เป็นภาคต่อที่ห่างจากภาคก่อนหน้า Star Wars: Episode VI – Return of the Jedi (1983) ถึง 32 ปี ก่อนดูภาคนี้ ควรต้องทำการบ้านรื้อฟื้นภาคก่อนหน้ากันสักหน่อยเพื่อการรับชมแบบราบรื่นพล็อตเรื่องสั้น ๆ แบบระวังสปอยล์สุด ๆ ตัวละครสำคัญในภาคนี้คือหุ่นดรอยด์ทรงกลมชื่อ “บีบีเอท” มีข้อมูลสำคัญที่ฝ่ายร้ายนาม “ปฐมภาคี” ต้องการอย่างมาก แล้ว บีบีเอท ก็บังเอิญตกมาอยู่ในความดูแลของ “เรย์” สาวน้อยที่เก็บเศษเหล็กมาขายประทังชีวิตไปวัน ๆ กับ ฟินน์ อดีตสตอร์มทรูเปอร์กลับใจ ทำให้ทั้งคู่ต้องโดนตามล่าจาก ปฐมภาคี ที่นำทัพโดย ไคโล เร็น ซิธจอมโฉด ระหว่างทางนำ บีบีเอท ไปส่งมอบให้กับฝ่ายกบฎทั้งคู่บังเอิญเจอนักสู้ในตำนานอย่าง ฮาน โซโล และ ชิวเบคก้า การร่วมทีมผจญภัยก็เริ่มต้นขึ้น
เจ.เจ. อบรามส์ รับหน้าที่สานต่อตำนานได้อย่างแนบเนียนและเคารพต้นฉบับอย่างที่สุด สำหรับแฟนเก่าที่คุ้นเคยผูกพันกับตำนานสตาร์วอร์ส มานานก็จะมีความสุขที่ได้เห็นฮีโร่ในอดีตอย่างอดีตกลับมาขึ้นจออีกครั้ง ได้เห็นภาพที่ชวนคิดถึงอย่าง ฮาน โซโล และ ชิวเบคก้า มาขับยานมิลเลเนียม ฟอลคอน โลดแล่นในอวกาศ เจ้าหญิงเลอา มาในภาพลักษณ์ใหม่ที่จริงจังเคร่งเครียดมากขึ้น และบรรยากาศคลาสสิคที่ได้เห็นบรรดามนุษย์ต่างดาวภาพลักษณ์ประหลาด ๆ เดินกันขวักไขว่ไปมา ที่สตาร์วอร์ส ถือว่าเป็นผู้ริเริ่มจินตนาการแบบนี้บนจอหนังเป็นเรื่องแรก
ทุนสร้างที่มากขึ้นถึง 200 ล้านเหรียญ บวกกับวิทยาการซีจี ทำให้งานภาพอลังการและสมจริงมากขึ้น โดยเฉพาะดาวแจคคู ที่เป็นจุดกำเนิดเรื่องราวครั้งนี้ เป็นดาวซาเล้งที่มียานเก่ามาจอดทิ้งตายกันเต็มไปหมดเราก็ได้เห็นบรรดายานลำมหึมาจอดกันเต็มฉากหลัง บางลำมโหฬารขนาดเอายานเข้าไปบินไล่กันข้างในได้ ภาพรวมในภาคนี้คือการเริ่มต้นตำนานบทใหม่ เลยค่อนข้างใช้เวลาปูพื้นกับตัวละครใหม่ทั้งฝ่ายจักวรรดิและฝ่ายกบฏ รวมถึงการสานสัมพันธ์ตัวละครชุดใหม่กับชุดเดิม การเล่าเรื่องจึงออกมาในมุมกว้างเกี่ยวกับกองทัพฝ่ายจักรวรรดิและฝ่ายต่อต้าน ฉากแอ็คชั่นจึงเน้นหนักไปกับภาพทหารแต่ละฝ่ายขับยานมาไล่ยิงกัน ภาคนี้เราจึงไม่เห็นตัวละครออกมาควงไลท์เซเบอร์ฟันกันมากเท่าใดนัก ต้องรอตัวละครฝึกปรือวิชากันสักหน่อย ภาค 8 ภาค 9 เรื่องราวน่าจะตีมุมแคบลงมาเน้นหนักที่ตัวละครหลักมากขึ้น แล้วถึงจะได้เห็นเจไดกับซิธฟาดฟันไลท์เซเบอร์กันมันส์หยดแน่
เดซี่ ริดลีย์ ดาราสาวหน้าใหม่ที่ได้รับเลือกให้มารับบทสำคัญที่สุดอย่าง “เรย์” เดซี่ มีเสน่ห์ขึ้นกล้องมาก เริ่มต้นมาแบบสาวบ้าน ๆ แต่เมื่อหนังเดินหน้าไป ก็เริ่มเผยความสามารถออกมาทีละอย่าง อย่างน่าทึ่งซึ่งปริศนาที่มาของ เรย์ ก็กลายเป็นความลับที่ถูกเก็บงำไว้ใช้เป็นกุญแจสำคัญที่ชวนติดตามในภาคต่อ ๆ ไป ตัวละครอีกตัวที่ได้ใจคนดูมาก ๆ คือหุ่นดรอยด์ บีบีเอท ต้องย้อนไปชื่นชมทีมงานที่ดีไซน์เหล็กก้อนกลมนี้ให้ออกมามีชีวิตชีวาและสื่อสารความน่ารักออกมาได้ ทั้งเสียง ปี๊ วิบ ที่ฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็สื่อความรู้สึกได้ทั้งตอนดีใจ ชอบมากตอนทำ หงอย เสียใจ ดูน่าสงสารดี มีติดใจก็เรื่องฉากหลังตัวละครหลักอย่าง ฟินน์ ที่ปูบทมาเบาบางไปนักกับการตัดสินใจแปรพักตร์ และบทที่อวยฝ่ายต่อต้านมาก ๆ จน ปฐมภาคี ช่างดูอ่อนด๋อยเสียเหลือเกิน
หนังเดินหน้าเร็ว ฉากแอ็คชั่นเยอะ มุกที่ได้เสียงฮาก็เยอะ และมีเซอร์ไพรส์แรง ๆ ทั้งภาพทั้งดนตรีอลังการ ทำให้ 135 นาที รู้สึกว่าผ่านไปเร็วเลย เป็นภาคที่ตอบสนองได้ผู้ชมได้ทุกกลุ่ม แฟนเก่าที่ติดตามกันมีความสุขที่ได้เห็นตำนานบทใหม่เริ่มต้นกับตัวละครเก่า ๆ ที่คุ้นเคย แล้วก็เป็นภาคที่ปลุกกระแสสตาร์วอร์สได้สำเร็จ เร่งเร้าให้กลุ่มที่ยังไม่เคยสัมผัสตำนานสตาร์วอร์สให้เริ่มสนใจได้ มันคือมหากาพย์ระดับโลกครับ สละเวลาไล่ดู 6 ภาคก่อนหน้า หรืออ่านบทสรุปย่อแบบรวบรัดที่ปล่อยกันเต็มโซเชี่ยลแล้วมาลองสัมผัสความสนุกบนจอใหญ่อีก 3 ภาคต่อจากนี้