เราทุกคนต่างมีซาวด์แทร็กประกอบชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ถ้าพูดถึงดนตรีร็อกของคนอายุรุ่น Gen Y กลุ่มคนเหล่านี้เติบโตมาพร้อมกับดนตรีนูเมทัลของ Linkin Park, Limp Bizkit ดนตรีร็อกหนัก ๆ จาก Avenged Sevenfold, Slipknot, Korn หรือ ร็อกที่มีกลิ่นอายของพังก์อย่าง Green Day, Blink-182 และ Sum 41
แต่ถ้าพูดถึงสุ้มเสียงทางดนตรีที่เบากว่านั้น มีความซ่า และความซนไม่เหมือนใคร วงดนตรีที่เป็นตัวแทนของอะไรเหล่านี้ ก็คงหนีไม่พ้นวงแคนาเดียนร็อกพังก์อย่าง ‘Simple Plan’
หลังหายหน้าหายตาไปหลายปี Simple Plan กลับมาเปิดคอนเสิร์ตครั้งที่ 5 ในประเทศไทย กับโชว์ที่ใช้ชื่อว่า ‘Simple Plan – The Harder Than It Looks Tour – Live In Bangkok 2023’ ซึ่งตัวงานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ณ CentralWorld Live House
เวลา 21.30 น. ตรงสี่หนุ่ม Simple Plan นำโดย ปิแอร์ บูวิเยร์ (Pierre Bouvier – น้องนำ), เซบาสเตียน เลอเฟบเรอร์ (Sébastien Lefebvre – กีตาร์) เจฟฟ์ สติงโก (Jeff Stinco – กีตาร์โซโล) และ ชัค โคโม (Chuck Comeau – กลอง) เปิดคอนเสิร์ตด้วยเพลงธีมจากหนัง ‘Star Wars’ เป็นการโหมโรงโชว์ ก่อนจะรัวเพลงฮิตไม่ยั้ง เริ่มตั้งแต่ “I’d Do Anything”, “Shut Up!”, “Jump” และ “Jet Lag” ที่ได้นักร้องสาว วาเลนติน่า พลอย ขึ้นมาเซอร์ไพรส์ร่วมร้องเพลงนี้บนเวทีด้วย
บูวิเยร์ในฐานะฟรอนต์แมนกล่าวทักทายแฟน ๆ ครั้งแรก พร้อมเล่าว่า นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมากที่พวกเขาไม่ได้กลับมาที่ประเทศไทยนานถึง 7 ปี แล้ว ซึ่งเขาสัญญาว่า คอนเสิร์ตครั้งหน้าแฟน ๆ จะไม่ต้องรอกันนานขนาดนี้แน่นอน
โชว์ในครั้งนี้ Simple Plan มาพร้อมซาวด์ดนตรีที่แฟน ๆ คิดถึง เสียงดิสทอร์ชันจากกีตาร์สองตัวของเลอเฟบเรอร์และสติงโก สอดประสานรับกันได้อย่างลงตัวกับเสียงกลองอันหนักแน่นทรงพลังของโคโม และที่สำคัญเสียงร้องของบูวิเยร์และการเอนเตอร์เทนของเขา ก็ยังทำได้สนุกเหมือนเมื่อ 20 ปีก่อนเลยทีเดียว สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก่อเกิดเป็นชั่วโมงต้องมนต์ที่สะกดแฟน ๆ ได้อย่างน่าประทับใจ
ช่วงกลางของโชว์ Simple Plan ใส่เพลงฮิตมาแบบไม่มีกั๊กทั้ง “Your Love is a Lie”, “Addicted”, “You Suck at Love”, “Welcome to My Life”, “Iconic”, “Summer Paradise”, “Congratulations”, “Crazy” และ “Wake Me Up (When This Nightmare’s Over)”
ทั้งสี่จัดการเร่งอะดรีนาลีนของคนดูให้เพิ่มขึ้น ด้วยกลุ่มเพลงฮิตที่บูวิเยร์เกริ่นว่า “นี่คือเพลงปาร์ตี้ดี ๆ นี่เอง” ไล่ตั้งแต่ “All Star” ของ Smash Mouth, “Sk8er Boi” ของ แอวริล ลาวีน (Avril Lavigne) และ “Mr. Brightside” ของ The Killers
ช่วงท้ายบูวิเยร์พูดย้อนความหลังว่า ครั้งแรกที่ Simple Plan เยือนไทย ต้องย้อนกลับไป 21 ปีที่แล้วในปี 2002 สมัยอัลบั้มแรกของพวกเขาอย่าง ‘No Pads, No Helmets…Just Balls’ ซึ่งเขาทิ้งท้ายว่า เร็ว ๆ นี้เขาจะกลับมาเที่ยวที่ไทยแน่นอน จากนั้นวงก็ปิดท้ายโชว์ด้วยเพลง “What’s New Scooby Doo” และ “Where I Belong” ก่อนจะลงจากเวทีไป
ภายหลังแฟน ๆ ส่งเสียงอยู่สักพัก ไม่นานสี่หนุ่มก็กลับขึ้นมาพร้อม Encore อีก 5 เพลงทั้ง “The Antidote” เพลงจากอัลบั้มชุดใหม่ ‘Harder Than It Looks’, “Can’t Keep My Hands Off You”, “I’m Just a Kid”, “Untitled” และ “Perfect”
ภาพรวม:โชว์ของ Simple Plan ในครั้งนี้ทำออกมาได้อย่างเกินคาด เกินกว่าที่ส่วนตัวผมคาดหวังไว้เสียอีก จัดว่าเป็นหนึ่งในโชว์ที่ดีสุดของปีนี้เลยทีเดียว ด้านการแสดงทั้งสี่ทำออกมาได้สนุกมาก ๆ vibes ของโชว์ชวนให้ย้อนวัยสุด ๆ รูปแบบโชว์แม้จะดูธรรมดา เพราะมีแค่เสียงร้องหนึ่ง กีตาร์สอง กลองหนึ่ง แถมเปิดซาวด์ MD คลอไว้ในบางช่วง แต่ภาพรวมของเสียงที่ออกมาก็ลื่นไหล ดูไลฟ์มาก ๆ ถ้าให้ติคงมีแค่ตัววงเลือกจะเปิดเสียงเบส แทนที่จะหาคนมาเล่นเบสจริง ๆ ซึ่งการขาดเสียงเบสจริง ๆ ไป ทำให้เสน่ห์ของดนตรีสดนั้นหายไปด้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องชมเชย คือการบริหารจัดการงานของผู้จัด Defiance Entertainment ซึ่งนี่ถือเป็นโชว์ที่ 2 ของพวกเขาเท่านั้น แต่กลับทำออกมาได้ดี ดูเข้าใจธรรมชาติและธรรมเนียมที่ถูกต้องของการดูคอนเสิร์ต เรียกได้ว่าจัดงานแบบคนเข้าใจดนตรีจริง ๆ
การกลับมาเยือนประเทศไทยของ Simple Plan ในครั้งนี้ มีอะไรที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่เรื่องของอายุของทุกคนที่มากขึ้นตามกาลเวลา แต่เป็นเรื่องของเอเนอร์จีในการแสดงดนตรี ที่ทำให้เราได้เห็นว่า บางครั้งรูปแบบหรือสิ่งต่าง ๆ ที่เราวัดจากสายตา แล้วมันดูเป็นอะไรที่แสนธรรมดา สุดท้ายสิ่งนั้นก็อาจสร้างอะไรที่เซอร์ไพรส์และเพอร์เฟกต์ขึ้นมาได้
เครดิตภาพ: Defiance Entertainment team (RQ777)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส