หน้าหนังมีองค์ประกอบน่าสนใจหลายอย่างที่ทำให้อยากดู มีดาราขายชื่อได้อย่าง อีธาน ฮอว์ค และสาวน้อย เอ็มม่า วัตสัน ที่ก้าวออกจากคราบเฮอร์ไมโอนี่ มารับบทซีเรียสจริงจังครั้งแรก ชื่อผู้กำกับเขียนบท อเลฮานโดร อเมนาบาร์ ที่กลับมาทำหนังโทนเขย่าขวัญที่เขาเคยสร้างเสียงฮือฮาไว้กับ the other เมื่อปี 2001 ยิ่งสร้างความคาดหวัง ว่าเว้นว่างไปถึง 14 ปี น่าจะมีไม้เด็ดมาให้หายคิดถึง
หนังอิงเรื่องราวจากเหตุการณ์จริงในปี 1990 ยุคที่ลัทธิซาตานเริ่มแผ่กระจายในอเมริกา อีธาน รับบทนักสืบ บรู๊ซ เคนเนอร์ ที่เอาจริงเอาจังกับอาชีพการงาน เขารับผิดชอบคดีครอบครัวเกรย์ที่ต้องสงสัยว่าถูกลัทธิซาตานครอบงำ แองเจล่า ลูกสาวตกเป็นเหยื่อกระทำชำเราจากพ่อตัวเอง ซึ่งเป็นกิจกรรมเลวทรามในลัทธิซาตาน แองเจล่า ทนการคุกคามไม่ได้หนีออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ในโบสถ์ เธอเขียนจดหมายร้องทุกข์ไปหาตำรวจ จอห์น ผู้พ่อถูกเรียกมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจ จอห์นให้การสารภาพแต่บอกว่าเป็นการกระทำในภวังค์จำความอะไรไม่ได้ บรู๊ซ เลยขอตัว ศาสตราจารย์ เรนส์ นักจิตวิทยา มาช่วย เรนส์ ทำการสะกดจิต จอห์น เพื่อรื้อฟื้นความทรงจำ ยิ่งทำให้เผยเงื่อนงำในคดีมากขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อสอบปากคำ แองเจล่า แล้วเธอเริ่มเผยรายละเอียดของลัทธิซาตานมากขึ้น เหตุการณ์ต่างๆยิ่งดูน่าสะพรึงกลัว
หนังมาในโทนหม่นทั้งสีภาพ ที่ครึ้ม ไร้สีสันสดใส ตัวละครก็หน้าตาเคร่งเครียด ล้วนเป็นองค์ประกอบให้บรรยากาศหนังยิ่งอึมครึมตามโทนเรื่อง หนังเดินหน้าไปช้าๆ เปิดเรื่องด้วยเงื่อนงำปริศนา สืบสาวลึกไปเรื่อยๆ ผู้ต้องสงสัยยิ่งมากขึ้น พอๆกับความสัมพันธ์ระหว่าง บรู๊ซ กับ แองเจล่า ก็ยิ่งลงลึกมากขึ้น อีธาน ฮอว์ค รับหน้าที่เป็นตัวหลักของเรื่อง ถึงแม้หน้าหนังจะเน้นขายชื่อ เอ็มม่า วัตสัน แต่เอาเข้าจริงหนังผ่านครึ่งชั่วโมงแรกไปแล้วเธอถึงค่อยปรากฎตัว บทแองเจล่า เป็นบทที่ยาก ถ้ามีเวลาบนจอให้เธอมากกว่านี้ ให้เธอได้โชว์ฝีมือการแสดงน่าได้รับเสียงชื่นชมในทางบวก
หนังขมวดปมสงสัยมากว่าชั่วโมงครึ่ง แต่พอถึงบทเฉลยกลับเล่าผ่านๆธรรมดา เป็นฉากไคลแมกซ์ที่ไร้พลังไม่ได้ขับเน้นอารมณ์ร่วมจากคนดูเลยทั้งภาพ เสียงและการแสดง ถึงแม้ปมจะถูกคลี่คลายได้ทั้งหมดแบบมีเหตุมีผลรองรับไม่คาใจ แต่ไม่ใช่คำตอบที่ชวนอึ้ง ทึ่ง แต่อย่างใด เป็นมุกที่ถูกใช้กันมาแล้วหลายๆเรื่อง เป็นการกลับมาจับแนวทริลเลอร์ของอเลฮานโดร ที่ไม่คืนฟอร์ม และน่าผิดหวัง ไม่แนะนำครับ