เตรียมป๊อปคอร์นถังใหญ่ กับน้ำแก้วโต ๆ ก่อนเข้าไปดู No Time to Die กันเลยครับ เพราะว่าหนังเจมส์ บอนด์ ตอนที่ 25 เรื่องนี้จะมีเวลาฉายยาวกว่าทุกภาคที่เคยมีมา ด้วยเวลาฉายที่ยาวถึง 2 ชั่วโมง 43 นาที หรือนับเป็นนาทีก็ 163 นาที ด้วยความยาวขนาดนี้ทำให้ล้มสถิติเดิมของภาค Spectre ที่ความยาว 148 นาทีไปได้
บางทีด้วยความยาวของหนังในระดับนี้ก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่หนังเลื่อนฉายจากกำหนดเดิมมาไกลขนาดนี้ จากกำหนดฉายแรกเลยคือ พฤศจิกายน 2019 แต่ก็สะดุดด้วยปัญหาแรกคือการบอกลาของ แดนนี่ บอยล์ (Danny Boyle) จากตำแหน่งผู้กำกับเดิม พอเลื่อนมาก็มาเจออุปสรรคสำคัญนั่นก็คือการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ No Time to Die ต้องเลื่อนข้ามปี 2020 มาลงปี 2021 แทน แล้วกำหนดฉายล่าสุดที่ MGM ออกมายืนยันว่าจะฉายในอังกฤษคือ 30 กันยายน และ ในสหรัฐฯ เป็น 8 ตุลาคม จะไม่เลื่อนไปจากนี้อีกแล้ว
No Time to Die กำกับโดย แครี่ ฟูกุนากะ (Cary Fukunaga) จากบทภาพยนตร์ของ นีล เพอร์วิส, โรเบิร์ต เวด และ ฟีบี วอลเลอร์-บริดจ์ ในภาคนี้เรายังจะได้พบกับตัวละครใหม่คือ สายลับสาวคนใหม่ ที่รับบทโดย ลาชานา ลินช์ ที่จะมารับช่วงต่อรหัส 007 เหตุจากที่เจมส์ บอนด์ ขอเกษียณตัวเอง และ เรมี มาเล็ก นักแสดงดีกรีออสการ์ มารับบทวายร้ายตัวสำคัญประจำภาคนี้ ซึ่งมาเล็กได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ ถึงความรู้สึกต่อหนัง No Time to Die ไว้ว่า
“ปล่อยให้ข่าวลือต่าง ๆ นานาที่มีต่อตัวหนังมันลอยไป เพราะว่าต่อให้คุณจะคาดหวังอะไรก็ตามจากหนังเรื่องนี้ คุณจะต้องช็อกตอนที่คุณได้ดูเองจริง ๆ ผมจะไม่ขอเอาน้ำมันไปราดกองไฟเพิ่มหรอกนะ ต่อให้ข่าวลือมันยั่วยวนเพียงใด ผมจะไม่หลงกลไปร่วมวงด้วยหรอก แต่ผมก็คิดว่ามันน่าสนใจอยู่หรอกนะ พวกเขาต้องรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็แล้วกัน”
No Time to Die ในชื่อไทย ‘พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ’ วางกำหนดฉายในไทย 21 ตุลาคม นี้ครับ