ในยุคเริ่มต้นของหนังซูเปอร์ฮีโรที่ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนนั้น เราได้ดูหนังเดี่ยว ๆ ของ ซูเปอร์แมน, แบทแมน, สไปเดอร์แมน และ ไอออนแมน จากนั้นวงการหนังซูเปอร์ฮีโรก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำเงินได้หลักพันล้านเหรียญ ทางผู้สร้างก็มั่นใจกับการทุ่มทุนสร้างสูงมากขึ้น และมีการเพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวหนังด้วยการให้ซูเปอร์ฮีโรรายอื่น ๆ ข้ามมาปรากฏตัวในหนังของซูเปอร์ฮีโรรายอื่น จนในที่สุดเราก็เลยได้เห็นหนังรวมเหล่าซูเปอร์ฮีโรทั้ง 2 ค่ายอย่าง Avengers และ Justice League จากนั้นมาร์เวลก็เริ่มเล็งเห็นแล้วว่าการเพิ่มซูเปอร์ฮีโรลงไปในหนังแต่ละรายก็ยิ่งเพิ่มศักยภาพแรงดึงดูดผู้ชมมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการเจรจาดีลยักษ์ระหว่างมาร์เวลกับโซนี่ที่ถือลิขสิทธิ์สไปเดอร์แมนจนเป็นผลสำเร็จ แม้จะงอนกันไปช่วงสั้น ๆ แต่สุดท้ายทั้งสองค่ายก็ตกลงแบ่งปันผลประโยชน์กันได้ลงตัว นับเป็นข่าวที่แฟน ๆ ต่างเฮต้อนรับสไปเดอร์แมนที่จะได้กลับสู่บ้านมาร์เวล
แต่ถ้าวันหนึ่งเราได้เห็น ซูเปอร์แมน, วันเดอร์วูแมน, แบทแมน ได้มาปรากฏตัวบนจอพร้อมกับ ไอออนแมน, กัปตันอเมริกา, ฮัลค์ และสไปเดอร์แมน ล่ะ มันจะช่างน่าตื่นเต้นขึ้นไปอีกกี่เท่าสำหรับผู้ชมที่รักหนังซูเปอร์ฮีโร ฟังดูแล้วช่างเป็นเรื่องเพ้อฝันนะ ที่จะได้เห็น 2 ยักษ์ใหญ่อย่างมาร์เวลและดีซี ที่อยู่ในฐานะคู่แข่งแล้วหันมาจับมือสร้างหนังร่วมกัน แต่เดี๋ยวก่อน เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่เพิ่งผ่านมานี่มีแฟนหนังมาโพสต์ถาม เจมส์ กันน์ ผู้กำกับที่ได้ร่วมงานกับทั้งมาร์เวลและดีซี ว่า
“มีหนทางพอเป็นไปได้ไหมว่าเราจะได้เห็นหนังบล็อกบัสเตอร์ครอสโอเวอร์” ซึ่งกันน์ก็ตอบว่าไม่ถึงกับจะ “เป็นไปไม่ได้” ทีเดียวนะ
“ที่จริงแล้วผมได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องนี้กับผู้มีอำนาจทั้งฝั่งมาร์เวลและดีซีแล้วนะ ผมเนี่ยอยากที่จะเห็นโปรเจกต์แบบนี้เกิดขึ้นมาจริง ๆ ผมยังไม่เห็นว่ามันจะเกิดขึ้นได้นะตอนนี้ แต่ขณะเดียวกันผมก็ไม่คิดว่ามันจะ ‘เป็นไปไม่ได้’ เช่นกัน สำหรับผมแล้ว การที่จะได้เห็นหนังครอสโอเวอร์สองค่ายนี้เกิดขึ้นจริง มันรู้สึกน่าเย้ายวนน้อยกว่าการที่จะได้เห็นเนื้อเรื่องที่แข็งแรง”
https://twitter.com/JamesGunn/status/1405555430747635722?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1405602407631912961%7Ctwgr%5E%7Ctwcon%5Es2_&ref_url=https%3A%2F%2Fmovieweb.com%2Fjames-gunn-marvel-dc-crossover-movie%2F
การที่กันน์เป็นคนแรกที่ออกมาพูดเรื่องนี้ เขาก็กลัวแฟน ๆ เข้าใจผิดว่าเขาอยากที่จะเป็นผู้กุมบังเหียนโปรเจกต์นี้ ทำให้กันนต์ต้องรีบออกตัวเสียแต่เนิ่น ๆ ว่าเขายังไม่ได้เสนอตัวเองกับทั้ง 2 ค่ายในการับผิดชอบโปรเจกต์นี้นะ สำหรับเขาแล้วถ้าจะพิจารณาทำโปรเจตก์ไหนเนื้อหาจะต้องมาก่อนเป็นอันดับแรกและเป็นเรื่องที่เขาให้ความสำคัญที่สุด
“ที่ผ่านมาผมค่อนข้างหนักใจนะที่พบว่าผู้ชมค่อนข้างให้ความสนใจกันมากกับการครอสโอเวอร์ ตัวละครรับเชิญ การอ้างอิงถึงหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือฉากหลังเครดิตท้ายเรื่อง กลับกลายเป็นว่าผู้ชมให้ความสนใจกับเรื่องพวกนี้ซะมากกว่าเนื้อหากับตัวละครหลัก ๆ ในเรื่องที่ไปดูซะอีก ซึ่งที่จริงแล้วเวลาผมทำหนังสักเรื่องผมให้ความสำคัญ 99.9 % ไปกับเนื้อหาและตัวละครในเรื่องนั้นเลยนะ ส่วนที่เหลือผมให้ความสำคัญแค่ 0.1% แค่นั้น”
ด้วยหลักการทำงานที่ทุ่มเทจริงจังแบบนี้ก็ย่อมได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ผลงานกำกับของเจมส์ กันน์ จึงมักได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากบรรดานักวิจารณ์เสมอ และหนังซูเปอร์ฮีโรที่ เจมส์ กันน์ มีส่วนเกี่ยวข้องจึงเป็นหนังที่ดูสนุกทุกเรื่อง
ย้อนกลับมาที่เรื่องครอสโอเวอร์ระหว่างดีซีและมาร์เวลนั้น ถ้าพิจารณากันจริง ๆ แล้วในวันนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากอยู่ ด้วยองค์ประกอบมากมายที่แค่คิดก็ปวดหัวแล้วทั้งในเรื่องลิขสิทธิ์ตัวละครต่าง ๆ การแบ่งสันปันส่วนรายได้ การจัดสรรเวลาบนจอที่เหมาะสมกับตัวละครทุกตัว และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นวันนี้ก็อาจกล่าวได้ว่า เจมส์ กันน์ ได้เริ่มต้นก้าวแรกไปแล้วในการเจรจา และเขาเป็นผู้เดียวที่เหมาะสมที่สุดในตำแหน่งนี้เพราะเขาได้กำกับ Guardians of the Galaxy ทั้ง 3 ภาคให้กับมาร์เวล และได้ The Suicide Squad ให้กับดีซี เราอาจจะได้เห็นซูเปอร์ฮีโรจาก 2 ค่ายโคจรมาเจอกันในหนังทุนสร้างระดับย่อม ๆ ก่อนเป็นการชิมลาง และในวันที่มนต์ขลังของหนังซูเปอร์ฮีโรเริ่มเสื่่อมความนิยมลงแล้ว ทั้งดีซีและมาร์เวลอาจจะต้องหันหน้ามาคุยแผนการนี้กันอย่างจริงจัง ในการสร้างเสน่ห์ดึงดูดใหม่ร่วมกันเพื่อต่ออายุวงการหนังซูเปอร์ฮีโร
ส่วนแฟน ๆ หนังของ เจมส์ กันน์ จากนี้ไปก็คอยชม The Suicide Squad ผลงานกำกับเรื่องล่าสุดของเขาที่ทำให้กับฝั่งดีซี มีกำหนดฉายในสหรัฐฯ และสตรีมมิงทาง HBO MAX วันที่ 6 สิงหาคมนี้ ส่วน Guardians of the Galaxy Vol. 3 ที่กันน์กลับมาทำให้กับทางมาร์เวล วางกำหนดฉายไว้วันที่ 5 พฤษภาคม 2023 เป็นหนึ่งในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลเฟส 4