ปี 2021 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ธุรกิจโรงภาพยนตร์ซบเซา และส่งผลให้ภาพยนตร์ที่ตั้งใจทำเพื่อฉายในโรงต้องเลื่อนฉายหรือย้ายไปอยู่ในสตรีมมิงแทน ถึงกระนั้นก็ถือว่าเป็นปีที่มีหนังและซีรีส์คุณภาพดีที่น่าจดจำอยู่พอสมควร (อย่างน้อยก็มากกว่าปีที่แล้ว) พร้อมกับนักแสดงหลายคนที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่จับตามองในปีนี้ ทั้งดาราระดับเอลิสต์ที่กลับมาเล่นหนังโชว์ฝีมืออีกครั้ง หรือจะเป็นดาราฝั่งเอเชียที่ไปโลดแล่นในฮอลลีวูดได้อย่างเป็นปรากฏการณ์ รวมไปถึงนักแสดงไทยที่แม้จะมีหนังไทยไม่กี่เรื่องออกฉาย แต่ก็เป็นที่พูดถึงไม่แพ้กัน ทีมงานรีวิว beartaiBUZZ จึงร่วมกันเลือก 10 นักแสดงทั้งชายและหญิงที่ประทับใจในปีนี้ (ไม่ได้เป็นการจัดอันดับ)
เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ (Benedict Cumberbatch) จาก ‘The Power of the Dog’
เชื่อว่าเป็นอีกคนที่ต้องติดในทุกโพลนักแสดงยอดเยี่ยมปี 2021 กับงานแสดงที่พลิกบทบาทอย่างแรง เราต่างคุ้นเคยกับภาพลักษณ์ของคัมเบอร์แบตช์ที่มักได้บทเป็น คนเก่ง คนฉลาด หัวดี นักประดิษฐ์หรือไม่ก็เป็นคุณหมอ แล้วอยู่ดี ๆ คัมเบอร์แบตช์ก็โผล่มาในบท ฟิล เบอร์แบงก์ คาวบอยในยุค 1920s ที่เหมือนเป็นการหักหน้านักแสดงอเมริกันทั้งหลาย ที่เขาเป็นคนอังกฤษโดยกำเนิด แต่ เจน แคมเปียน ดันเลือกเขามาเล่นเป็นคาวบอย แล้วคัมเบอร์แบตช์ก็พิสูจน์ให้เห็นกันชัด ๆ ไปเลย ว่าเขาพูดสำเนียงใต้ได้ และใส่ชุดคาวบอย ขี่ม้า คลุกฝุ่นได้อย่างสมจริง รอดูกันว่าสิ้นปีนี้คัมเบอร์แบตช์จะคว้าไปกี่รางวัล
สวนีย์ อุทุมมา จาก ‘ร่างทรง‘
พี่เอี้ยง สวนีย์ อุทุมมา หรือ ป้านิ่ม ร่างทรงแม่บาหยันจากร่างทรง คือนักแสดงที่แสดงน้อยแต่ได้มาก ทำให้เราเชื่อหมดใจในความเป็นป้านิ่มของนักแสดงคนนี้ ดูเป็นคนมีองค์มีทรงจริง ๆ ทุกครั้งที่ปรากฏตัวในฉากเธอสะกดเราได้อยู่หมัด และทำให้รู้สึกเสียดายทันทีที่รู้ว่าตัวละครตัวนี้หมดเวลาในหนังแล้ว
ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร จาก ‘ร่างทรง’
อีกหนึ่งดาวเด่นจากหนังเรื่องนี้ เธอถ่ายทอดอารมณ์ต่างขั้วจากบทบาทที่เธอรับได้ดี มีความเป็นธรรมชาติ น่ารัก หลอน และบ้าคลั่งในคนเดียวกัน เธอถ่ายเทอารมณ์ในแต่ละฉากได้อย่างลงตัว และสร้างอารมณ์สะพรึงให้กับคนดูได้อย่างน่าประหลาดใจ บทอีมิ้งคงเป็นแค่สัตว์ประหลาดที่ไม่น่าจดจำหากไม่ได้การตีความของญดา ที่เลือกถ่ายทอดชีวิตของสาวต่างจังหวัดที่ต้องมาอยู่ในตระกูลร่างทรง เธอคือมนุษย์ที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบมีดีมีชั่วมีเลวและมีกรรมที่ต้องมาชดใช้แทนบรรพบุรุุษ แม้สื่อจะประโคมข่าวแต่ฉากฉีกเสื้อแต่หากใครได้ดูหนังและพิเคราะห์ดี ๆ บทมิ้งของ ญดา คือการกระชากหน้ากากวัฒนธรรมทรงผีและระบบเจ้าขุนมูลนายในระบอบเศรษฐกิจอันเหลื่อมล้ำของไทยผ่านภาษาร่างกายที่บอกได้เลยว่านี่แหละนักแสดงอนาคตไกล
ฮานโซฮี (Han So Hee) จาก ‘My Name’
หน้าสวย ๆ ของเธอไม่ได้ถูกใช้เป็นใบเบิกทางเท่านั้น แต่ฝีมือลายไม้ทั้งบู๊ทั้งดรามาคือเครื่องพิสูจน์ว่า ดาราหน้าหวานอย่างเธอมีอะไรดีมากกว่าหน้าตาหลายขุม ทั้งมีเสน่ห์และมีฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยม เราจะเห็นได้เลยว่าบาดแผลและความชอกช้ำไม่อาจทำอะไรความงามของเธอได้เลย การแสดงที่ทุ่มเทของเธอสร้างความประทับใจให้ผู้ชมเป็นอย่างดี
จ๋าย อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี จาก ‘4 Kings’
ประทับใจในฐานะนักร้องวง ไททศมิตร ที่โดดมารับงานแสดงเรื่องแรก ก็เจองานหิน ผู้กำกับมอบหมายบท บิลลี่ อินทร ให้ ซึ่งถ้าใครได้ดูก็ต้องผิดคาดว่านี่คือบทนำของเรื่อง เพราะถ้าดูใบปิดแล้วเห็นชื่อ เป้ อารักษ์ ก็ทำให้เข้าใจไปก่อนเลยว่า เป้ ในบท ดา อินทร จะเป็นบทนำ จ๋าย ทำยอดเยี่ยมมากสำหรับการแสดงครั้งแรก เจอฉากยาก ๆ เยอะมาก ต้องเล่นบทเดียวกันใน 2 วัย วัยรุ่น และวัยที่เป็นพ่อคน มีฉากต้องแสดงอารมณ์หนัก ๆ ต้องร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง แล้วจ๋ายก็ทำได้ดี ดูแล้วไม่สะดุดเลย
อันยา เทย์เลอร์ จอย (Anya Taylor-Joy) จาก ‘Last Night in Soho’
แม้ ‘น้องจอย’ จะไม่ได้เป็นตัวละครหลัก แต่ก็ถือว่าเป็นตัวละครที่ฉายเด่นในหนังกลิ่นอายหนังสยองขวัญคลาสสิกของ ‘เอ็ดการ์ ไรต์’ เรื่องนี้ได้อย่างโดดเด่นและเปี่ยมเสน่ห์อย่างยิ่ง ไม่จำเป็นต้องพูดถึงหน้าตา แต่ความทรงเสน่ห์ ทักษะการแสดง การร้องเพลง เต้นรำ และอารมณ์กร้าวแกร่ง น่าประหวั่นพรั่นพรึง และความหวาดระแวง ที่ส่งผ่านดวงตากลมโตของน้องจอย แค่นี้ก็ทำให้คนดูทั้งตกหลุมรัก และประหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกได้ในเวลาเดียวกัน
แดเนียล เครก (Daniel Craig) จาก ‘No Time to Die’
นับตั้งแต่ ‘Casino Royale’ (2006) แดเนียล เครกได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้เขาเองอาจจะไม่ตรงสเปกกับนิยามของคำว่าเจมส์ บอนด์ในอุดมคติ แต่เขาก็เป็นอีกคนที่เหมาะกับบทเจมส์ บอนด์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และมันก็สะท้อนจนถึงจุดพีกสุด และปิดจบงานอย่างงดงามลงในภาคสุดท้ายนี้ด้วยการแสดงอันเปี่ยมเสน่ห์ ดิบเถื่อน และแอบซ่อนความเป็นสุภาพบุรุษที่ไม่ใช่แค่หล่อเท่ แอ้มสาว กินเหล้า สูบบุหรี่ แต่เป็นสุภาพบุรุษที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรักแท้ และยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อความรัก ถือเป็นการปิดจ็อบที่สวยงามที่สุดนับตั้งแต่ที่โลกได้รู้จักกับสายลับนาม เจมส์ บอนด์
แซนดรา บูลล็อก (Sandra Bullock) จาก ‘Unforgivable’
เมื่อรุ่นใหญ่กลับมาประกาศศักดาให้เห็นกัน ว่าฉันนี่ละคือนักแสดงตัวจริง ที่ได้ออสการ์มาเพราะฝีมือไม่ใช่เพราะโชคช่วย บท รูธ สเลเตอร์ ของบูลล็อกในเรื่องนี้ เรียกได้ว่าเป็นอีกบทบาทที่ยากสำหรับเธอ เพราะเป็นสาวอมทุกข์ หน้าเครียดทั้งเรื่องไม่มีรอยยิ้มให้เห็น เล่นแบบไม่ห่วงสวย เชื่อว่าถึงฤดูแจกรางวัล บูลล็อกต้องได้รางวัลติดมือกลับบ้านไปบ้างละ แล้วปีหน้าเธอก็จะกลับมาในภาพลักษณ์ของสาวฮาที่เราคุ้นเคยกันอีกครั้งใน ‘Lost City’
ลีจองแจ (Lee Jung-jae) – ‘Squid Game‘
ฉีกบทตัวเองเป็นคนขี้แพ้ในสังคมได้อย่างน่าหมั่นไส้ สลัดมาดพระเอกสุดหล่อออกไปจนเคลือเพียงคราบชายผู้ดิ้นรนเอาตัวรอดในสั้งคมได้อย่างน่าเชื่อถือ แม้ว่าจะมีความเป็นพระเอกที่คอยช่วยเหลือผู้คนรอบข้างอยู่บ้างก็ตาม
เคต วินสเล็ต (Kate Winslet) จาก ‘Mare of Easttown’
เธอกลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งกับการแสดงที่ทุ่มเททิ้งภาพลักษณ์และเพิ่มน้ำหนักจนกลายเป็นตำรวจหญิงวัยกลางคนที่อยู่ในอารมณ์แปรปรวนบ่อยครั้ง ไม่สามารถเข้ากับผู้คนรอบข้างได้ง่าย ๆ เธอแสดงได้ให้เห็นว่าสามารถสร้างความอึดอัดให้แก่ผู้ชมได้มากเพียงไร