็นหลัก โชว์ฉากซีจีแทบทั้งเรื่อง แต่ก็เป็นซีจีในแบบหนังแฟนตาซีทั่วไปที่เราเคยเห็นกันมาชินตาแล้วไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่ และน่าจะเป็นเหตุที่ทำให้งบหนังบานไปถึง 90 ล้านซึ่งดูไม่น่าจะถึงเลยนะ ส่วนสนุกของหนังคือความสามารถของคอลเดอร์ ที่นอกจากความสามารถในด้านพะบู๊แล้ว เค้ายังมีวิชาด้านคุณไสย วิเคราะห์และแก้ไขสถานการณ์ที่ถูกมนต์ดำได้ ทำให้หนังเดินหน้าไปแบบหนังสืบสวนตามล่าหาสมุนราชินีแม่มด ส่วนนี้ทำให้หนังมีรสชาติของความเป็น MIB แต่เปลี่ยนจากมนุษย์ต่างดาวเป็นเหล่าแม่มดพ่อมด คอลเดอร์เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เพื่อถามหาเบาะแสจากเหล่าพ่อมดแม่มดที่แฝงตัวเป็นคนธรรมดาในฐานะเจ้าของร้าน บทหนังยังเพิ่มสีสันด้วยการจำลองสังคมของเหล่านักล่าแม่มด ที่เรียกตัวเอง “ภาคีขวานและกางเขน”คอยหนุนหลัง คอลเดอร์ ในฐานะผู้ล่าและทำหน้าที่พิพากษาเหล่าแม่มดร้าย แถมด้วยบทหักมุมในช่วงกลางเรื่อง ช่วยเพิ่มความน่าติดตามขึ้นมาได้หน่อยนึง

ส่วนที่เข้าใจว่าผ่านกระบวนการคิดพยายามแล้ว แต่ดันไม่ขึ้นคือฉากแอ็คชั่น การเผชิญหน้าระหว่างคอลเดอร์ กับราชินีแม่มด ไม่รู้สึกชวนลุ้นตื่นเต้นเลยสักนิด ถึงแม้คนดูคาดเดาได้อยู่แล้วว่าจะจบอย่างไรแต่ก็ยังอยากเห็นการฟาดฟันที่ยากเย็นให้เอาใจช่วยพระเอกเสียหน่อยนะ

ไมเคิล เคน ดารารุ่นใหญ่โผล่หน้ามาให้เห็นหน่อยแล้วอีไลจา วู๊ด ก็มารับช่วงต่อแทนในฐานะพระผู้ช่วย โรส เลสลี่ อีกคนที่ได้ดีจากซีรี่ส์ เกม ออฟ โธรนส์ เธอเป็นที่จดจำได้จากบทคนรักของ จอน สโนว์ จนได้อัพเกรดมาเป็นนางเอกในเรื่องนี้ หน้ายังไม่สวยติดตานักแต่ว่าขาวมว้ากกกก

the-last-witch-hunter (1)

พล็อตเรื่องยังคงเป็นหนังแอ็คชั่น-แฟนตาซี ที่ไม่โดดเด่นไปกว่าหนังเวทมนต์ขายซีจีในสไตล์เดียวกันอย่าง the sorcerer’s apprentice หรือ the last airbender แรกเริ่มหนังได้ ทิเมอร์ เบ็คเม็มบิทอฟ ผู้กำกับที่โดดเด่นกับงานซีจีแอ็คชั่นที่หลายคนก็ประทับใจกับหนัง wanted (2008) ของเขา แต่ ทิเมอร์ ขอถอนตัวออกไป ได้เบร็ค ไอสเนอร์มาเสียบแทน ดูเครดิตก่อนหน้าของ เบร็ค ก็ไม่น่าประทับใจสักเรื่องนะ sahara (2005) , the crazies (2010) ก็ได้แต่คิดว่าถ้าหนังยังอยู่ในมือ ทิเมอร์ ที่แจ้งเกิดมาจากหนังแฟนตาซี night watch,day watch ดูจะเหมาะและน่าจะออกมาสนุกกว่านี้นะ ผลออกมาคือเสียงจากรอบวิจารณ์ในอเมริกาไม่ดีนัก ส่งผลให้ตัวหนังได้คะแนนในระดับสอบตก ตัวหนังดูได้เพลินๆ ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจ ไม่จำเป็นต้องดูจอใหญ่ รอดีวีดีดูอยู่บ้านก็ไม่เสียอรรถรสครับ