เมื่อพูดถึงฮีโรแห่งรัตติกาลผู้ออกตามล่าเหล่าอาชญากร ในทุกค่ำคืนโดยไม่ย่อท้อและเหน็ดเหนื่อย เพื่อความสร้างสงบสุขให้กับเมืองที่เขารัก ทุกคนต้องคิดถึง ‘Batman’ ฮีโรผู้สวมหน้ากากที่เราทุกคนต่างก็ทราบดีว่าตัวของ ‘Batman’ นั้นเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลังพิเศษหรือความแข็งแกร่งผิดมนุษย์ แต่เขากลับยืนเคียงข้างเหล่าฮีโรจอมพลังคนอื่น ๆ อย่างทีม ‘Justice League’ ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ที่นอกจากวิชาการต่อสู้แล้ว ‘Batman’ ยังมีสิ่งที่หลายคนไม่ทราบอยู่นั่นคือความสามารถในการสืบสวน จนได้ฉายาว่านักสืบที่เก่งที่สุดในโลก ซึ่งตรงกับตัวภาพยนตร์ ‘The Batman’ ที่กำลังเข้าฉายอยู่ตอนนี้ ที่เนื้อหาจะเน้นเรื่องราวการสืบสวนมากกว่าการต่อสู้เหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมา เรามาทำความรู้จักความสามารถสืบสวนในส่วนนี้ของ ‘Batman’ กันว่าเขาจะมีดีขนาดไหนจนได้ฉายนี้มา ไปดูความสามารถของเขาพร้อมกันเลย
Bruce Wayne ศึกษาศาสตร์ทุกแขนงเพื่อใช้ในการปราบอาชญากร
เริ่มต้นเรื่องแรกที่เราควรรู้เกี่ยวกับตัว ‘Batman’ นั่นคือก่อนที่เขาจะมาสวมชุดเป็นฮีโรปราบเหล่าร้าย ตัวของ บรูซ เวย์น ( Bruce Wayne) ใช้เวลา 12 ปีในการเดินทางไปฝึกวิชาทุกแขนงทั่วโลก เพื่อใช้ในการปราบอาชญากรได้ โดยมีคนรวบรวมวิชาที่บรูซ เวย์นไปเรียนรู้มาหลัก ๆ ก็มี ศิลปะการต่อสู้หลายรูปแบบ ทั้งแบบติดอาวุธและไร้อาวุธ วิชาอาชญวิทยา นิติเวช หน่วยสืบราชการลับ ภาษาต่าง ๆ การขโมยโจรกรรม นี่ยังไม่นับวิชาเคมี ศาสตร์เครื่องยนต์กลไก การยิงปืนและอาวุธบิน วิชาการพรางตัว เรียกว่า 12 ปีที่หายไปนั้นไม่ได้เสียเปล่าไปเลยทีเดียว โดยเรื่องราวนี้ถูกพูดถึงในหัวหนังสือ ‘Batman Year One’ ที่บอกเล่าเรื่องราวปีแรกที่ ‘Batman’ ออกปราบเหล่าร้าย ที่ในตอนแรกเขาก็เหมือนตัวตลกในสายตาของตำรวจและเหล่าร้าย ก่อนจะแสดงความสามารถในการสืบสวนและจับคนร้าย จนกลายเป็นสิ่งที่เหล่าอาชญากรหวาดกลัวในตอนนี้
Batman เคยเจอและได้รับการสั่งสอนจาก Sherlock Holmes
สำหรับแฟนการ์ตูน ‘Batman’ คงจะรู้อยู่แล้วว่าหัวหนังสือเล่มแรกที่ ‘Batman’ ปรากฏตัวก็คือ ‘Detective Comics’ ที่บ่งบอกถึงพลังความสามารถของ ‘Batman’ ที่เป็นนักสืบไขคดีฆาตกรรม ก่อนจะโยงไปหาตัวคนร้ายแบบที่ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ (Sherlock Holmes) นักสืบระดับโลกทำ โดยมีครั้งหนึ่งในหัวหนังสือ ‘Flash Comics #69’ ได้มีการเปิดเผยตัวตนนักสืบปริศนาที่มาช่วยไขคดีฆาตกรรมปริศนา ก่อนที่ชายคนนี้จะเปิดเผยตัวว่าเป็นเชอร์ล็อก โฮล์มส์ในหนังสือ ‘Detective Comics #572’ ที่เราจะได้เห็น ‘Batman’ เจอกับยอดนักสืบที่สอนบทเรียนต่าง ๆ ให้กับ ‘Batman’ จนทำให้ ‘Batman’ รู้ว่าความสามารถที่เขามีนั้นช่างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับยอดนักสืบคนนี้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘Batman’ ได้ความสามารถสืบสวนเพิ่มขึ้นจากการชี้แนะในคราวนั้น ซึ่งจากข้อมูลบอกว่าในโลกของ ‘DC Comics’ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ยังมีชีวิตอยู่แค่เขาไม่ยุ่งเรื่องการสืบสวนและทำอาชีพเป็นคนเลี้ยงผึ้งอย่างสงบในไร่ของเขา ซึ่งก็ตรงกับตอนจบของนิยายที่วางเรื่องราวไว้แบบนั้น
ความสามารถในการอ่านคนเหมือน Sherlock Holmes
นอกจากการเจอกันของสองสุดยอดนักสืบอย่าง ‘Batman’ และเชอร์ล็อก โฮล์มส์แล้ว ก่อนหน้านี้เหล่านักเขียนต่างก็พยายามอ้างอิงความสามารถหลาย ๆ อย่างของนักสืบชื่อดังใส่ลงไปในตัว ‘Batman’ หนึ่งในนั้นคือการอ่านคนจากท่าทางหน้าตารูปร่างแบบที่เชอร์ล็อก โฮล์มส์ชอบใช้ เช่นโฮล์มส์มักจะทายถูกเสมอว่าคน ๆ นั้นเป็นอย่างไรมาจากไหนและทำอะไรมาก่อนจะมาถึงตรงนี้ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งนั่นก็มีในตัวของ ‘Batman’ ที่จะให้ยกตัวอย่างก็คงจะเป็นช่วงหนึ่งในหัวหนังสือ ‘Injustice Comic’ ที่ ‘Batman’ ได้นัดเจอกับ ‘Superman’ บนยอดตึก ‘Batman’ ได้เห็น ‘Superman’ ยืนนิ่งเหงื่อแตกม่านตาขยาย มือซ้ายสั่นเหมือนคนที่กำลังหวาดกลัวหรือตื่นเต้นอะไรบ้างอย่างมาก ๆ แต่ ‘Batman’ ก็ทราบว่าตัวของ ‘Superman’ ไม่เคยกลัวอะไร บวกกับที่เห็นใบหน้าของบุรุษเหล็กที่กำลังยิ้มไม่หุบ ‘Batman’ จึงเดาว่านั่นจึงเป็นเรื่องดีที่สุด ซึ่งสิ่งที่ ‘Superman’ ตื่นเต้นและหวังมาตลอดคือการมีลูก นั่นคือสิ่งที่ ‘Batman’ วิเคราะห์ออกมาโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันพูด ซึ่งสิ่งนี้เหมือนที่ยอดนักสืบเชอร์ล็อก โฮล์มส์ทำในนิยาย และหลายครั้งที่ทีม ‘Justice League’ ต่อสู้ ‘Batman’ จะคอยดูอยู่ห่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ก่อนจะลงมือมากกว่าใช้กำลังแบบฮีโรคนอื่น
มีเครื่องมือทางนิติเวชที่ทันสมัยในการตรวจคดีฆาตกรรม
นอกจากความสามารถในการสืบสวนแล้ว หลายครั้งการพิสูจน์หลักฐานเพื่อจับคนร้ายก็ต้องใช้สิ่งที่สามารถยืนยันในชั้นศาล หรืออาจจะเป็นการใช้เพื่อมัดตัวคนร้ายก่อนลงมือจับ ‘Batman’ จึงต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัยอย่าง ‘Batcomputer’ ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลและทำการวิเคราะห์หลักฐาน ทั้งยังสามารถตรวจสอบวิเคราะห์สารเคมีเพื่อให้สามารถตรวจสอบต่อไปได้ผ่านหมวกของ ‘Batman’ แถมยังเชื่อมต่อโดยตรงกับเครือข่ายหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ทั่วโลกอย่าง ‘CIA’, ‘FBI’ ไปจนถึง ‘Gotham City Police Department’ และยังสามารถเจาะเข้าสู่ระบบส่วนตัวของใครก็ได้ตามที่ต้องการ เรียกว่าครบครันในการปราบเหล่าร้ายของจริง
Batman สามารถตามสืบว่าใครฆ่าพ่อแม่ได้อย่างง่ายดาย
คราวนี้มาดูความสามารถอื่น ๆ ในการสืบสวนของ ‘Batman’ กันว่ามีอะไรบ้าง เริ่มจากความสามารถในการตามหาคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา ซึ่งนั่นคงจะเป็นสิ่งแรกที่บรูซ เวย์นต้องการ และการตามหาชายที่เป็นอาชญากรนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ โดยเรื่องราวนี้ถูกเล่าในหนังสือ ‘Batman #47’ ปี 1948 ที่บอกเล่าเรื่องราวของ ‘Batman’ ที่ตามหาคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาชื่อว่า โจ ชิลล์ (Joe Chill) โจรกระจอกที่แค่ต้องการปล้นคนรวยที่บังเอิญผ่านทางมาเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ ‘Batman’ ผู้ไม่ฆ่าคนจะทำกับชายคนนี้คือการเปิดเผยตัวเองว่าเขาคือ ‘Batman’ ซึ่งชิลล์ที่รู้แบบนั้นก็ตกใจยิ่งกว่าเจอผี จึงรีบเอาเรื่องราวนี้ไปบอกคนอื่นให้ช่วยคุ้มกันตน เพราะเขานั้นคือคนที่ทำให้เกิด ‘Batman’ ขึ้นมา ซึ่งเมื่อเพื่อน ๆ โจรรู้ว่าชิลล์เป็นคนให้กำเนิด ‘Batman’ เพื่อนก็รุมกระทืบเพราะถ้าชิลล์ไม่ทำเรื่องโง่ ๆ คงไม่มี ‘Batman’ โจรทุกคนคงจะมีความสุขบนสวรรค์ของเมืองนี้ ซึ่งสุดท้ายชิลล์ก็ถูกยิงตายแต่ก่อนวินาทีสุดท้ายชิลล์จะบอกว่า ‘Batman’ คือบรูซ เวย์น ตัวของ ‘Batman’ ก็มาอัดโจรพวกนั้นจนสลบก่อนจะได้ฟังเรื่องนี้ และปล่อยให้ชิลล์หมดลมหายใจตายไปโดยไม่ช่วย
Batman สามารถรู้ได้ทันทีว่า Justice League คือใครตั้งแต่ยังไม่พบตัว
ถ้าใครที่ได้ดูภาพยนตร์ ‘Justice League’ ฉบับ ‘Snyder Cut’ มาแล้วคงจะได้เห็นความสามารถของบรูซ เวย์น ในการตามหาผู้มีพลังพิเศษจากทั่วโลกเพื่อมารวมทีม จากการสืบสวนและวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ซึ่งในฉบับหนังสือการ์ตูนนั้นตอนที่ ‘Batman’ ได้เจอกับ Superman’ ครั้งแรกตัวของ ‘Batman’ สามารถดักเจอและบอกตัวจริงของ ‘Superman’ ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เรียกว่ารู้ตั้งแต่ชาติกำเนิดตัวพ่อแม่ที่เลี้ยงมาไปจนถึงที่ทำงานคนที่แอบชอบ และรู้ด้วยว่าเขามีความสามารถแค่ไหนแพ้อะไรบ้าง แถมเขายังรู้ด้วยว่า ‘Superman’ ไม่สามารถมองทะลุตะกั่วได้ ครั้งแรกที่เจอกัน ‘Batman’ จึงทำหน้ากากด้วยสิ่งนี้ ‘Superman’ จึงไม่รู้ว่า ‘Batman’ คือใคร ขณะที่คนอื่น ๆ ก็โดนมาคล้าย ๆ กัน ซึ่งถ้าไม่เก่งไม่ฉลาดจริงคงทำแบบนี้ไม่ได้
Batman ใช้ความสามารถนักสืบวิเคราะห์จุดอ่อนเพื่อฆ่า Justice League ทั้งทีมได้
และเมื่อ ‘Batman’ สามารถตามหาเพื่อน ๆ ใน ‘Justice League’ ได้ ‘Batman’ ก็สามารถฆ่าพวกเขาได้เช่นกัน แม้ตัวเองจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาก็ตาม ซึ่งด้วยความสามารถในการสืบสวนของ ‘Batman’ เขาสามารถรู้จุดอ่อนของทุกคนในทีม ‘Justice League’ และเอามันมาใช้ในกรณีที่เพื่อนร่วมทีมไปเปลี่ยนไปเป็นเหล่าร้ายหรือถูกควบคุมจิตใจ ซึ่งนอกจากเพื่อน ๆ ทุกคนในทีมแล้ว ‘Batman’ ยังใส่ข้อมูลจุดอ่อนตนเองลงไปด้วย โดยจุดอ่อนของทุกคนมีดังนี้
‘Martian Manhunter’ จะปกคลุมไปด้วย ‘Nanites’ ซึ่งเปลี่ยนผิวชั้นนอกของเขาให้เป็นแมกนีเซียมหรือก็คือติดไฟได้ง่าย
‘Plastic Man’ ที่ตัวเป็นยางก็แช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลวแล้วทุบให้แตกเป็นเสี่ยง
‘Aquaman’ ก็ให้ใช้พิษความกลัวของ ‘Scarecrow’ เปลี่ยนให้ ‘Aquaman’ คิดว่าตนเองคือสัตว์น้ำที่อยู่บนบก เขาก็จะหายใจไม่ออกตาย
‘Green Lantern’ นั้นค่อนข้างซับซ้อนกว่าคนอื่น เพราะแหวนที่เป็นพลังของเขามาจากจิตใจ ซึ่งการทำร้ายจิตใจนั้นยากมาก แต่ก็สามารถทำได้ด้วยการสะกดจิตหรือทำให้ ‘Green Lantern’ ตาบอด คราวนี้เขาก็จะหมดกำลังใจและไม่สามารถควบคุมเพื่อเล็งเป้าหมายในการใช้งานแหวนได้ โดยในการ์ตูนจะเป็นการทำร้ายจิตใจโดยการใช้หุ่นยนต์หลอกว่า ‘Green Lantern’ ช่วยคนไม่ทันจนตาย และมีวิญญาณมาตามหลอกหลอนให้สำนึกผิด จน ‘Green Lantern’ ไม่มีพลังใจใช้แหวน
‘Wonder Woman’ คือตัวละครที่ไร้จุดอ่อนที่สุดในทีม แต่ยังไงเธอก็คือสิ่งมีชีวิตที่เหนื่อยเป็น สิ่งที่ต้องทำคือให้เธอไปอยู่ในโลกจำลองที่ต้องต่อสู้ไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันสิ้นสุด จนสุดท้าย ‘Wonder Woman’ จะเหนื่อยตายไปเอง
‘Flash’ ที่เร็วจนไม่สามารถจับได้ ต้องอาศัยการวางยาที่เรียกว่า ‘Vibra-Bullet’ ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษโดย ‘Batman’ ทำให้เขามีอาการชักเมื่อใช้ความเร็วแสง แต่ในการ์ตูนจะเป็นการใส่ระเบิดที่ข้อมือ ซึ่งถ้า ‘Flash’ หยุดวิ่งจะระเบิดจนตาย
‘Superman’ ทุกคนต่างรู้ว่า ‘Kryptonite’ สามารถฆ่าเขาได้ แต่การทำร้าย ‘Superman’ ให้ถึงตายได้นั้นต้องมีมากกว่า ‘Kryptonite’ ธรรมดา แต่ต้องเป็น ‘Red Kryptonite’ ชนิดพิเศษที่ ‘Batman’ สร้างขึ้นมา ที่เมื่อ ‘Superman’ โดน ‘Red Kryptonite’ ทั้งการสูดผ่านลมหายใจหรือถูกยิงแทงเข้าร่าง ‘Superman’ จะเจ็บปวดเมื่อรับพลังงานแสงอาทิตย์ (ตัว ‘Superman’ ได้รับพลังจากแสงอาทิตย์) ถ้ารับพลังแสงอาทิตย์ไม่ได้ก็เป็นแค่คนธรรมดา แต่ในฉบับการ์ตูนจะเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อหลอก ‘Superman’ ให้มาในระยะก่อนจะใช้กระสุน ‘Kryptonite’ ยิงเผาขน “คราวนี้นายก็เลือดออกได้แล้ว”
คนสุดท้ายที่ ‘Batman’ บอกจุดอ่อนคือตนเองที่ง่ายมาก เพียงแค่ไปขุดศพ โธมัส (Thomas) และ มาร์ธา เวย์น (Martha Wayne) พ่อแม่ของเขามาแค่นี้ ‘Batman’ ก็ยอมทำทุกอย่างแล้ว
ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมานี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วใน ‘Justice League Tower of Babel’ ใครสนใจก็ไปอ่านหรือหาชมได้ ซึ่งในฉบับการ์ตูนจะเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ ส่วนให้โหดน้อยลงแต่วิธีการฆ่าก็คล้าย ๆ กัน ซึ่งนั่นก็บ่งบอกถึงความฉลาดของ ‘Batman’ ที่ฮีโรคนอื่นไม่มี
รวย
ในส่วนของข้อสุดท้ายอาจจะเหมือนเรื่องตลกที่เอามาล้อเล่นกัน แต่มันก็คือความจริงที่เราต้องยอมรับ เพราะทั้งหมดที่เรากล่าวมานั้นจะเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว ถ้าตัวของบรูซ เวย์นไม่รวย เขาจะไม่สามารถไปร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ ได้ถ้าไม่มีเงินเดินทางหรือไปสมัครเรียน เขาจะไม่มีเงินซื้อซุปเปอร์คอมพิวเตอร์จนสามารถสืบเรื่องราวต่าง ๆ และไม่มีอุปกรณ์ในการสร้างเครื่องมือกำจัด ‘Justice League’ เพราะแค่ฉลาดอย่างเดียวแต่ไม่มีเงินทุนในการทำให้มันเป็นจริง สุดท้ายก็เป็นแค่สิ่งที่ถูกเขียนในกระดาษและถูกลืมไปในที่สุด แต่ก็ใช่ว่ามีเงินแล้วจะเก่งแบบ ‘Batman’ ได้ เขาต้องฝึกมากกว่าคนธรรมดาหลายเท่า ซึ่งแรงผลักดันที่สำคัญของเขา ก็คือการกำจัดอาชญากรให้หมดเมืองเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนอยู่ได้อย่างมีความสุข เพราะถ้าแค่รวยแล้วเป็นฮีโรได้ป่านี้เราคงเห็นคนอย่าง ‘Batman’ เต็มเมืองไปแล้ว
ก็จบกันไปแล้วกับเรื่องราวความฉลาดในฐานะนักสืบของ ‘Batman’ ที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ ซึ่งก็ตรงกับเรื่องราวของ ‘Batman’ ในฉบับภาพยนตร์ภาคล่าสุดที่กำลังฉายตอนนี้ ใครที่อยากเปลี่ยนมุมมองความคิดจากฮีโรสายลุยแบบที่เราเห็น มาเป็นฮีโรสายนักสืบก็ไปชมกันได้ในโรงภาพยนตร์ ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจของฮีโรคนไหนก็ติดตามกันได้ รับรองว่าเราจะไปค้นหาข้อมูลที่น่าสนใจเหล่านั้นมาให้คุณได้อ่านกันแน่นอน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส