สาวน้อย Ado ที่เริ่มต้นร้องเพลงในตู้เสื้อผ้า สู่นักร้องศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ที่ได้ขึ้นแสดงคอนเสิร์ตบนเวทีอย่าง National Stadium (Kokuritsu Kyogijo) เวทีจัดแสดงโชว์คอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ด้วยอายุเพียง ‘21 ปี’ หลังจากเริ่มต้นเป็นนักร้องในวงการเพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น รวมถึงล่าสุดกับการประกาศจัดคอนเสิร์ต World Tour ‘Wish’ ในประเทศไทย ประเทศแรกในโลก (นอกจากญี่ปุ่น) ที่จะได้ฟังเสียงสด ๆ ของเธอบนเวทีกัน และถึงแม้เธอจะไม่เคยเปิดเผยตัวตนของเธอมาก่อนแต่วันนี้เราจะมารู้จักกับความเป็นตัวเธอกัน
เธอคือ อาโดะ (Ado) นักร้องจากค่าย Universal Music ที่มีชื่อเสียงมาจากการเป็น Utaite หรือนักร้องเพลงคัฟเวอร์ที่ไม่เปิดเผยหน้าตา เธอมีพลังเสียงอันเหลือล้น และหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เสียงของเธอนั้นได้ยินแล้วกระแทกหู จนติดหูในทันที
ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ใครที่ติดตามวงการเพลงญี่ปุ่น ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของเธอกันบ้าง กับความสามารถเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ และเทคนิคการร้องโหดเกินอายุ บวกกับเพลงที่ส่งพลังให้เธอดังเป็นพลุแตกภายในไม่กี่ปี นี่คือนักร้อง J-POP ที่หลายคนจับตามอง และหลายคนพูดว่า นี่แหละ คือว่าที่ราชินีแห่ง J-POP ยุคใหม่
ฉันได้รู้จักกับการละเล่นเคียวเก็น (Kyogen) แล้วได้รู้จักถึงตัวละครหลัก (ชิเตะ) และตัวละครซัปพอร์ต (อาโดะ) ฉันชอบคำว่า อาโดะ มาก แล้วรู้สึกว่าการเป็น อาโดะ ที่ซัปพอร์ตชีวิตของใครสักคนก็คงจะดีไม่น้อยเลยค่ะ – อาโดะ
อาโดะพูดถึงที่มาของชื่อของเธอ
“Usseewa (うっせぇわ) – หุบปากซะ” เพลงที่ทำให้เธอผู้นี้เป็นกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์ เป็นกระแสเทรนด์ที่เรียกได้ว่าดังที่สุดในญี่ปุ่นของปี 2021 เลยทีเดียว ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่เธอ Debut กับค่าย Universal Music เป็นครั้งแรก กับโปรดิวเซอร์เพลง Vocaloid ที่มีชื่อเสียงอย่าง Syudou ออกมาเป็นผลงาน Usseewa ที่ทำให้คนทั่วทั้งญี่ปุ่น และทั่วโลกได้รู้จักกับเธอผู้นี้มากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก
แต่เส้นทางการเป็นนักร้องของเธอไม่ได้เริ่มต้นที่ Universal Music แต่ต้องย้อนกลับไปในปี 2018 ซึ่งเธอเริ่มอัปโหลดเพลงคัฟเวอร์ต่าง ๆ ลงเว็บไซต์ NicoNico (เหมือนเป็น YouTube ของญี่ปุ่น) โดยเพลงแรกที่เธอเลือกทำนั้นคือเพลง Kimi no Taion – 君の体温 (หัวใจของเธอ) เป็นเพลง Vocaloid ร้องโดย Hatsune Miku ซึ่งจริง ๆ แล้วอาโดะเองเป็นแฟนเพลง Vocaloid และเริ่มสนใจในการร้องเพลงเพราะ Vocaloid ด้วยนั่นเอง
จริง ๆ สายเลือดแห่งดนตรีนั้นอยู่กับเธอมาตั้งแต่เด็ก คุณพ่อของอาโดะเองเป็นแฟนเพลงของวง Queen และ KISS (ไม่แปลกใจทำไมเสียงของน้องถึงทรงพลังขนาดนี้) โดยคุณพ่อของเธอก็จะเปิดเพลงของทั้งสองวงฟังอยู่บ่อยครั้ง แต่พอเธอโตมาช่วงอายุ 10 ปีกว่า ๆ เธอก็มีเพลงของ Vocaloid และ เพลงประกอบการ์ตูน Disney อย่างซินเดอเรลลา เป็นที่โปรดปรานของเธอด้วย
อาโดะเริ่มฝึกร้องเพลงด้วยตัวของเธอเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือร้านคาราโอเกะ โดยที่ไม่มีใครสอนเธอเลย รวมถึงเธอเองก็ไม่เคยเข้าโรงเรียนสอนร้องเพลงด้วย ทั้งหมดเธอเรียนรู้ด้วยการลองผิดลองถูกของตัวเอง จนกระทั่งเธอเริ่มอัปโหลดผลงานของตัวเองลงอินเทอร์เน็ต ผ่านเว็บไซต์ NicoNico เป็นครั้งแรก เธอก็ยังทำห้องอัดเสียง และมิกซ์ทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยที่ไม่รู้ว่าถูกผิดอย่างใด รู้แค่ว่าเธออยากจะทำให้มันออกมาดีที่สุด แต่ที่น่าสนใจคือ เธอใช้ “ตู้เสื้อผ้า” ของตัวเองเป็นห้องอัดเสียง เธอเอาเสื้อผ้า และข้าวของด้านในออกจนหมด และติดแผ่นซับเสียงทำเป็นห้องอัดเสียง และเธอก็บันทึกเสียง รวมไปถึงมิกซ์ทุกอย่างด้วยตัวเองเธอเองทั้งหมด ออกมาเป็นเพลงเพลงแรก “Kimi No Taion” อัปโหลดลงบนเว็บ NicoNico
ภาพตู้เสื้อผ้าของเธอ ก่อนที่ภายหลังจะถูกนำมาใช้เป็นปกอัลบั้ม Utattemita (ภาพวาด)
เธอเริ่มต้นคัฟเวอร์เพลง Vocaloid และอีกมากมายภายใต้ชื่อ “Ado” และใช้ตัวละครภาพวาดแทนตัวตนจริงของเธอ โดยภาพตัวละครของเธอวาดโดยคุณ Orihara ผู้เป็น Illustrator มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง และถึงแม้เธอจะมีชื่อเสียงมากมายในปัจจุบัน เธอก็ยังคงเก็บตัวตนที่แท้จริงของเธอเป็นความลับ
“ดอกกุหลาบสีฟ้า” ถูกใช้แทนสัญญาลักษณ์ประจำตัวของ Ado โดยเริ่มมาจากที่ในญี่ปุ่นนั้น ดอกกุหลาบสีฟ้ามีความหมายว่า “ฝันที่เป็นจริง” มาจากการที่ก่อนหน้าปี 2002 ไม่มีการพบเห็นของกุหลาบสีฟ้าในธรรมชาติมาก่อน จนกระทั่งในทางวิทยาศาสตร์สามารถทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ จึงเป็นที่มาของความหมายนี้ โดย Ado เธอชอบความหมายนี้มาก เธอเลยชอบกุหลาบสีฟ้ามากนั่นเอง และก็เป็นที่บังเอิญ ที่ Ado เองก็เกิดในปี 2002 เช่นกัน
หลังจากที่เธอเริ่มอัดเพลงคัฟเวอร์ของตัวเองลงช่องเรื่อย ๆ เธอก็เริ่มได้รับความสนใจจากโปรดิวเซอร์ และนักทำเพลงหลากหลายคน จนกระทั่งในปี 2020 เธอก็ไปเตะตาค่ายเพลงใหญ่อย่าง Universal Music ซึ่งเธอก็ตกลงเซ็นสัญญา และเริ่มโปรเจกต์แรกกับ Syudou โปรดิวเซอร์ที่ถนัดทำเพลง Vocaloid อย่างมาก ออกมาเป็นเพลง “Usseewa (うっせぇわ) – หุบปากซะ” นั่นเอง
เพลง Usseewa เป็นเพลงที่ทำให้เธอนั้นมีชื่อเสียงแบบก้าวกระโดดมาก แถมเพลงนี้เป็นหนึ่งในเทรนด์ที่ดังที่สุดในญี่ปุ่นประจำปี 2021 อีกด้วย โดยเพลงนี้มีความสำคัญกับเธอมาก แม้กระทั่งวันที่ปล่อยเพลงนี้ก็ปล่อยก่อนวันเกิดของเธอ 1 วัน (อาโดะเกิดวันที่ 24 ตุลาคม) ซึ่ง ณ วันที่ปล่อยเพลงเธอมีอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น โดยเพลงนี้ก็ถูกส่งขึ้นไปอันดับหนึ่งของ Billboard Japan ทันที ตามด้วยชาร์ตของ Oricon, และ Spotify Viral ในเวลาไม่นาน
หลังจากนั้นเพลงที่ออกมาอีกหลายเพลงของอาโดะอีกหลายเพลงก็ติดกระแสอยู่อีกหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น Odo, Readymate และ Gira Gira ซึ่งล้วนแต่เป็นลิสต์เพลงในอัลบั้มแรก “Kyogen” ทั้งสิ้น ซึ่งแต่ละเพลงของเธอก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จากยอดวิวใน YouTube และยอดสตรีมในแต่ละแพลตฟอร์ม มากถึงกับขนาดที่ในปี 2021 เธอได้รับเลือกให้เป็น Spotlight Artist “YouTube’s Artist on the Rise” ของ YouTube และได้รับรางวัล ศิลปินใหม่เอเชียมาแรงของ MAMA Awards
ในปีถัดมา ความโด่งดังของเธอก็ยิ่งทวีคูณจากโปรเจกต์อนิเมะ One Piece Film: Red ที่เธอไปพากย์เป็นเสียงร้องให้กับตัวละคร อุตะ (Uta) หรือ “เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง” โดยมีเพลงที่แต่งประกอบให้กับเรื่องนี้เป็นอัลบั้ม ชื่อว่า Uta’s Songs: One Piece Film Red ซึ่งเป็นลิสต์รวมเพลงทั้งหมดที่ปรากฏในเรื่อง ซึ่งเรียกได้ว่าหลายคนโดนเธอตกจากอนิเมะเรื่องนี้กันเลยทีเดียว ซึ่งในปีเดียวกันเธอก็ได้รวมซิงเกิลต่าง ๆ ออกเป็นอัลบั้มแรก “Kyogen” ด้วย
โดยผลงานล่าสุดที่น่าสนใจของเธอล่าสุดก็คงจะเป็นการ collab กับหนึ่งในศิลปิน K-POP แห่งยุคอย่าง Le Sserafim ในเพลง Unforgiven เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น, เพลง Kura Kura เพลงเปิดอนิเมะ Spy X Family Season 2 และโปรเจกต์ธีม Halloween ของ Universal Studio Japan ที่มีเพลง “Show” ของเธอเป็นเพลงธีมประจำอีเวนต์ และเป็นเทรนด์ท่าเต้นที่มาแรงมากในญี่ปุ่นจนถึง ณ ตอนนี้
Ado มีความฝันว่าอยากจะเล่นคอนเสิร์ตในบนเวทีขนาดใหญ่ เธอบอกว่านั่นคือความปรารถนาอันดับ 1 ของเธอเลย ซึ่งไม่นานหลังจากเดบิวต์แล้ว ความฝันของเธอก็เป็นจริงเป็นครั้งแรก เธอได้ขึ้นร้องแสดงสดบนเวที Zepp DiverCity ต่อหน้าแฟน ๆ หลายร้อยคนเป็นครั้งแรก เมื่อช่วงเดือนเมษายนของปี 2022 ซึ่งหลังจากนั้นเธอก็ได้เริ่มเดินทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่ในประเทศเป็นครั้งแรก กับคอนเสิร์ต “Shinkiro” กว่า 10 รอบ เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 จนกระทั่งต้นปี 2023 และก็มีทัวร์ที่สองเกิดขึ้นอีก กับทัวร์ Mars ตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงกลางปี 2023 ที่ผ่านมา แต่ล้วนก็เป็นคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น
แล้วความฝันที่เป็นจริงของเธอก็เกิดขึ้นซ้ำอีก แถมยังมีสเกลที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เธอจะกลายเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกของญี่ปุ่นที่ได้ขึ้นแสดงบนเวทีขนาดที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง National Stadium ซึ่งมีกำหนดจะจัดแสดงช่วงเดือนเมษายนปี 2024 นี้
โดยล่าสุดหลังจากประกาศวันปล่อยอัลบั้มที่สองอย่าง “Utattemita” ไป เธอก็ได้ประกาศ World Tour เป็นครั้งแรก กับคอนเสิร์ต “Wish” ซึ่งจะเป็นการออกมาแสดงคอนเสิร์ตนอกประเทศครั้งแรกของเธอ และเดินสายไปทั่วโลกทั้ง อเมริกา ยุโรป และแน่นอนว่าแถบเอเชีย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประเทศไทย ซึ่งเธอเลือกให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่จะได้ดูคอนเสิร์ตของเธอนอกประเทศญี่ปุ่นด้วย (พลังแห่งผัดไทยยยยย)
ใครที่เป็นแฟนเพลงของเธอ หรือฟังบ้างอยู่ ก็แนะนำให้ลองไปสัมผัสถึงเสียงร้องสด ๆ ของเธอสักครั้ง ถึงพลังเสียงที่ทรงพลัง และเป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้! โดยบัตรจะเริ่มจำหน่ายบนเว็บไซต์ Thaiticketmajor.com วันที่ 23 ธันวาคมนี้ และคอนเสิร์ตจะจัดที่ Thunder Dome วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024 นี้นั่นเอง อย่าพลาดจริง ๆ
อ้างอิง Wikipedia, Artist on the Rise: Ado, UnGato SinTacto
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส