[รีวิว] Major Grom: Plague Doctor ฮีโรแลกหมัดตำรับรัสเซีย มันส์เหนือคาด ฟีลคุ้นเคยกว่าที่คิด
Our score
7.9

[รีวิว] Major Grom: Plague Doctor ฮีโรแลกหมัดตำรับรัสเซีย มันส์เหนือคาด ฟีลคุ้นเคยกว่าที่คิด

จุดเด่น

  1. ตัวละครหลักมีเอกลักษณ์เด่นชัด
  2. การเดินเรื่องรวดเร็วเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน บู้สนุกสะใจ
  3. โปรดักชันดี แสงสีฉาก องค์ประกอบต่างๆ สวย ดูเพลินตา
  4. จบสวย ปมประเด็นชวนขบคิด แต่ไม่หนักสมองจนเกินไป

จุดสังเกต

  1. พลอตมีความละม้ายคล้ายหนังฮีโร่จากฝั่งอเมริกา ชนิดดูแล้วนึกออกเลยว่าเรื่องอะไร
  2. นำเสนอเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร (พระเอกกับตัวละครรายล้อม) อ่อนไปหน่อย
  • ความสมบูรณ์ของเนื้อหา

    7.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    8.5

  • ประเด็น

    8.0

  • การตัดต่อ ลำดับ และการดำเนินเรื่อง

    7.5

  • ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

    8.5

Major Grom: Plague Doctor (Майор Гром: Чумной Доктор) หรือในชื่อไทยคือ “ฮีโรปราบวายร้าย” (ใครคิดชื่อไทยนะ ช่างตรงตัวมากจนเราสะดุด ต้องกดดูเลยทีเดียว 555) เป็นภาพยนตร์แอ็กชันรัสเซีย กำกับโดยโอเล็ก ทรอฟิม (Oleg Trofim) สร้างจากซีรีส์หนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกัน ผลงานของ อาร์ตยอม กาเบรลยานอฟ (Artyom Gabrelyanov) ที่ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์รัสเซีย Bubble Comics โดยฉบับการ์ตูนมีความยาวทั้งสิ้น 50 เล่ม 6 ภาค (โอ้ แสดงว่าเราจะได้รอดูภาคอื่นกันอีกยาว ๆ สินะ แต่จบไม่ค้าง ดูเลยได้ไม่ต้องรอ) และนับเป็นภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องแรกที่สร้างจากการ์ตูนรัสเซียก็ว่าได้

สำหรับจุดตั้งต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 มีการฉายตัวอย่างภาพยนตร์ในงาน IgroMir / Comic-Con Russia 2017 แต่เพราะประสบปัญหาระหว่างการผลิต ทำให้มีการเปลี่ยนทีมงานใหม่ และดำเนินโครงการใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง จนในที่สุด ก็ได้มีรอบฉายปฐมทัศน์ในวันที่ 25 มีนาคม 2021 ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเพิ่งจะลงระบบสตรีมมิง Netflix ในบ้านเรา เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

แม้จะไม่ได้มีการโปรโมตให้ครึกโครมเหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่ลงในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ไม่นานนักภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เข้าสู่ 10 อันดับยอดนิยมของ Netflix อย่างรวดเร็ว ระหว่างที่เรากำลังห่อเหี่ยวหลังจากชม Resident Evil: infinite darkness เพราะการเชื่อมโยงลำดับเรื่องที่น่าผิดหวังสุด ๆ ก็เลยอยากชมภาพยนตร์แอ็กชันสนุกสนานสักเรื่องเพื่อล้างตาอยู่พอดี และเรื่องนี้ก็โผล่เข้ามาในสายตา ตัวอย่างก็ดูน่าดูดีนะ น่าจะคลายเครียดได้ดีแหละ อย่ากระนั้นเลย กดเข้าไปชมกันหน่อยดีกว่า

และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง…

แค่ภาพเปิดมา ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จัดเต็มความเป็นรัสเซียมาอย่างเต็มที่ ทั้งการเลือกใช้ตัวอักษรทั้งชื่อหนังและเครดิตที่ไม่มีภาษาอังกฤษปนแม้เพียงนิด ฉากไล่ล่าดุเดือดเล่าเรื่องรวดเร็วกระแทกเข้าเบ้าตาทันที และแม้จะมีการตัดต่อสลับไปมา แต่ก็ดูได้เพลินและดูรู้เรื่องเข้าใจได้ง่าย แถมยังรัวหมัดต่อเนื่องเดินเรื่องรวดเร็วทันใจ สื่อความได้ชัดคมกระชับตามสไตล์รัสเซีย

และสำหรับคนที่เคยไปเยือนรัสเซียมาก่อน แค่ห้านาทีแรกก็จะรู้ได้ทันทีว่าโปรดักชั่นเรื่องนี้จัดเต็มมากๆ เพราะเล่นไปถ่ายจุดที่เป็นศูนย์กลางนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และดึงจุดเด่นของสถานที่เด่น ๆ ของเมืองมาใช้ได้เป็นอย่างดี

และก็เหมือนกับชื่อเรื่อง ตัวเอกของเราก็คือนายตำรวจอีกอร์ กรอม (Igor Grom) (รับบทโดย ทิกฮอน ซีซเนฟสกี (Tikhon Zhiznevsky)) ตำรวจบ้าระห่ำที่ดูแว่บแรกนึกว่าเป็นฮีโรเหนือมนุษย์ และดูไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่เลย แต่ยิ่งเดินเรื่องไป เราก็ยิ่งเห็นความซื่อสัตย์ เที่ยงตรง และโดดเดี่ยวของคนผู้นี้ จนชวนให้นึกในใจว่ารัสเซียนี่มันรัสเซียซะจริง ๆ ขนาดตัวเอกยังมีความเป็นรัสเซียเด่นหราเอามากๆ ซึ่งนั่นก็ถือเป็นมุมนำเสนอที่ดี และส่วนตัวเราคิดว่า ตัวละครนี้ประสบความสำเร็จในแง่ของการดีไซน์ ดูเป็นเอกลักษณ์ดีนะ

นอกจากนายตำรวจตัวเอกของเรื่องอีกคนก็อยู่ในชื่อเรื่องเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ Чумной Доктор หรือหมอกาฬโรค วายร้ายที่สวมหน้ากากของหมอโรคระบาด ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นศาลเตี้ยกำจัดคนรวยที่ทำเรื่องเลวร้ายในสังคม ซึ่งหากดูผิวเผินในช่วงต้นแล้ว หนังจะทำให้เราจะรู้สึกว่าการกระทำของคนในหน้ากากนี้ดูชอบธรรม ดูเหมือนจะเป็นฮีโรมากกว่านายอีกอร์เสียอีก แต่เมื่อดำเนินเรื่องต่อไปเรื่อยๆ เราก็จะเริ่มเห็นเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

ภาพรวมของโปรดักชัน การใช้แสงสีเงา การตัดต่อ การเดินเรื่อง และการสร้างสองตัวละครหลักจัดว่าทำให้ดีมาก ดูแล้วเพลินๆ และมีเสน่ห์ เส้นเรื่องก็ชวนลุ้นแต่ติดตามไปเกือบตลอดเรื่อง มีแค่ช่วงกลางที่แผ่วหน่อยๆ แต่ไม่นานนักก็มี Turning point ให้เราได้กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง ระหว่างการเล่าเรื่องก็แทรกภาษาภาพ ใช้การจัดองค์ประกอบฉากเล่าถึงความนัยได้ดี

มีประโยคนึงที่คู่หูพระเอกถามว่าอะไรทำให้นายต่างกับอาชญกร แม้เป็นประโยคที่สั้นง่าย กระชับ ท่ามกลางบทพูดมากมายในเรื่อง แต่พอมาอยู่ในการจัดวางที่เหมาะสมก็ทำให้ประโยคนี้ยังดังก้องในหัวคนดูหลังดูจบมากๆ แน่ละว่ามีคำตอบโคตรแจ่มชัดอยู่ในเรื่อง แต่แบบที่ไม่แจ่มก็มีซ่อนอยู่เยอะเหมือนกันนะ

ชมมามากมายแบบนี้มันไม่มีข้อเสียเลยหรอ หากจะมีอะไรที่มันไม่โอเคก็น่าจะเป็นพลอตที่ดูคุ้น ๆ เหมือนเคย ๆ เห็นจากไหนมาก่อน เอ๊ะ นี่มันแบทแมน อ้าว นั่นมันเพชฌฆาตหน้ากากพญายม (V for Vendetta) ใช่ไหม คือไม่แน่ใจว่าฟีลนี่มันปรากฏในการ์ตูนต้นฉบับด้วยหรือเปล่า แต่ในภาพยนตร์มันดูจะคล้าย ๆ เอามาก ๆ เลยล่ะ

อีกสิ่งที่เรารู้สึกว่าถ้าเติมให้เต็มได้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะปังปุริเย่มากกว่านี้ นั่นคือการเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครต่างๆ ในฝั่งที่เป็นมวลหมู่มิตรของพระเอก ที่มันมีแค่เท่าที่จำเป็นต่อการเล่าเรื่องเสียจนมันดูห้วนเกินไปสักหน่อย รู้สึกขาด ๆ เกิน ๆ ทั้งที่น่าจะทำได้คมกว่านี้ได้อีกนิด ถ้าเกลี่ยจังหวะการเล่าเรื่องไปยังตัวละครเล่านี้เพิ่ม ทำให้เห็นจังหวะ และความค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงของความคิดพระเอกได้มากกว่านี้ น่าจะดีมาก ๆ เลย

สรุป ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนวิธีการเล่าเรื่องซึ่งคนรัสเซียชื่นชอบได้ค่อนข้างชัดเจน (เดินเรื่องเร็ว ตัดต่อหนัก จะดาร์กยังไงก็ขอแอบยิงมุกสักหน่อย) เราคนไทยอาจจะดูแล้วรู้สึกตะหงิด ๆ อยู่บ้าง แต่โดยรวมถือว่าสนุก เนื้อหาแน่น สะใจดีนะ ตื่นตั้งแต่ต้นจนจบแน่นอน เชิญไปยลกันได้

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส