เจมส์ อาเธอร์ (James Arthur) นักร้อง-นักแต่งเพลงชาวอังกฤษ เจ้าของฉายา ‘เจ้าพ่อเพลงอกหัก’ บินตรงมาเปิดคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกที่ประเทศไทย เมื่อวันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2023 ณ ยูเนียนฮอลล์ อาเธอร์มาพร้อมทัวร์ที่ใช้ชื่อว่า ‘JAMES ARTHUR SOUTH EAST ASIA TOUR 2023’ ซึ่งฝากความประทับใจให้กับแฟนเพลงชาวไทยอย่างมาก
เวลาประมาณ 20.30 น. เมื่อแสงไฟในยูเนียนฮอลล์ค่อย ๆ ดับลง อาเธอร์ก็ปรากฏตัวพร้อมกับเพลง “You’re Nobody til Somebody Loves You” ซึ่งมีความพิเศษก็คือท่อนเอาต์โทรมีการปิดจบด้วยเพลง “Cry Me River” ของ จัสติน ทิมเบอร์เลก (Justin Timberlake) นักร้องวัย 35 ปี กล่าวทักทายแฟนเพลงชาวไทยครั้งแรกหลังจบเพลงว่า
“ผมยินดีมาก ๆ ที่ได้มาเล่นที่นี่ แม้ตอนนี้ผมจะมีอาการเจ็ตแล็กเล็กน้อย หลังบินมานานหลายชั่วโมง”
แน่นอนมาเยือนไทยครั้งแรกทั้งที งานนี้อาเธอร์เลยขอรัวเพลงฮิตใส่แฟน ๆ ไม่ยั้ง ไล่ตั้งแต่ “Blindside”, “Falling Like the Stars”, “Can I Be Him”, “Rewrite the Stars”, “Train Wreck”, “Naked”, “Last of the Whiskey”, “Empty Space”, “Sermon”, “September”, “A Year Ago”, “Sun Comes Up”, “Impossible”, “Just Us” และ “Car’s Outside”
ช่วง encore เพลงแรกอาเธอร์เลือกหยิบ “Lasting Lover” ผลงานที่เขาร่วมทำกับ Sigala มาบรรเลง พร้อมเปิดใจว่า
“นี่คือเรื่องแปลก เพลงนี้เป็นเพลงที่ไม่ใช่ซิงเกิลและไม่ได้อยู่ในอัลบั้มไหนเลย แต่มันก็โด่งดังขึ้นมา งานนี้ต้องขอบคุณ TikTok และพวกคุณทุกคน”
อาเธอร์ปิดโชว์ของตัวเองในครั้งนี้ด้วยเพลงฮิตสุดของตัวเองอย่าง “Say You Won’t Let Go” เป็นอันปิดคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทยอย่างสมบูรณ์
ภาพรวมของโชว์ แม้อาเธอร์จะดูล้าจากการเดินทางอย่างเห็นได้ชัด แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความทุ่มเทใส่เต็มของอาเธอร์ชนิดเกินลิมิตร่างกายตัวเอง สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในโชว์นี้ก็คือ การบิลต์อัปบรรยากาศให้แฟน ๆ ได้มีอารมณ์ร่วมไปกับโชว์ของเขา ความน่าทึ่งก็คืออาเธอร์สามารถเนรมิตได้ตั้งแต่ห้วงอารมณ์ที่ชวนลุกขึ้นมาเต้น จนถึงการสร้างไวบ์แบบเหงาจับใจ เขาก็สามารถดึงความรู้สึกเหล่านั้นของคนดูจากล่างสุดขึ้นมาบนสุดได้แบบเป็นธรรมชาติ ไม่ดูพยายามจนเกินไป ประกอบกับสุ้มเสียงแหบทรงเสน่ห์ของเขา ก็เป็นอีกหนึ่งอาวุธที่เข้าโจมตีกำแพงความรู้สึกของคนดู จนก่อร่างสร้างตัวเป็นความประทับใจที่สลักอยู่ในความทรงจำของผู้คนในฮอลล์
แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบเลยของโชว์นี้ คือการปล่อยเดดแอร์ระหว่างเพลงนานเกินไปของเจ้าตัว ซึ่งทำให้ความต่อเนื่องและอรรถรสในการรับชมถูกลดทอนไปอย่างน่าเสียดาย
โชว์ในครั้งนี้คล้ายกับโชว์แบบเครื่องยนต์ดีเซล ที่แม้ออกตัวไม่แรง แต่ระยะไกลก็สามารถเร่งสปีดแซงหน้าได้แบบเหนือ ๆ นี่คือโชว์ที่อาเธอร์อาศัยประสบการณ์ที่สะสมผ่านหลักไมส์ของเขา มาสะท้อนให้เราเห็นว่า บางครั้งโชว์ที่ดีไม่จำเป็นต้องหวือหวา หรือเอาแต่พึ่งพาองค์ประกอบด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อช่วยให้โชว์ดูมีอะไรขึ้นมา แต่การบิวต์อัปอารมณ์ของคนดูให้อยู่บนจุดสูงสุดได้ด้วยเสียงร้องของตัวเองเนี่ยแหละ คือกุญแจไขสู่โชว์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส