จบไปเป็นที่เรียบร้อยกับเทศกาลดนตรีที่มาพร้อมไลน์อัปสุดร้อนแรง ‘Road to Sonic Bang 2023’ ซึ่งต้องบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามาก ๆ เพราะด้วยไลน์อัปที่หลากหลาย จัดกันมาแบบเต็มอิ่มทั้งไทย เอเชีย และสากล มีทั้งศิลปินที่เคยมาแสดงไทยแล้วหลายรอบแต่ก็อยากดูแล้วดูอีกอย่าง ADOY หรือ LANY ที่เป็น headliner และก็มีศิลปินที่เพิ่งมาแสดงในไทยเป็นครั้งแรกอย่าง Nulbarich , UMI , VALLEY , Burnout Syndromes และ lullaboy ซึ่งแฟน ๆ ของแต่ละศิลปินต่างก็ดีใจเพราะคงไม่คิดว่าจะได้เห็นศิลปินที่ตัวเองชอบมาเล่นแบบสด ๆ  และนี่ล่ะที่ทำให้งานนี้เป็นเทศกาลดนตรีที่ชวนฟินไม่น้อยเลย

เปิดโชว์ด้วยศิลปินรายแรกคือ ‘lullaboy’ หรือ ‘เบอร์นาร์ด ดินาตา (Bernard Dinata)’ นักร้อง นักแต่งเพลงมากความสามารถ เชื้อสายอินโดนิเซีย-จีน หนึ่งในศิลปินอิสระที่ชาวเอเชียพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้ ‘lullaboy’ มาพร้อมกับแนวดนตรีป๊อปที่ผสานกับอาร์แอนด์บีบนเนื้อหาของเพลงแบบคนคลั่งรักและทำนองที่ฟังง่ายติดหู ทำให้โชว์ของ  ‘lullaboy’ เป็นการเปิดเวทีได้อย่างกลมกล่อมกับโชว์แรกของหนุ่มคนนี้ที่สร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ ชาวไทยกันไป

ถัดมาคือวงดนตรีเจร็อกที่น่าจับตามอง ‘Burnout Syndromes’ ที่มาพร้อมการแสดงที่เปี่ยมไปด้วยพลัง เพลงของวงถูกใช้เป็นเพลงประกอบอนิเมะมากมายหลายเรื่อง สำหรับแฟน ๆ ที่ชื่นชอบอนิเมะก็ฟินกันไปอย่างแน่นอน  พอได้ฟังเพลงของ Burnout Syndromes แบบสด ๆ ผ่านท่วงทำนองร็อกที่เปี่ยมพลัง ก็ทำให้โชว์นี้เป็นโชว์ที่น่าประทับใจและสะใจแฟน ๆ ชาวไทยอย่างยิ่ง

ต่อมาก็ถึงคิวของ ‘HYBS’ วงไทยเพียงหนึ่งเดียวในไลน์อัปของงานนี้ เพลงของ ‘HYBS’ มีความสดฉ่ำ ฟังสบาย และชวนโยกตามได้แบบเพลิน ๆ เวลาได้ฟังก็สดชื่นทุกครั้ง พอได้มาฟังวงเล่นสด ๆ ครั้งใดก็ฟินไปทุกครั้งเหมือนกัน ‘HYBS’ เป็นวงที่เล่นสดได้สนุกมาก เพลงฮิตทั้งหลายของวง ไม่ว่าจะเป็น  “Killer” “Go Higher” “Dancing With My Phone” “Ride” หรือแม้แต่ซิงเกิลใหม่อย่าง “Tip Toe” พอได้มาฟังแบบสด ๆ แล้วมันอิ่มจริง ๆ วงแสดงได้อย่างเปี่ยม energy และทำให้บทเพลงมีพลังมีชีวิตชีวาจริง ๆ

และต่อมาก็ถึงเวลาที่ Nulbarich  วงดนตรีอินดี้จากญี่ปุ่นที่ผสานท่วงทำนองดนตรีอาร์แอนด์บี โซล ฟังก์ ร็อก ป๊อปให้เข้ากันอย่างกลมกล่อมลงตัวสุด ๆ เชื่อว่าวงนี้คือวงที่หลายคนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ชมการแสดงมาเป็นเวลานาน ดังนั้นการเห็นชื่อ Nulbarich อยู่บนไลน์อัพจึงเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์อยู่ไม่น้อย  Nulbarich เริ่มต้นโชว์ด้วยการที่ JQ ฟรอนต์แมนของวง กล่าวทักทายและแบ่งปันแง่คิดดี ๆ  เกี่ยวกับคำแนะนำของแม่ของเขาที่กล่าวเอาไว้ว่าชีวิตนั้นก็เหมือนกับ ‘ลูกอมที่มีทั้งรสเปรี้ยวและรสหวาน’ ซึ่งแน่นอนว่านี่คือปฐมบทเข้าสู่เพลง “Sweet and Sour” หนึ่งในเพลงอันไพเราะของวงและถ้าใครเคยฟังเวอร์ชันสดของเพลงนี้ก็จะรู้เลยว่ามันเป็นเพลงที่เหมาะแก่การเปิดโชว์มาก ๆ แต่แล้วทันใดก็มีเรื่องเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาทางเทคนิคทำให้เสียงเงียบไป JQ และ Nulbarich ต้องพยายามแก้สถานการณ์ด้วยการบรรเลงดนตรีแบบไม่มี speaker รอไปก่อน จนผู้จัดต้องออกมาประกาศหยุดกลางคันเพื่อแก้ปัญหา ทำให้โชว์เกิดความล่าช้าไปนานร่วมชั่วโมง หลังจากนั้น Nulbarich ก็ได้กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง

JQ ไม่ยอมให้บรรยากาศเสีย เตรียมพร้อมแสดงให้แฟน ๆ ที่รอเขาอยู่ได้ชมการแสดงที่ดีที่สุด “นี่คงเป็นช่วงเวลาของชีวิตที่มีรสเปรี้ยวสินะ” JQ ใส่อารมณ์ขันเข้าไปในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและเชื่อมโยงปัญหาให้เข้ากับปรัชญาชีวิตในบทเพลง “Sweet and Sour” แต่น่าเสียดายด้วยเวลาที่ล่าช้าทำให้ต้องข้ามเพลงนี้ไป (และเชื่อว่าน่าจะมีเพลงถูกตัดออกไปอีกจำนวนหนึ่ง) ทำให้เพลงแรกของโชว์คือเพลง “It’s Who We Are” หนึ่งในเพลงฮิตของวงผลงานจากอัลบั้มชุดที่ 2 ‘H.O.T.’ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังความสดชื่น Nulbarich มาพร้อมกับความสดฉ่ำและลูกเล่นลีลาในแต่ละไลน์ดนตรี ทำให้แฟน ๆ ลืมช่วงเวลาที่ต้องรอและกลับมาสู่โชว์ได้อย่างไม่มีปัญหาจากนั้น Nulbarich ก็บรรเลงเพลงฮิตอย่าง “Reach Out,” “Step It,” “A Roller Skating Tour” และอื่น ๆ ได้อย่างไร้ที่ติ และแน่นอนว่า “NEW ERA” เพลงฮิตจากอัลบั้มแรก ‘Guess Who?’ ก็ต้องถูกนำมาบรรเลงอย่างแน่นอน ซึ่งเวอร์ชันแสดงสดของ “NEW ERA” ได้เพิ่มกลิ่นอายของร็อกและจังหวะที่ช้าลงแต่หนึบแน่นขึ้นเมื่อเทียบกับต้นฉบับ ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับพลังอันสดใหม่จากเพลงนี้

โชว์ของ Nulbarich มาแบบอลังมีทั้งแบนด์ที่ครบเครื่องและวิดีโอประกอบที่สร้างอรรถรสในการชมอย่างมาก ทำให้เป็นโชว์ที่เพลินมาก ๆ และในที่สุดก็ถึงเวลาปิดโชว์ด้วยบทเพลง “TOKYO” ที่มาพร้อมท่วงทำนองที่สวยงาม จบการแสดงได้อย่างงดงามสะท้อนปรัชญาวะบิ-ซะบิของญี่ปุ่นที่ว่าด้วยการยอมรับในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดปัญหาและพบความไม่สมบูรณ์แต่เมื่อเรายอมรับและเรียนรู้อยู่กับมันเมื่อนั้นความงามจะปรากฏ และโชว์ของ Nulbarich ก็บ่งบอกสิ่งนี้ได้เป็นอย่างดี

ต่อมาคือเวลาของ ‘VALLEY’ วงอินดี้ป๊อปจากแคนาดา ที่มาพร้อมการแสดงสุดประทับใจใส่เต็มที่ energy เพียบ วงขนเอาเพลงเพราะ ๆ มาเพียบ  การแสดงของวงมุ่งเน้นไปที่การแสดงของนักดนตรีไม่มีกราฟิกหรือวิดีโอประกอบใด ๆ แต่วงก็มีพลังที่เร้าใจและสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทำให้ผู้ชมรู้สึกมีชีวิตชีวาและสนุกไปกับเพลงของพวกเขา มีช่วงเวลาน่ารัก ๆ ที่วงลงมาเอาป้ายที่แฟน ๆ เขียนไว้ขึ้นมาบนเวที  คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ ‘VALLEY’ ในประเทศไทย และเป็นการปิดท้ายทัวร์ของพวกเขาอย่างน่าประทับใจ ทิ้งความประทับใจไม่รู้ลืมที่ผสมผสานความเข้มข้นในดนตรีเข้ากับเสน่ห์โดยธรรมชาติของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเชื่อว่านี่จะเป็นครั้งแรกแต่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายในไทยของวงอย่างแน่นอน (ติดตามบทสัมภาษณ์ของวงได้ที่ Beartai Buzz เร็ว ๆ นี้)

ต่อมาคือแสดงที่น่าประทับใจของ ‘ADOY’ วงอินดี้ป๊อปจากประเทศเกาหลีที่ไม่ว่าจะมาเล่นในไทยกี่ครั้งก็ยังประทับใจเหมือนเดิม ทิ้งความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับทุกคนที่รู้สึกโชคดีที่ได้ชมการแสดงของพวกเขา บรรยากาศอบอวลไปด้วยพลังอันเปี่ยมล้นในขณะที่ ADOY ถ่ายทอดบทเพลงของพวกเขาอย่างเต็มที่ ความมีชีวิตชีวาและความสวยงามในเสียงเพลงของพวกเขา ได้ดึงดูดประสาทสัมผัสและทิ้งรอยประทับไว้ในหัวใจของผู้ฟัง ทุกเสียงทุกท่วงทำนอง แสงสีและภาพกราฟิกประกอบช่วยสร้างอรรถรสและบรรยากาศของการแสดงดนตรีของ ADOY ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้เสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติของวง ทำให้พวกเขาเป็นที่รักของผู้ชม สร้างบรรยากาศแห่งความสุขอย่างแท้จริงให้กับทุกโชว์ที่วงได้แสดงในไทย

จากนั้นศิลปินสาว ‘UMI” ก็เป็นศิลปินคนต่อไปที่ขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับโปรดิวเซอร์สาวเพื่อนรักของเธอ บนเวทีของ UMI ไม่มีอะไรมากนอกจากโต๊ะและ laptop กีตาร์หนึ่งตัวและไมค์ร้องที่ประดับด้วยเถาไม้สีเขียว UMI มาพร้อมกับความสดชื่นและพลังอันเป็นธรรมชาติในตัวของเธอ กับเสียงร้องในสไตล์อาร์แอนด์บีและท่วงทำนองที่ไพเราะ เพียงแค่นี้ก็สะกดใจแฟน ๆ ได้อย่างสบายแล้ว สิ่งที่น่าว้าวในงานเพลงของ UMI คือเนื้อร้องของเธอที่มีเนื้อร้องภาษาญี่ปุ่นผสมเข้าไปด้วยในหลายบทเพลง  (ทำให้ส่วนหนึ่งรู้สึกคล้าย ๆ กับกำลังฟัง Utada Hikaru อยู่) เซตเพลงของ UMI มีทั้งเพลงของเธอและเพลงคัฟเวอร์เพราะ ๆ อย่าง “Best Part” ที่แฟนเพลงร้องตามกันสุดเสียง หลากบทเพลงของ UMI มาพร้อมท่วงทำนองที่ไพเราะฟังสบายพร้อมเนื้อหาที่น่าประทับใจเป็นการมองโลกในด้านงดงามมอบพลังบวกให้ผู้ฟังไปแบบเต็ม ๆ นอกเหนือจากความสามารถทางดนตรีของเธอแล้ว ท่าทางที่น่ารักของ UMI ยังเปล่งประกายเมื่อเธอมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม เล่นและยิ้ม ชวนพูดชวนคุย ทำให้เธอเป็นที่รักของทุกคนได้อย่างง่ายดาย และทำให้เราหลงรักเธอไปเลยหลังจากได้ชมการแสดงของเธอในครั้งนี้

และแล้วก็ถึงเวลาของ ‘LANY’ headliner ของเทศกาลดนตรีนี้ที่มาพร้อมกับความร้อนแรงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แฟน ๆ  ต่างสนุกสนานไปกับการผสมผสานเซตลิสต์ด้วยทัพเพลงฮิตของวง ครบถ้วนทุกท่วงทำนอง ทุกอารมณ์ ทุกความประทับใจในบทเพลงของ LANY ที่เล่นแบบ non-stop จัดเต็ม เล่นแบบเหมือนจะไม่กลับบ้านแล้วคืนนี้ และยังมีช่วงเวลาที่ Paul กระโจนลงไปในท่ามกลางฝูงชน จมดิ่งลงไปท่ามกลางแฟน ๆ จนแทบจะกลับขึ้นเวทีไม่ได้ การเรียบเรียงเพลงของ LANY มีความพิถีพิถัน มีเพลงที่หลากหลายและแสดงได้อย่างไม่มีที่ติ พูดได้ว่าทุกแง่มุมของโชว์นี้คุ้มค่าอย่างยิ่ง มอบประสบการณ์ทางดนตรีที่จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของแฟน ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย

โดยสรุปแล้ว คอนเสิร์ต ‘Road to Sonic Bang 2023’ เป็นประสบการณ์ทางดนตรีที่น่าประทับใจ ด้วยการแสดงที่หลากหลาย มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ได้สัมผัสพลังที่แท้จริงของการแสดงและเสน่ห์ของแต่ละศิลปินที่ทำให้เทศกาลดนตรีนี้เป็นที่น่าจดจำ

ขอขอบคุณภาพจาก

HYBS

VALLEY

LANY

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส