เมื่อพูดถึงเรื่องราวของซอมบี้แล้วเรียกว่ามีอะไรให้พูดถึงได้ไม่รู้จักหมดเสียที เพราะตั้งแต่ที่ภาพยนตร์ซอมบี้เรื่องแรกถือกำเนิดขึ้นมา เราก็ได้เห็นเรื่องราวของซอมบี้ตามสื่อต่าง ๆ มากมาย ซึ่งความพิเศษของภาพยนตร์ซอมบี้นั้นก็คือ การใส่อะไรก็ได้ลงไปในนั้น ไม่ว่าจะเป็นแนวตลกขบขัน แนวรัก แนวเอาชีวิตรอด แนวสืบสวน ไปจนถึงแนวสงคราม เรียกว่าอยากได้อยากใส่อะไรลงไปในหนังซอมบี้ก็ทำได้หมด และเมื่อเราหันกลับมาดูเรื่องราวซอมบี้ในวิดีโอเกม เราก็จะได้เห็นซอมบี้ที่มีรูปแบบคล้ายกับภาพยนตร์อยู่หลายเรื่อง มาวันนี้เราเลยหยิบภาพยนตร์กับซีรีส์ซอมบี้ที่มีเนื้อหาคล้ายกับเกมต่าง ๆ มานำเสนอ เพื่อว่าใครที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับซอมบี้จะได้ไปหาเกมภาพยนตร์หรือซีรีส์ซอมบี้เหล่านั้นมาดูมาเล่นกัน จะมีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย
ภาพยนตร์ Overlord เกม Call of Duty WW2 Zombies
เริ่มต้นคู่แรกกับซอมบี้นาซีที่คนเล่นเกมในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คนเล่นเกมคงจะคุ้นเคยกับเกมที่มีกลิ่นอายซอมบี้นาซีเป็นอย่างดีกับเกมซีรีส์ ‘Call of Duty Zombie’ ที่ในทุกภาคของซีรีส์นี้จะขาดไปไม่ได้เลยกับโหมดเนื้อเรื่องซอมบี้ในเกมนี้ ส่วนในภาพยนตร์นั้นก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับซอมบี้นาซีอยู่หลายเรื่อง แต่เรื่องที่ดูจะเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจและดูจะอิงความสมจริงมากที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่อง ‘Overlord’ ที่เล่าเรื่องราวของการทดลองซอมบี้ได้อย่างน่าติดตาม
เรื่องราวของ ‘Overlord’ จะเริ่มต้นขึ้นในวัน ‘D-Day’ วันที่ 6 มิถุนายน 1944 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการยุติสงครามตามประวัติศาสตร์จริง นายทหารหน่วยหน่วยบูรณาการ (หน่วยทหารที่รวมกำลังพลแบบไม่เจาะจง) ถูกส่งไปทำลายวิทยุของฝั่งเยอรมันที่หอคอยโบสถ์เก่าแก่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่ไม่ทันที่หน่วยนี้จะลงถึงพื้นก็ถูกระดมยิงจนทหารตายเกือบหมด เหลือนายทหารรอดชีวิตเพียงไม่กี่นายที่ยังทำภารกิจต่อ ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเจอในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้จะเรียกว่านรกบนดินที่พวกนาซีสร้างขึ้นมาก็ได้ ใครที่ชอบภาพยนตร์แนวสงครามซอมบี้ที่สมจริงต้องดู ส่วนคนที่ชอบซอมบี้นาซีแบบแฟนตาซีเน้นความโหดดิบก็ต้องดูเรื่อง ‘Dead Snow’ ที่เกี่ยวกับกลุ่มวัยรุ่นที่ไปปลุกผีนาซีออกมา จนกลายเป็นการหนีตายที่ดูโหดเน้นเลือดสาด ใครชอบแนวไหนก็ไปหามาดูได้
ในส่วนของเกมกันบ้างกับซีรีส์ ‘Call of Duty’ โดยจุดเริ่มต้นของโหมดการเล่นซอมบี้นั้นเดิมทีเป็นเพียงโหมดการเล่นธรรมดา ที่ทีมพัฒนาเอาไว้ให้เราเล่นแก้เบื่อ กับการเอาชีวิตรอดในตึกที่จะมีเหล่าซอมบี้ดาหน้าเข้ามาผ่านทางหน้าต่างประตู สิ่งที่เราต้องทำคือการเอาชีวิตรอดและปิดประตูหน้าต่างเพื่อถ่วงเวลาซอมบี้จะเข้ามา ในเกม ‘Call of Duty World at War’ ชื่อโหมดว่า ‘Nazi Zombies’ ซึ่งได้รับความนิยมจากแฟน ๆ เป็นอย่างมาก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซีรีส์ ‘Call of Duty’ ต้องพ่วงโหมดนี้มาด้วย ภาคไหนไม่มีหรือมาช้าก็จะถูกแฟน ๆ ทวงกันเลยทีเดียว ซึ่งในเกมก็จะให้อารมณ์คล้าย ๆ กับภาพยนตร์ ‘Overlord’ ที่เกี่ยวกับการทดลองเกี่ยวกับซอมบี้ของฝั่งนาซี แค่ในภาพยนตร์จะไม่เน้นที่ซอมบี้แต่จะไปทางเอาชีวิตรอดกับสงคราม ต่างกับในเกมที่เน้นยิงซึ่งทั้งสองเรื่องราวนั้นต่างมีความสนุกไม่เหมือนกัน แต่อารมณ์ร่วมเหมือนกันมาก ๆ ใครชอบอันไหนก็ไปหามาดูมาเล่นกันได้
ภาพยนตร์ Zombieland เกม Back 4 Blood
มาต่อกันที่เรื่องราวการลุยซอมบี้แบบควงปืนฝ่าดงซอมบี้แบบ 4 คนในเกม ‘Back 4 Blood’ หรือที่ใคร ๆ เรียกว่า ‘Left 4 Dead 3’ เกมยิงออนไลน์ชื่อดังที่หลายคนชื่นชอบ กับเรื่องราวของภาพยนตร์ที่ทีมพัฒนากับนักแสดงสัญญากันว่า จะมีภาคต่อทุก ๆ 10 ปีกับ ‘Zombieland’ ภาพยนตร์แนวตลกโหดเสียดสีสังคมที่หลายคนชื่นชอบ ซึ่งทั้งสองเรื่องราวนี้มีหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกันจนเราต้องหยิบมาจับคู่และพูดถึง
ซึ่งเรื่องราวของ ‘Zombieland’ จะบอกเล่าเกี่ยวกับชายหนุ่มที่เป็นโรคกลัวการเข้าสังคม ที่จู่ ๆ ก็เกิดเหตุซอมบี้จนทำให้เขาตั้งกฎออกมาเพื่อเอาชีวิตรอดในโลกของซอมบี้ และโชคชะตาก็ทำให้ไปเจอกับชายวัยกลางคนที่สนุกกับการใช้ชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ กับการตามหาขนมที่ตนเองเคยกินสมัยเด็ก พร้อมด้วยสองสาวพี่น้องที่กำลังเดินทางไปยังสวนสนุกด้วยเหตุผลบางอย่าง ตัวภาพยนตร์ออกมาแล้ว 2 ภาคที่บอกเล่าเรื่องราว 10 ปีหลังเหตุการณ์ในภาคแรกกับชีวิตวัยรุ่นและปมที่ติดค้าง ตัวเรื่องออกแนวจิกกัดสังคมไปพร้อมกับความเฮฮาและมีฉากลุยแหลกในดงซอมบี้แบบสี่คนเหมือนในเกม ‘Back 4 Blood’ อีกด้วย
ในส่วนของเกม ‘Back 4 Blood’ เชื่อว่าหลายคนที่รู้จักซีรีส์ ‘Left 4 Dead’ ก็คงจะรู้จักแนวทางการเล่นของเกมนี้เป็นอย่างดี เพราะเราจะได้รับบทเป็นผู้รอดชีวิต 4 คนที่ต่างอาชีพเพศสีผิว เพื่อเอาชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ในฉากต่าง ๆ โดยเกมนี้เราจะต้องเล่นพร้อมกับผู้เล่นคนอื่น ที่เน้นความร่วมมือและช่วยกัน ใครลุยเดี่ยวรับรองว่าไม่มีทางรอด ส่วนใครที่อยากเล่นเกมนี้ก็มีทั้งแบบเกมใหม่ภาคอย่าง ‘Back 4 Blood’ ที่เป็นภาคล่าสุดในซีรีส์ที่ลงทั้งบน ‘PC’ และ ‘PlayStation 4’ ที่ให้อารมณ์การเล่นกราฟิกที่สวยงามกว่า ‘Left 4 Dead 2’ ที่มีเฉพาะ ‘PC’ แถมเป็นเกมเก่าแต่ตอนนี้ก็ยังมีคนเล่นอยู่เรื่อย ๆ ใครชอบแบบไหนก็ไปหามาเล่นกันได้ แล้วคุณจะรู้ว่าการไปกับเพื่อน ๆ 4 คนมันสนุกตื่นเต้นกว่าลุยฝูงซอมบี้คนเดียวเยอะขนาดไหน
ภาพยนตร์ .REC เกม Resident Evil 7 Teaser Beginning Hour
เมื่อพูดถึงเรื่องราวการถ่ายวิดีโอไปพร้อมกับดำเนินเนื้อเรื่อง ในโลกของภาพยนตร์นั้นก็ถูกทำออกมาหลายแบบ ทั้งแนวสยองขวัญ แนวรัก แนวหนีตาย แนวผีหลอกวิญญาณหลอนอย่างร่างทรงที่เราเพิ่งได้ดู ไปจนถึงแนวซอมบี้ที่ก็ไม่พลาดที่จะมีแบบนี้กับเขาด้วย แต่เรื่องราวในภาพยนตร์กับเกมที่ใช้การดำเนินเรื่องแบบการถ่ายทำรายการทีวีนั้น กลับมีน้อยมาก ๆ มีเพียงเกม ‘Resident Evil 7 Teaser Beginning Hour’ ที่ใช้การเล่าเรื่องแบบการถ่ายรายการทีวีล่าท้าผี ส่วนในภาพยนตร์ที่ใช้การถ่ายรายการทีวีที่น่าสนใจก็คงจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง ‘.REC’ ที่มีรูปแบบการเล่าเรื่องผ่านกล้องวิดีโอเหมือนกัน แถมยังมีความหลอนเหมือนกันด้วย
ซึ่งเรื่องราวของ ‘.REC’ หรือในชื่อไทยคือ “ปิดตึกสยอง” จะบอกเล่าเรื่องราวของรายการทีวีที่จะมีตากล้องและพิธีกรสาวสวย ที่มาตามชีวิตของหน่วยกู้ภัยว่าหนึ่งคืนเขาทำอะไรกันบ้างผ่านกล้องวิดีโอ จนมีการแจ้งพบหญิงแก่บาดเจ็บในตึกหน่วยกู้ภัยที่รับแจ้งจึงไปช่วย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความหลอนเมื่อทุกคนเข้าไปแล้วไม่สามารถออกมาได้ เพราะถูกหน่วยทหารปิดกันเอาไว้ ขณะที่หลักฐานทั้งหมดอยู่ในกล้องรายการทีวี ตัวหนังแม้จะบอกว่าเป็นกล้องรายการทีวีแต่ก็ไม่ส่ายจนเวียนหัว แถมยังดูสนุกลุ้นมาก ๆ แม้ในตอนแรกอาจจะอืด ๆ ไปบ้าง แต่เมื่อซอมบี้ออกมาความสนุกของจริงก็เริ่มขึ้น ตัวภาพยนตร์มีทั้งหมด 4 ภาค กับฉบับที่ถูกเอามาทำใหม่ในชื่อ ‘Quarantine’ แต่ถ้าให้ดีไปดูต้นฉบับสนุกสุด
มาที่เรื่องราวของเกมกันบ้าง ถ้าพูดถึงรายการทีวีที่อยู่ในเกมอย่างที่เราได้อธิบายไปในตอนต้น เกม ‘Resident Evil 7 Teaser Beginning Hour’ ก็ใกล้เคียงกับภาพยนตร์เรื่อง ‘.REC’ ที่สุด แต่จะต่างกันตรงที่ในเกมนี้จะเป็นเพียง Demo สั้น ๆ ที่เราจะต้องมาถ่ายทำรายการล่าท้าผีพร้อมพิธีกรตากล้องและผู้กำกับสามคน ก่อนที่คนอื่น ๆ จะหายไปเหลือแค่ตากล้องหรือเราคนเดียวที่ต้องเจอความหลอน ชนิดที่เรียกว่าคนกลัวผีห้ามเล่นเลยทีเดียว ส่วนใครที่สนใจก็ไปโหลดมาเล่นฟรี ๆ กันได้บน ‘Steam’ กับ ‘PlayStation 4’ หรือถ้าเล่นในแบบ ‘VR’ ก็จะได้เล่นอีกแบบที่เป็นเนื้อเรื่องช่วงที่สองคนนี้หายไป ตัวเกมก็จะเป็นการแก้ปริศนากับการหนีตาย บอกเลยว่าทั้งเกมและภาพยนตร์หลอนพอ ๆ กัน
ซีรีส์ Z Nation เกม The Last of Us
คราวนี้มาดูเรื่องราวของซีรีส์ซอมบี้กันบ้าง ซึ่งถ้าพูดถึงซีรีส์ซอมบี้เรามักจะคิดถึงเรื่องราวของซีรีส์ ‘The Walking Dead’ ที่กำลังจะจบลงใน Season 11 นี้แล้ว แต่นอกเหนือจากซีรีส์นี้ ก็ยังมีซีรีส์ซอมบี้ที่สนุกให้อารมณ์เดินทางไปเรื่อย ๆ พบเจอผู้คนเรื่องราวแปลก ๆ อย่างซีรีส์ ‘Z Nation’ ที่เนื้อหาของซีรีส์นี้ก็คือการพาตัวนักโทษ ที่บังเอิญตัวเขาคือหนึ่งในผู้ทดลองที่มียาต้านเชื้อซอมบี้ การเดินทางเพื่อคุ้มกันเขาให้ไปทำยาแก้จึงเริ่มขึ้น ซึ่งเหมือนกับเรื่องราวในเกมอย่าง ‘The Last of Us’ ภาคแรก ที่เราต้องเดินทางพาเด็กน้อยที่ตัวเองมีภูมิคุ้มกันเชื้อซอมบี้ไปส่งเพื่อทำยาต้านเหมือนกัน เราจึงหยิบยกทั้งสองเรื่องนี้มาพูดถึง
เริ่มจากซีรีส์ ‘Z Nation’ ที่เปิดเรื่องมาในคุกที่ทางหมอกำลังทดลองกับนักโทษ เพื่อหายาต้านซอมบี้ และหนึ่งในคนที่รับยาก็มีคนหนึ่งที่มีภูมิคุ้มกันและรับยาต้านเชื้อได้ กลุ่มผู้รอดชีวิตจึงต้องรวมมือกันพานายนักโทษคนนี้ไปส่งเพื่อสกัดเป็นยาต้านเชื้อโรคซอมบี้ โดยเนื้อเรื่องจะเป็นการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ระหว่างทางไปส่งนักโทษที่จะมีเพื่อนร่วมทีมที่แต่ละคนก็เคยมีอดีตที่จะค่อย ๆ เปิดเผย อย่างอดีตนายทหารหญิงผิวสีที่เป็นหัวหน้า เด็กหนุ่มที่นับจำนวนซอมบี้ที่ฆ่าเอามาตั้งเป็นชื่อตัวเอง คุณลุงนักปรุงยาและอีกหลายคน ตัวซีรีส์มีมาแล้ว 6 Season โดยเนื้อเรื่องจะแตกต่างและเล่นประเด็นที่ไม่ซ้ำภาพยนตร์ซอมบี้เรื่องอื่น แค่ตัวละครจะไม่ค่อยน่าจดจำเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นแต่โดยรวมดูสนุก ใครสนใจก็สามารถหาชมได้ใน ‘Netflix’ รับรองว่าต้องชอบ
ในส่วนของวิดีโอเกมคงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากกับเกม ‘The Last of Us’ ภาคแรก ซึ่งสำหรับคนที่ไม่เคยเล่น เกมนี้จะให้เรารับบทเป็นชายแก่ที่อดีตเคยสูญเสียลูกสาวจากการแพร่เชื้อซอมบี้ ที่ต้องเดินทางข้ามประเทศกับสาวน้อยที่บังเอิญถูกซอมบี้หัวเห็ดกัดแต่เธอกลับไม่ติดเชื้อ จึงจ้างชายแก่ให้พาเด็กสาวไปส่งเพื่อไปหาทางสกัดเป็นยารักษาเพื่อช่วยโลกใบนี้เอาไว้ โดยตัวเกมจะคล้าย ๆ กับซีรีส์ ‘Z Nation’ ที่เมื่อทั้งคู่ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ก็จะเจอผู้คนที่มีทั้งดีและร้ายคอยขัดขวาง บางที่ก็ให้การช่วยเหลือจนทั้งสองคนสามารถฝ่าฟันอันตรายจนไปถึงเป้าหมายผ่านการเล่นของเรา แต่ตัวเกม ‘The Last of Us’ จะต่างกันตรงที่เราจะมีกระสุนและอุปกรณ์จำกัด เราจึงต้องแอบซ่อนหนีได้ก็ควรทำเพื่อประหยัดกระสุน แถมซอมบี้ในเกมนี้ก็เป็นซอมบี้เห็ดที่โหดกว่าซอมบี้ในซีรีส์ ‘Z Nation’ แต่ทั้งสองเรื่องนี้ก็มีโครงเรื่องเดียวกัน ใครที่ยังไม่เคยเล่นควรไปหามาเล่นกันบอกเลยว่าของดี
ซีรีส์ Black Summer เกม State of Decay
ยังคงอยู่กับซีรีส์ซอมบี้ที่น่าสนใจอย่าง ‘Black Summer’ ที่เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่เพิ่งจะมี Season 2 ไปบน ‘Netflix’ กับเรื่องราวการเอาชีวิตรอดของผู้คนต่าง ๆ ที่เริ่มต้นจากวันธรรมดากลายเป็นวันโลกแตก ที่จู่ ๆ ผู้คนก็กลายเป็นซอมบี้วิ่งมากินเรา โดยตัวละครที่ซีรีส์นี้เราจะไม่มีตัวเอกตายตัว แต่จะบอกเล่าผ่านเรื่องราวของตัวละครหลาย ๆ คนที่อยู่สถานที่เดียวกัน แต่จะผลัดกันเล่าผ่านการตัดสลับฉากไปมาก่อนหลัง ที่ถ้าไม่ตั้งใจดูอาจจะงง และตัวละครทุกคนที่เราดูมาตลอดทั้งตอนเขาอาจจะตายหรือมีชีวิตอยู่ในตอนต่อไปก็ได้ ซึ่งบางคนอาจจะมีชีวิตถึงสามตอนก่อนจะตายก็มี เรียกว่าเดาไม่ได้เลย เหมือนกับเกมในซีรีส์ ‘State of Decay’ ทั้งสองภาคที่เรื่องราวจะเล่าแบบไม่ตายตัวและไม่มีตัวเอกเหมือนเกมอื่น ๆ แต่เราจะได้เล่นเป็นคนธรรมดาที่เอาชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้เหมือนกันกับซีรีส์ เพราะทุกคนในเกมนี้ก็ตายแล้วตายเลยไม่มีพื้นต่างกับเกมอื่น
ซึ่งเรื่องราวใน ‘Black Summer’ จะเปิดเรื่องมาแบบง่าย ๆ งง ๆ กับตัวละครต่าง ๆ ในเมืองหนึ่งที่จู่ ๆ ก็เกิดเหตุซอมบี้ไล่กินคน ตัวซีรีส์จะตัดไปมาที่ตัวละครต่าง ๆ อย่างคนนี้ที่วิ่งผ่านกล้องไปตัวกล้องก็จะไปจับคนนี้แทน ก่อนที่ตอนจบของทั้งสองตัวจะมาพบกันที่ปลายทาง หรือบางตอนก็เป็นการเล่าแบบเอาตอนจบมาเป็นตอนเริ่ม แล้วค่อยมาเล่าย้อนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราจะเห็นตัวละครหลักอยู่สองคนคือสาวเกาหลีชาวต่างด้าวที่พยายามหนีตาย แต่ไม่มีใครฟังเธอพูดภาษาเกาหลีออก กับหญิงสาวที่ตามหาลูกที่แยกกันตอนเกิดเรื่อง ตัวซีรีส์อาจจะเล่าแบบงง ๆ แต่ถ้าตั้งใจดูจับต้นชนปลายดี ๆ คุณจะค้นพบความแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอในซีรีส์ซอมบี้เรื่องอื่น ซึ่งมันคือเอกลักษณ์ของเรื่องนี้ แถมตัวละครทุกตัวในเรื่องก็จะอ้างอิงความจริงเพราะเราคือคนธรรมดาที่ไม่ได้เก่งอะไร พอเจอซอมบี้วิ่ง 4X100 มาหาทุกคนก็ตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ซึ่งซอมบี้เรื่องนี้ถ้าตายไม่ว่าจะตายด้วยอะไรก็จะเป็นซอมบี้ทันที แถมยังวิ่งเร็วขนาดเข้ามาในรถมันก็พร้อมจะวิ่งชนกระจกรถจนแตกทันที ใครที่อยากดูใน ‘Netflix’ มีเสียงไทยด้วย
มาที่ส่วนของเกมกันบ้างกับเกม ‘State of Decay’ ที่เราจะได้รับบทเป็นผู้รอดชีวิตธรรมดา ๆ ที่เหมือนกับในซีรีส์ ‘Black Summer’ แต่เกมนี้เราจะต้องพยายามมีชีวิตรอดด้วยการสร้างฐานที่อยู่หาอาหารสร้างที่พัก และหาเพื่อนเพื่อใช้เป็นตัวละครใหม่ ๆ ในการเล่น โดยตัวละครแต่ละคนนั้นจะมีความสามารถที่ต่างกัน และทุกคนจะมีความเหนื่อยล้าความหิวอาการบาดเจ็บป่วย เราจึงต้องเปลี่ยนตัวละครไปมาตลอด และอย่างที่บอกว่าตัวละครในเกมนี้ถ้าคนไหนตายจะตายไปเลยไม่มีฟื้น และเราก็ไม่มีทางรู้เลยว่าตัวละครที่เราเล่นหรือส่งออกไปทำภารกิจจะรอดไหม และตัวซอมบี้ในเกมก็มีรูปแบบอารมณ์คล้าย ๆ กันอีกด้วย ใครชอบเกมซอมบี้แบบสมจริงไม่ควรพลาด ตัวเกมมีทั้งหมดสองภาคสามารถหาเล่นได้บน ‘PC’ เท่านั้น
ภาพยนตร์ Army Of The Dead เกม Dead Rising 2
ปิดท้ายกับเรื่องราวของซอมบี้ที่มีเนื้อหาคล้ายกันอีกหนึ่งคู่ที่เราอยากหยิบยกมานำเสนอ นั่นคือเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีความโลภ จนทำได้ทุกอย่างแม้แต่การฆ่าคนที่ไม่รู้เรื่อง แถมทั้งสองเรื่องก็ใช้สถานที่และรูปแบบการดำเนินเรื่องที่คล้ายกัน จะต่างกันแค่ตัวซอมบี้เท่านั้นกับเกม ‘Dead Rising 2’ ที่เล่าเรื่องราวของพ่อลูกอ่อนที่ต้องฝ่าดงซอมบี้ เพื่อหายามารักษาลูกและช่วยเหลือผู้คนจากบ่อนคาซิโนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยซอมบี้ กับส่วนของภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของคุณพ่อเหมือนกัน แต่เรื่องนี้คุณพ่อต้องฝ่าฟันอันตรายเพื่อไปเอาเงินในฝูงซอมบี้ที่ ‘Las vegas’ ในภาพยนตร์อย่าง ‘Army Of The Dead’ ที่ถ้าใครที่เคยเล่นเกมและดูภาพยนตร์มาก่อนจะรู้เลยว่าทั้งสองเนื้อหานั้นเหมือนกันขนาดไหน
เริ่มต้นจากภาพยนตร์ ‘Army Of The Dead’ ที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองแห่งการพนันอย่าง ‘Las vegas’ ที่ถูกซอมบี้ที่หลุดออกมาจากการทดลองแพร่เชื้อ จนคนในนั้นกลายเป็นซอมบี้ ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลอเมริกาทำก็คือการสร้างกำแพงกั้นเหล่าซอมบี้ให้อยู่แต่ในนั้น วันเวลาผ่านไปเจ้าของบ่อนคาสิโนก็ได้ว่าจ้างเหล่าทหารผ่านศึกที่เคยหนีตายจากใน ‘Las vegas’ ให้กลับเข้าไปในนั้นอีกครั้ง เพื่อไปเอาเงินในตู้เซฟในบ่อนนั้น เรื่องราวการบุกไปเอาเงินและหนีตายจึงเริ่มต้นขึ้น ตัวภาพยนตร์ค่อนข้างสนุกตื่นเต้นกับการเดินทางไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้ ซึ่งพวกมันจะต่างกับซอมบี้อื่น ตรงที่พวกนี้จะมีรูปแบบการเคลื่อนไหวที่เป็นระบบ และทำตามที่หัวหน้าสั่ง ต่างกับซอมบี้ในภาพยนตร์และเกมอื่น ๆ แถมคนที่เข้าไปในนั้นก็คือคนที่เคยรอดชีวิตมาแล้ว และก็เป็นทหารมากฝีมือเรื่องราวในภาพยนตร์จึงค่อนข้างสนุกยิงสนั่น ใครที่สนใจอยากดูก็ไปจัดได้ใน ‘Netflix’ ตอนนี้เลย
ในส่วนของเกมถ้าพูดถึงซอมบี้ในคาสิโน คนเล่นเกมต่างต้องคิดถึงเกม ‘Dead Rising 2’ และภาพเสริมอย่าง ‘Dead Rising 2 Off the Record’ ที่บอกเล่าเรื่องราวต่างกับ ‘Army Of The Dead’ ตรงที่ในเกมนี้มนุษย์จะต้องหนีมาอยู่ในเมืองคาซิโนและปิดกั้นกำแพงเอาไว้ แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อจู่ ๆ ก็มีคนปล่อยซอมบี้เข้ามาในเมืองจนทำให้เมืองคาสิโนกลายเป็นนรก เราที่เป็นอดีตนักบิดจึงต้องออกไปหายามาช่วยยับยั้งอาการติดเชื้อให้ลูกสาวที่ถูกซอมบี้กัด พร้อมกับช่วยผู้คนที่กำลังหนีตาย ซึ่งเรื่องราวใน ‘Dead Rising 2 Off the Record’ จะเป็นเรื่องราวที่ต่างกันแค่ใช้ฉากเดียวกันและเปลี่ยนตัวเอกเท่านั้น ตัวเกมจะเน้นที่การผสมอาวุธแบบต่าง ๆ เพื่อใช้สู้กับซอมบี้ ที่มีตั้งแต่อาวุธทำลายล้างไปจนถึงอาวุธที่แปลกแหวกแนว จนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าคนสร้างเกมคิดไปได้อย่างไรเลยทีเดียว และที่แปลกใหม่กว่านั้นคือทุกอย่างในเกมนี้เราสามารถหยิบมาใช้เป็นอาวุธได้หมด ไม่เว้นแม้แต่ปืนฉีดน้ำหรือมือซอมบี้ ตัวเกมออกมานานแล้วและค่อนข้างยาก ใครสนใจก็ไปหาเล่นบน ‘PC’ หรือ ‘Play Station 3’ ได้เลย หรือจะเล่นภาค 4 บน ‘PlayStation 4’ แทนก็ได้สนุกเหมือนกัน
ก็จบกันไปแล้วกับ 6 เกม 6 ภาพยนตร์ที่มีเนื้อเรื่องใกล้เคียงมานำเสนอหวังว่าจะถูกใจกัน โดยเนื้อหาในบทความนี้ต้องการแนะนำเกมกับภาพยนตร์ซอมบี้ที่น่าดูน่าเล่น ให้คนที่สนใจได้หามาเล่นหรือชมกัน โดยเราจะพยายามเลือกภาพยนตร์ซีรีส์ใหม่ ๆ ที่สามารถหาชมแบบถูกลิขสิทธิ์มานำเสนอ บางซีรีส์นั้นก็สามารถดูได้หลายวันเลยก็มี และพอดูจบก็ไปหาเกมที่มีเนื้อเรื่องเหมือนในซีรีส์ภาพยนตร์มาเล่นต่อได้ ทีนี้คุณก็จะได้รับอารมณ์ประหนึ่งคุณคือตัวละครที่อยู่ในโลกของภาพยนตร์ซอมบี้เรื่องนั้น ๆ ไปด้วย ส่วนใครที่มีเรื่องราวภาพยนตร์ซีรีส์ซอมบี้ที่น่าสนใจเรื่องไหนก็บอกเพื่อน ๆ มาได้ ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรในวงการเกมก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส