ภาค 3 ของจริงจาก ดอนนี่ เยน และ วิลสัน ยิป ผู้กำกับเดิมจากภาค 1 และ 2 หลังจากเมื่อปี 2010 มีหนังภาคก่อนหน้า Ip Man:The Legend Is Born ที่มี หง จินเป่าก็โดนค่ายหนังในไทยและหลายประเทศเอาไปแปะชื่อว่าเป็น Ip Man 3 ขายซะงั้น แต่หลังจากห่างหายจากภาค 2 ไปถึง 5 ปี ก็มีภาค 3 ยิปมัน ของ ดอนนี่ เยน ตัวจริงออกมา และ เจ้าตัวประกาศว่าเขาจะขอเป็น ยิปมัน หนสุดท้ายแล้ว
ภาคนี้ ยิปมัน ต้องเจอกับทั้งปัญหาครอบครัวและยังมีศัตรูร้าย ๆ อีกถึง 2 ตัว คือแก๊งต่างชาติที่มี ไมค์ ไทสัน เป็นหัวหน้าแก๊งส่งเหล่าอันธพาลมารังควาญโรงเรียนของลูกชายเพราะต้องการที่ดินตรงนั้น และ จง ทินชิ ยอดฝีมือมวยหย่งชุน ที่มีอาจารย์ของอาจารย์เดียวกันกับ ยิปมัน และอ้างว่าตัวเองคือผู้สืบทอดมวยหย่งชุนที่แท้จริง จง ทินชิ ท้าประลองกับอาจารย์มวยทั้งฮ่องกง สุดท้ายคือยิปมัน ที่จงต้องการประลองด้วยเพื่อพิสูจนส์ว่าเขาคือปรมาจารย์มวยหย่งชุนตัวจริง ด้านเนื้อหาน่าจะห่างไกลจากเรื่องจริงมาก ในชีวิตจริงภรรยายิปมัน ป่วยเป็นมะเร็งในปี 1960 ซึ่งขณะนั้น ยิปมัน ก็อายุ 67 ปีแล้ว แต่ภาพลักษณ์ในเรื่องน่าจะอยู่ในช่วงอายุ 52 ปี ตามอายุจริงของ ดอนนี่ เยน แต่ยังดูหนุ่มอยู่มาก ภาคนี้ รู้สึกดอนนี่ เยน ผอมเพรียวลงเยอะมาก พอมาเดินคู่กับนางเอก หลิน ฮัง แล้วดูเตี้ยกว่าเยอะมาก ดอนนี่ เยน สูง 173 ซม. หลิน ฮัง 178 ซม. บวกส้นสูงเข้าไปอีก ห่างกันเป็นคืบเลย
ชอบดอนนี่ เยน ในบทบาทของยิปมัน สุดแล้ว กับมาดเงียบ ถ่อมตน ไม่โอ้อวด ไม่พูดมาก แต่พอประลองก็เอาจริงทุกครั้ง ชนะก็ไม่ผยองซ้ำเติมคู่ต่อสู้ แล้วภาคนี้ก็ดูนิ่ง สุขุมมากขึ้น น่าจะด้วยวัยที่มากขึ้นตามเส้นเรื่อง บทภาพยนตร์ใส่สถานการณ์อัดแน่น เปิดช่องให้ใส่ฉากแอ็คชั่นได้ทุก ๆ 10 นาที มีทั้งฉากหมู่ ยิป มัน กับแก๊งอันธพาลนับร้อย เป็นฉากแอ็คชั่นลากยาวและสมจริงสมศักดิ์ศรีชื่อ หยวน วูปิง ผู้กำกับฉากแอ็คชั่นมือ 1 ของโลก ที่มาร่วมงานหนัง Ip Man เป็นครั้งแรกในภาคนี้ เมื่อหนังมาถึงภาค 3 แล้วจึงต้องหาความแปลกใหม่ใส่เข้าไปไม่ให้จำเจ เราก็เลยได้เห็นมวยหย่งชุน สู้กับ มวยหลากหลายสไตล์ มวยสากลของไมค์ ไทสัน ที่แม้ไม่ไวเท่าหย่งชุน แต่ก็หนักหน่วงรุนแรง ต่อยโดนทีกระเด็นลอยไปไกล เราได้เห็น ไมค์ โผล่มารับเชิญในหนังหลายเรื่อง แต่นี่เรื่องแรกของไมค์ ที่เขาได้โชว์ฉากต่อสู้ในหนังให้เห็น และรุนแรงจริงจนเมียดอนนี่ เยน ห่วงเขามากเมื่อรู้ว่าต้องเข้าฉากต่อสู้กับ ไมค์ ไทสัน แต่พอเอาเข้าจริงกลับเป็นไมค์ ที่ผิดคิวแล้วพลาดทำนิ้วชี้ตัวเองหัก มวยไทย ของ สุชาติ ขันวิไล สตันท์แมนของจา พนม ที่ได้มีบทบาทของตัวเองครั้งแรก ฉากของสุชาติ ก็ผ่านการออกแบบฉากต่อสู้ที่เท่มาก สู้ในลิฟต์แคบ ๆ แล้วมาต่อกันตามขั้นบันไดกับภาพมุม bird eye ที่ได้อารมณ์ดิบ และรุนแรง จนถึงฉากไคลแมกซ์กับ จง ทินชิ ที่หนังปูอารมณ์มาได้ดี เพราะตลอดเรื่อง จง ได้โชว์ให้เห็นว่าเขาเป็นหย่งชุนที่มาทางสายโหด เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวสำหรับ ยิปมัน ได้ดูการประลองที่ใช้อาวุธหลากหลาย พลอง และดาบสั้น ที่ดูรุนแรงและหวาดเสียว แต่ภาคนี้ยิปมันไม่ค่อยโชว์หมัดรัวเท่าไหร่นะ
เป็นภาคที่เอาใจตลาดเป็นหลักเลย ทุนสร้างโดดกว่าภาค 1 ภาค 2 ไป 3 เท่าตัวเลย ภาค 1 กับ 2 ใช้ไป 11 ล้าน ภาคนี้สูงถึง 36 ล้านเหรียญ ที่แพงเพราะน่าจะเป็นค่าตัวของ ไมค์ ไทสัน กับ หยวน วูปิง ด้วยล่ะมั้ง หนังฉายในฮ่องกง และ แถบเอเซียแล้ว ได้มา 15 ล้าน รอเปิดตัวในจีน มีนาคม นี้ มีสิทธิ์ทะลุ 100 ล้านเหรียญ เดี๋ยวนี้ นาน ๆ ได้ดูหนังกังฟูฮ่องกงบนจอใหญ่แบบนี้ที เป็นหนังที่มองเห็นถึงความตั้งใจของผู้สร้างครับ อยากมันส์ก็ได้มันส์ พันธมิตรพากย์ได้ฮาพอดีไม่ล้นเกินไม่ออกนอกเรื่อง คุ้มเวลาและค่าตั๋วครับ