ถ้าใครที่เป็นแฟนเกม ‘Resident Evil’ น่าจะทราบดีว่าในอดีตเกมซีรีส์นี้เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วถึง 6 ภาค (ไม่นับฉบับการ์ตูนที่ทาง Capcom ทำ) ที่สร้างออกมาไม่ค่อยถูกใจแฟน ๆ จนมีการประกาศสร้างซีรีส์และภาพยนตร์ ‘Resident Evil’ ขึ้นมาอีกครั้ง ก็สร้างเสียงตอบรับจากแฟน ๆ ที่โห่ร้องด้วยความดีใจ เพราะคราวก่อนตัวภาพยนตร์ ‘Resident Evil’ ที่กำกับโดย พอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน (Paul W. S. Anderson) สร้างความผิดหวังให้แฟน ๆ เกม ที่ตัวภาพยนตร์ไม่มีความเป็น ‘Resident Evil’ ตามที่แฟน ๆ ต้องการ จนเมื่อมีการประกาศภาพยนตร์ชุดใหม่จึงเหมือนเป็นแสงแห่งความหวังให้แฟน ๆ ซีรีส์นี้จะได้เห็นตัวละครจากในเกม ที่มาพร้อมกับเนื้อเรื่องที่ตรงกับในเกมและใช้ตัวละครในเกมแบบจริงจังเสียที ไม่ใช่แค่ตัวละครเสริมที่เอามาใส่เพื่อบอกว่านี่คือภาพยนตร์จาก ‘Resident Evil’ จนไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีภาพและข่าวเกี่ยวกับภาพยนตร์ ‘Resident Evil’ ออกมา ซึ่งก็ทำให้แฟน ๆ ต่างสงสัยและกลัวว่าภาพยนตร์คราวนี้จะไปซ้ำรอยเดิมอีกครั้งรึไม่ เพราะจากรูปและข้อมูลที่ผู้กำกับ โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ (Johannes Roberts) เปิดเผยมามันช่างแตกต่างกับตัวเกมแบบสุด ๆ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่ภาพยนตร์ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ ไม่เหมือนกับเกม ‘Resident Evil’ บ้าง เตรียมกระสุนยาสมุนไพรปืนให้พร้อมแล้วไปดูไปพร้อมกันเลย
เนื้อเรื่องในภาพยนตร์ที่ถูกเปิดเผย
เริ่มต้นเรื่องแรกที่เราขอหยิบมาพูดถึงนั่นก็คือเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ ที่ถูกเปิดเผยออกมาว่าตัวภาพยนตร์นั้นจะเป็นการรวมเนื้อหาของเกม ‘Resident Evil’ ทั้งสองภาคมายำรวมกันในเรื่องเดียว โดยตัวภาพยนตร์จะตัดเล่าเรื่องราวสลับไปมาระหว่างฝั่ง คริส เรดฟิลด์ (Chris Redfield) ที่อยู่ใน ‘Spencer Mansion’ ตามเนื้อเรื่องในเกมภาค 1 ที่เล่าคู่ขนานกันไปกับเรื่องราวของ ลีออน สกอต เคนเนดี (Leon Scott Kennedy) กับ แคลร์ เรดฟิลด์ (Clair Redfield) ใน Raccoon City เราจึงจะได้เห็นเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันว่าขณะที่คนพี่กำลังหนีตายในคฤหาสน์ผีสิง น้องสาวก็กำกลังหนีตายในสถานีตำรวจที่เป็นนรกไม่ต่างกัน เพราะเอาจริง ๆ เนื้อหาของเกมนั้นก็ไม่มีอะไรให้เล่า การเอาเนื้อเรื่องทั้งสองภาคมารวมกันคือความคิดที่ถูก แต่สิ่งที่เราไม่รู้ก็เรื่องราวของคริสนั้นจะเป็นเรื่องราวที่คู่กันกับแคลร์ (เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน) หรือเป็นเรื่องราวในอดีตแบบในเกม เพราะถ้าเนื้อเรื่องทั้งสองคนนั้นคือช่วงเวลาเดียวกัน เราก็จะไม่ได้เห็นเนื้อเรื่องของ จิล วาเลนไทน์ (Jill Valentine) ในภาพยนตร์ภาคต่อไป แต่ถ้าเรื่องราวของคริสเป็นเรื่องราวก่อนแคลร์ที่เป็นการเล่าเนื้อเรื่องย้อนหลังก็จะตรงกับเนื้อหาในเกมพอดี ซึ่งเรื่องนี้ต้องมาดูกันว่าจะไปในทิศทางไหน
ตัวละครที่ไม่เหมือนในเกม
คราวนี้มาดูจุดใหญ่ ๆ ที่แฟน ๆ รู้สึกขัดใจกับความไม่เหมือนของตัวละครในภาพยนตร์ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ ที่เราต้องอธิบายสำหรับคนที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่าไม่เหมือนในเกมก่อน ว่ามันไม่ได้หมายถึงหน้าตาตัวละครที่ไม่เหมือนในเกม ซึ่งแฟน ๆ คนเล่นเกมจะทราบเรื่องนี้ดีว่ายังไงก็ไม่มีทางใช้นักแสดงที่เป็นต้นแบบใบหน้าในเกมมาใส่ในภาพยนตร์แน่นอน แต่สิ่งที่แฟน ๆ ออกมาบ่นคือความผิดเพี้ยนจากต้นฉบับไปไกล ยกตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดก็คือพ่อหนุ่มลีออนที่ได้นักแสดงหนุ่มรูปหล่ออย่าง อวาน โจเกีย (Avan Jogia) มารับบทลีออน ซึ่งหลายคนที่ได้เห็นหน้าเขาก็พูดเสียงเดียวกันว่าเหมือนใช้ได้ จนเมื่อมาเห็นภาพหลุดที่เจ้าตัวถ่ายรูปในในชุดตำรวจในภาพยนตร์ก็ทำเอาหลายคนอึ้งไปเล็กน้อย เพราะลีออนคนนี้ไว้หนวดเคราที่ไม่เข้ากับตัวเกมจนหลายคนรับไม่ได้ ขณะที่แคลร์ที่ได้ คายา สโคเดลาริโอ (Kaya Scodelario) มารับบทก็ถูกต่อว่าไม่ต่างกันตรงที่เธอไม่มัดผมที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของแคลร์ในเกมเสียอย่างนั้น(ถ้ามัดจะเหมือนมาก) นี่ยังไม่นับจิลที่ได้ แฮนนาห์ จอห์น-คาเมน (Hannah John-Kamen) ก็เปลี่ยนเป็นสาวผมยาวแถมชุดก็ไม่เหมือนในเกม ส่วน อัลเบิร์ต เวสเกอร์ (Albert Wesker) ที่ได้ ทอม ฮอปเปอร์ (Tom Hopper) ก็เปลี่ยนทรงผมและตัดแว่นตาดำที่เป็นเอกลักษณ์ไปแบบดื้อ ๆ จะมีเพียงแค่คริสที่ได้ ร็อบบี้ อเมล (Robbie Amell) มารับบทที่เป็นเพียงคนเดียวที่มีลักษณะตรงกับในเกมที่สุด ดูรูปประกอบและตัดสินใจกันดูว่าเหมือนไม่เหมือนตรงไหน
ตัวละครในภาพยนตร์ Resident Evil เรื่องก่อน
เพื่อความเท่าเทียมคราวนี้มาดูตัวละครจากภาพยนตร์ ‘Resident Evil’ ในฝั่งของ พอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน ที่ทำเอาไว้แล้วบ้างว่าตัวละครมีหน้าตาเหมือนในเกมขนาดไหน เริ่มจากจิลทีเรียกว่าลอกแบบมาแบบเหมือนในเกมมาก ๆ ทั้งชุดที่สวมทรงผมท่าทางเรียกว่าเป็นตัวละครที่เหมือนในเกมที่สุดจนแฟน ๆ ยกนิ้วให้ในความเหมือน ขณะที่แคลร์นั้นดูแล้วก็โอเคกับลักษณะท่าทางโครงหน้าชุดที่เหมือนกับในเกม แต่เธอกลับไม่มัดผมที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนกันซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำ ในส่วนของฝั่งชายที่ถ้าไม่บอกชื่อก็คงไม่รู้ว่าเขาคือตัวละครในเกมอย่าง คาร์ลอส โอลิเวียร่า (Carlos Oliveira) ที่เรียกว่าไม่มีความคล้ายกับในเกมเลยแม้แต่น้อย ขณะที่พี่ลีออนของเรานั้นเป็นที่พูดถึงมากที่สุด เพราะความเหมือนทั้งทรงผมหน้าตารวมถึงความหื่นจนแฟน ๆ ยกให้ลีออนของ พอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน เป็นลีออนที่ดีที่สุดตลอดกาล แม้แต่ในเกมที่เป็นต้นแบบก็ไม่สามารถเทียบความหล่อได้ แต่ก็มีเสียงส่วนน้อยที่ค้านในเรื่องนี้และบอกว่าน่าจะเอา พีท ทองเจือ นักแสดงชาวไทยมารับบทลีออนที่สุด (รูปประกอบด้านล่าง)
4 ตัวละครหลักในเกมที่เปลี่ยนไป
หลังจากที่ต้องอารมณ์เสียกับความไม่เหมือนของตัวละครทั้งสองแบบมาแล้ว คราวนี้มาดูจุดที่ถูกเปลี่ยนไปแบบที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือการเปลี่ยนตัวละครให้เป็นอีกคน ซึ่งถ้าใครที่ได้เล่นหรือรู้จักเกม ‘Resident Evil’ ภาคแรกจะทราบดีว่าตัวเอก 4 คนที่หนีเข้ามาใน ‘Spencer Mansion’ นั้นไม่ใช่ทั้ง 4 คนมาพร้อมกัน แต่คริสจะเข้ามาเพียงคนเดียว ส่วนจิลจะมาพร้อมกับเวสเกอร์และ แบร์รี่ เบอร์ตัน (Barry Burton) ซึ่งทั้งคู่จะดำเนินเรื้อเรื่องที่แยกทางกัน แต่จากรูปที่เห็นนั้นทั้ง 4 คนมาอยู่ด้วยกันในฉากเดียว ซึ่งตรงนี้พอจะเข้าใจได้เพราะเนื้อหาของเกมกับภาพยนตร์นั้นจะมีการเล่าเรื่องนำเสนอที่ต่างกัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปแบบผิดเพี้ยนเลยก็คือตัวละครที่ถูกเปลี่ยนจากแบรี่ เบอร์ตัน มาเป็น แบรด วิคเกอรส์ (Brad Vickers) ที่ได้ นาธาน เดลส์ (Nathan Dales) มารับบท ซึ่งถ้าใครเคยเล่น ‘Resident Evil 3’ มาก่อนจะทราบดีว่าตัวละครแบรดนั้นคือคนขับเฮลิคอปเตอร์ที่หนีไปในช่วงต้นเกมภาคแรก ก่อนที่เขาจะกลายเป็นซอมบี้หน้าโรงพักใน ‘Resident Evil 2’ และมีบทบาทใน ‘Resident Evil 3’ ในฐานะเหยื่อที่ถูก เนมีซิส (Nemesis) ฆ่าในเกมฉบับเก่า ส่วนฉบับใหม่เขาถูกซอมบี้กัดระหว่างช่วยจิล ซึ่งการเปลี่ยนแปลงตรงนี้อาจจะถูกสานต่อเพื่อให้แบรดเป็นผู้รอดชีวิตอีกคนเพื่อจะให้เขาไปมีบทในภาพยนตร์ภาคที่ 2 ก็ได้ (เป็นเพียงการคาดเดา) เพราะตามบทแล้วตัวละครตำแหน่งนี้คือคนที่ร่วมมือกับเวสเกอร์ เพราะเขาถูกบังคับโดยเอาลูกเมียมาเป็นตัวประกันก่อนจะกลับใจมาช่วยจิลในตอนท้าย ซึ่งถ้าตัวภาพยนตร์อ้างอิงบทตามนี้เราก็คงจะได้เห็นเขาในภาค 2 ของภาพยนตร์แน่นอน
หน้าตาของ Lisa Trevor ที่คล้ายในเกม
อีกหนึ่งภาพที่ถูกเปิดเผยออกมาในคราวนี้คือรูปของตัวละครสำคัญในซีรีส์ ‘Resident Evil’ นั่นคือ ลิซ่า เทรเวอร์ (Lisa Trevor) เด็กสาวผู้น่าสงสารที่ถูกจับมาทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะตัวของเธอนั้นเป็นบุคคลพิเศษที่สามารถต้านทานเชื้อไวรัสได้ ขณะที่คนอื่นเมื่อได้รับเชื้อถ้าไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาดก็จะกลายเป็นซอมบี้ไปเลย แต่ลิซ่านั้นยังคงสติความเป็นมนุษย์รวมถึงเซลในร่างกายของเธอที่ยังคงรูปเอาไว้ได้ต่างกับคนอื่น แถมยังสามารถเปลี่ยนเชื้อนั้นให้เป็นประโยชน์กับตัวเองได้อย่างน่าประหลาด (เธอคือคนที่เชื้อไวรัสจากดอกไม้ที่เป็นต้นตอของไวรัสเลือก เหมือนคนป่าที่กินดอกไม้แล้วไม่ตาย) จนทำให้เธอเป็นตัวทดลองชั้นดีในการเป็นต้นแบบสร้างเชื้อไวรัสใหม่ ๆ รวมถึงการให้กำเนิดเชื้อ ‘G-Virus’ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวในเกมภาคที่ 2 อีกด้วย ซึ่งตัวของลิซ่านั้นจะปรากฏตัวในเกม ‘Resident evil 1 Remake’ (ในต้นฉบับภาคเก่าแค่พูดถึงแต่จะไม่เจอตัวเธอ) ที่มาพร้อมโซ่ตรวนที่จองจำเธอเอาไว้ กับลักษณะที่เหมือนมีหน้ากากหนังมนุษย์สวมไว้ ที่ตัวของลิซ่านั้นชอบจับคนมาถลกหนังและเอามาสวมทับ ซึ่งตรงกับลักษณะในเกมมาก ๆ แค่ในเกมนั้นจะเป็นการแปะทับ ๆ กันหลายหน้าแต่ในภาพยนตร์จะมีหน้าเดียว ซึ่งทีมงานก็เอาลักษณะเด่นมาแบบครบไม่มีขาดตก โดยบทของลิซ่านั้นได้ มาริน่า มาเซปา (Marina Mazepa) มารับบท ซึ่งเธอนั้นมีตัวที่อ่อนมากจนสามารถดัดตัวจนเป็นท่าแปลก ๆ ได้ คงต้องรอดูว่าลิซ่าในคราวนี้จะดูหลอนขนาดไหน
เนื้อเรื่องที่ถูกเปิดเผยเกี่ยวกับลิซ่าและแคลร์ที่เกี่ยวกัน
อีกหนึ่งข้อมูลที่ถูกเปิดเผยออกมาเกี่ยวกับภาพยนตร์ครั้งนี้คือความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ที่คราวนี้ทางผู้กำกับได้บอกว่าเรื่องราวในภาพยนตร์จะเพิ่มเนื้อเรื่องในส่วนของลิซ่าลงไป โดยให้ตัวของลิซ่านั้นรู้จักกับแคลร์และทั้งคู่เติบโตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาด้วยกัน ซึ่งใครที่เป็นแฟนเกม ‘Resident Evil’ จะทราบดีว่าตัวลิซ่านั้นมีอายุมากกว่าแคลร์เยอะมาก แถมช่วงเวลาที่ลิซ่าถูกจับมาทดลองแคลร์ยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ แต่ในภาพยนตร์กลับเอาทั้งสองตัวละครนี้มาใส่เพื่อสร้างมิติให้กับตัวละคร ที่เราไม่ขอฟันธงว่ามันจะดีรึไม่ และสำหรับคนที่ไม่รู้จักลิซ่า เทรเวอร์นั้นเป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาที่มีพ่อเป็นสถาปนิกชื่อ จอร์จ เทรเวอร์ (George Trevor) ผู้ออกแบบ ‘Spencer Mansion’ ที่รู้กลไกทุกอย่างในคฤหาสน์เป็นอย่างดี จนเมื่อตัวคฤหาสน์สร้างเสร็จ ออสเวลล์ อี. สเปนเซอร์ (Oswell E. Spencer) เจ้าของคฤหาสน์ได้เชิญครอบครัวเทรเวอร์มางานเลี้ยง แต่ตัวของจอร์จติดธุระจึงให้ลูกเมียมาที่คฤหาสน์ก่อน จนเมื่อมาถึงทั้งสองแม่ลูกก็ถูกจับมาทดลองทันที ซึ่งคนแม่นั้นกลายเป็นซอมบี้ทันทีตั้งแต่ถูกทดลองครั้งแรกต่างกับลิซ่าอย่างที่เราได้อธิบายไป ขณะที่พ่อของลิซ่าเมื่อมาถึงเขาก็ถูกขังในเขาวงกตของคฤหาสน์ที่เขาไม่ได้เป็นคนออกแบบ จนสุดท้ายจอร์จก็เสียชีวิตเพราะอดน้ำและอาหารตายตรงที่ที่เป็นหลุมศพของเขาที่สเปนเซอร์เตรียมรอเอาไว้ คงต้องรอดูว่าเนื้อที่ถูกเปลี่ยนนั้นจะทำให้แฟน ๆ พอใจรึเปล่า
ตัวภาพยนตร์ได้ข้อมูลจาก Capcom ในการสร้างเหมือนที่ภาพยนตร์ Monster Hunter ทำ
จากข้อมูลบอกกับเราว่าทางทีมงานสร้างภาพยนตร์ได้ติดต่อไปยัง ‘Capcom’ เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับเกม ‘Resident Evil’ ทั้งสองภาค ทั้งเรื่องราวของฉากเนื้อหาโดยรวมไปจนถึงสิ่งที่ต้องมีต้องใส่และสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นในเกมซึ่งต้องมีในภาพยนตร์ จนทางผู้กำกับโยฮันเนสบอกว่าทาง ‘Capcom’ ได้ให้พิมพ์เขียวการออกแบบของ ‘Spencer Mansion’ และสถานีตำรวจ Raccoon ในเกมเพื่อให้ทีมงานสร้างมันขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งการให้ข้อมูลแบบนี้ประมาณนี้ของผู้กำกับภาพยนตร์มันก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับพอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน ที่ก็ออกมาพูดแบบเดียวกันว่าทางเขาได้ไปขอความเห็นการออกแบบมอนสเตอร์รวมถึงสิ่งต่าง ๆ ในเกม ‘Monster Hunter’ ว่าต้องเป็นอย่างไรเพื่อให้สร้างภาพยนตร์ออกมาสมบูรณ์ที่สุด ถึงขนาดมีวิดีโอให้ดูว่าไปถามมาจริง ๆ ซึ่งเมื่อภาพยนตร์ออกฉายเราก็รู้ว่ามันไม่มีอะไรเหมือนในเกมเลยแม้แต่ขนาดของมอนสเตอร์ จนหลายคนไม่อยากหวังในเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่เราเห็นในตอนนี้คือชุดทรงผมตัวละครไปจนถึงเนื้อเรื่องและสิ่งเล็ก ๆ ที่เห็นนั่นคือปืนที่พวกคริสใช้มันคือปืนกลที่ในเกมภาคแรกไม่มี นั่นก็น่าจะบอกได้แล้วว่าตัวสภาพยนตร์ไม่เคารพต้นฉบับอย่างที่ผู้กำกับอ้างอย่างแน่นอน
โครงสร้างภาพยนตร์ได้รับอิทธิพลจากเรื่อง Assault on Precinct 13
ถ้าใครที่ได้อ่านข่าว “สรุปสิ่งที่เรารู้จาก ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ หนังภาคใหม่ที่ย้อนกลับสู่เมืองแรคคูนอีกครั้ง” จากแบไต๋มา จะทราบดีว่าในข่าวนั้นพูดถึงโครงสร้างทั้งหมดของภาพยนตร์ ที่ทางผู้กำกับบอกว่าเขาได้รับอิทธิพลมาจากภาพยนตร์เรื่อง ‘Assault on Precinct 13’ หรือในชื่อไทยว่า “สน.13 รวมหัวสู้” มาเป็นต้นแบบในการสร้างบรรยากาศของภาพยนตร์ ซึ่งใครที่เคยดูเรื่องนี้มาแล้วไม่ว่าจะเป็นฉบับเก่าที่ถูกสร้างเมื่อปี 1976 หรือจะเป็นฉบับเอามาสร้างใหม่ในปี 2005 ที่ไม่ว่าจะเป็นฉบับไหนตัวภาพยนตร์ก็ให้บรรยากาศที่กดดันของการเอาชีวิตรอดของนายตำรวจน้ำดี ที่ต้องปกป้องหัวหน้าแก๊งอาชญากรที่ถูกฝากขังในโรงพักเก่าที่กำลังจะย้ายไปยังที่ใหม่ แต่ติดช่วงคริสต์มาสจึงทำให้มีนายตำรวจอยู่แค่ไม่กี่คนพร้อมกับจิตแพทย์สาวที่รถเสีย และกลุ่มตำรวจดีและโจรต้องปกป้องตัวเองจากกลุ่มตำรวจเลวที่ยกกองทัพมาฆ่าหัวหน้าแก๊งอาชญากรเพื่อปิดปาก ก่อนที่เขาจะแฉการติดสินบนในกรมตำรวจ ใครที่ดูแล้วจะรู้ว่าตัวภาพยนตร์กดดันขนาดไหน ซึ่งถ้าภาพยนตร์ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ ทำแบบในภาพยนตร์นี้ได้จริง ๆ คงจะน่าสนใจมาก ๆ ส่วนใครที่ไม่เคยดูแนะนำเลยบอกเลยว่าของดีเรื่องนี้ แล้วคุณจะเห็นภาพรวมของภาพยนตร์ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ ได้เลยทันทีว่าจะออกมาเป็นแบบไหน
บรรยากาศความหลอนจาก The Exorcist และ The Shining
นอกจากการได้รับอิทธิพลมาจากภาพยนตร์ ‘Assault on Precinct 13’ แล้วผู้กำกับยังอธิบายถึงความหลอนของภาพยนตร์ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ ว่าได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์หลายเรื่องแต่หลัก ๆ ที่ผู้กำกับเลือกมาใช้นั่นคือความหลอนของภาพยนตร์ ‘The Exorcist’ ที่ตัวภาพยนตร์จะเล่าถึงนักบวชที่ต้องปราบผี ซึ่งความกดดันในเรื่องคือวิธีการรับมือกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ที่มันคือสิ่งที่เราไม่สามารถรับมือได้แบบปกติ เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมที่เมื่อเห็นเหล่าซอมบี้เดินมาเราก็แทบอยากจะวิ่งหนี ซึ่งทางทีมสร้างภาพยนตร์ก็ต้องการให้เรารู้สึกแบบนั้น กับอีกหนึ่งเรื่องที่ถูกเอามาเป็นแรงบันดาลใจก็คือภาพยนตร์ ‘The Shining’ ที่เรื่องนี้จะไปเน้นที่บรรยากาศกดดันเงียบเหงาแต่เต็มไปด้วยอันตรายทุกย่างก้าวแบบที่ตัวภาพยนตร์ทำกับเรา ที่ถ้าใครเคยดูทั้งสองเรื่องนี้จะทราบดีว่าตัวภาพยนตร์นั้นชวนหลอนชวนหลอนขนาดไหน ซึ่งถ้าผู้กำกับ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ สามารถทำได้แบบที่พูดจริง ๆ เราก็คงจะได้เห็นความสนุกปนความหลอนแบบที่ตัวเกมทำกับผู้เล่นมาแล้วอย่างแน่นอน และเราก็หวังว่าเขาจะทำได้จริง ๆ อย่าให้ซ้ำรอยภาพยนตร์จากเกมเรื่องอื่น ๆ ที่ก็บอกแบบนี้แต่พอทำจริงกลับตรงข้ามหมด
ผู้กำกับอธิบายถึงภาพยนตร์ตัวเองว่าไม่ใช่แค่คนแต่งคอสเพลย์เท่านั้น
อีกหนึ่งเนื้อหาในข่าวที่ทางผู้กำกับโยฮันเนสบอกกับทาง ‘IGN’ ว่า คราวนี้ตัวภาพยนตร์จะบอกเล่าเรื่องราวด้วยตัวละครในเกม ‘Resident Evil’ ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ตัวละครแต่งคอสเพลย์ที่มีทรงผมและเครื่องแต่งกายเหมือนในเกมเท่านั้น ผู้กำกับยังอธิบายถึงการเลือกนักแสดงที่จะมารับบทลีออนนั้นค่อนข้างยาก เพราะตัวละครตัวนี้ค่อนข้างซับซ้อนทั้งความสมดุลของอารมณ์ขันและความเหนื่อยล้า ซึ่งเหมาะกับอวานมาก ๆ ผู้กำกับโยฮันเนสบอกมาแบบนั้น ซึ่งจากเท่าที่ดูในภาพที่ถูกปล่อยออกมาก็ทำเอาหลายคนออกมาบ่นทั้งความไม่เหมือนและไม่ใช่ ซึ่งก็ไม่ต่างกับที่ พอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน ทำกับซีรีสืนี้จนเละไม่มีชิ้นดี แต่ตอนนี้ยังตัดสินอะไรไม่ได้คงต้องรอดูตัวอย่างในอนาคตที่ถูกปล่อยออกมาว่าจะเป็นอย่างไร
ผลงานผู้กำกับ Johannes Roberts
ก่อนจะไปตัดสินว่าภาพยนตร์ของผู้กำกับโยฮันเนสดีหรือแย่ เรามาดูผลงานของเขาก่อนหน้านี้กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง โดยเราจะขอยกผลงานที่บ้านเราได้ฉายและมีคนรู้จักกัน เริ่มจากผลงานแรกที่เขาเป็นผู้กำกับเต็มตัวอย่างภาพยนตร์ชีวิตเรื่อง ‘Alice’ ในปี 2002 ที่เป็นแนวชีวิตของเด็กสาวที่เน้นเนื้อเรื่อง หลังจากนั้นก็ผู้กำกับโยฮันเนสก็เริ่มมาจับภาพยนตร์แนวสยองขวัญและแนวตื่นเต้นชวนอึดอัดจนคนดูหายใจไม่ทั่วท้อง อย่าง ‘The Other Side of the Door’ และหนังที่หลายคนน่าจะเคยดูกันอย่าง ‘47 Meters Down’ ที่เกี่ยวกับสองคนพี่น้องที่ไปดูฉลามในกรงก่อนที่โซจะขาดจนทั้งคู่ต้องเอาชีวิตรอดกับฝูงฉลาม กับภาคต่ออย่าง ‘47 Meters Down Uncaged’ ที่เปลี่ยนจากอยู่ในกรงมาอยู่ในถ้ำใต้น้ำที่ทั้งสองเรื่องนั้นก็ทำบรรยากาศออกมาได้ดีเนื้อเรื่องสนุกตื่นเต้นน่าสนใจ ซึ่งใครที่เคยดูทั้งสามเรื่องนี้มาคงจะพออุ่นใจในเรื่องความหลอนกดดันในภาพยนตร์ได้ ส่วนใครที่ไม่เคยดูแนะนำเลยว่าสนุกมาก ๆ
สรุปเนื้อหาว่าภาพยนตร์จะเป็นอย่างไร
มาถึงตรงนี้เรามาคาดเดากันดีกว่าว่าภาพยนตร์ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ จะไปในทิศทางไหน เริ่มจากเนื้อเรื่องที่ยังคงจะยึดโครงเรื่องหลักจากเกม ‘Resident Evil’ ทั้งสองภาคมาเป็นพื้นฐาน แต่เปลี่ยนเนื้อหาหลาย ๆ ส่วนเพื่อให้เหมาะสมกับภาพยนตร์ซึ่งแน่นอนว่าตัวเกมและภาพยนตร์คงจะไม่เหมือนในเกมทุกอย่าง และคงมีการเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่ ๆ ลงไป ซึ่งต้องรอดูว่าเนื้อหาที่ถูกเปลี่ยนนั้นจะถูกใจแฟน ๆ ไหม เพราะจากประสบการณ์ของคนที่ชมภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมมาจะทราบดีว่า ส่วนมากตัวภาพยนตร์จะชอบบิดเบือนเนื้อหาให้ต่างกับตัวเกมมากเกินพอดี จนบางทีก็แอบคิดไปว่าคนที่เขียนบทหรือผู้กำกับรู้จักเกมนั้น ๆ จริงไหม หรือว่าแค่ต้องกับภาพยนตร์จากเกมนี้เลยไปหาเกมมานั่งเล่นเพื่อให้รู้ว่าต้องมีอะไรไม่มีอะไร เหมือนภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรที่ค่ายหนังมักจะทำออกมาได้ไม่มีดีเท่ากับตัวค่ายการ์ตูนมาทำเอง ซึ่งตอนนี้เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าภาพยนตร์ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ จะออกมาได้ดีหรือแย่จนกว่าจะได้ชมตัวเต็ม เอาไว้ถึงตอนนั้นเราคงได้มีเรื่องพูดถึงอีกแน่นอน
ก็จบกันไปแล้วกับ 12 หัวข้อรวมความแตกต่างที่ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ ไม่เหมือนกับเกม ‘Resident Evil’ หวังว่าผู้อ่านจะได้รับข้อมูลมากพอ เพราะจากข้อมูลที่ได้มานั้นแม้จะไม่มากพอที่จะสรุปได้ว่าภาพยนตร์จะไปในทิศทางไหน แต่มันก็มากพอที่จะให้เราเดาแนวทางของภาพยนตร์ว่าจะต้องมีหรือขาดอะไรในภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการสร้างภาพยนตร์จากเกม และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้กำกับออกมานั่งยันยืนยันนอนยันกับเราว่าเขาจะเคารพต้นฉบับในเกม แต่เมื่อตัวภาพยนตร์ถูกสร้างออกมาก็ทำให้แฟน ๆ คนเล่นเกมผิดหวังจนไม่อยากหวัง แต่ลึก ๆ แล้วแฟน ๆ ทุกคนก็หวังว่าจะมีภาพยนตร์ที่เคารพต้นฉบับเกมและทำออกมาได้ดีจริง ๆ ตามที่บอก ซึ่งเราก็หวังว่าจะเป็นเรื่องนี้ที่ทำได้แบบที่พูดมาจริง ๆ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส