จบกันไปแล้ว สำหรับคอนเสิร์ตสุดมันส์จากแรปเปอร์รุ่นใหญ่ระดับตำนาน ‘50 Cent’ กับการเยือนประเทศไทยในรอบ 17 ปี พร้อมโชว์ที่ใช้ชื่อว่า ’50 Cent The Final Lap Tour in Bangkok’ โชว์รวมเพลงฮิตจากเดบิวต์อัลบั้ม Get Rich or Die Tryin’ และแทร็กยอดฮิต เมื่อวันอังคารที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี งานนี้บรรยากาศอิมแพ็คเต็มไปด้วยเหล่าสาวก Bling Era Hip-hop ที่แต่งตัวจัดเต็ม ชวนให้นึกถึง RCA ยุครุ่งเรืองจริง ๆ
50 Cent อุ่นเครื่องแลปแรกของโชว์ด้วย “I’m On Some Shit” เพลงสุดปังเมื่อครั้งร่วมงานกับแก๊ง G-Unit โยกมันส์ไปกับเพลงฮิตจากอัลบั้ม Get Rich or Die Tryin’ ไม่ว่าจะเป็น “What Up Gangsta” และ “If I Can’t”
แลปที่ 2 เปิดมาแบบเอาใจวัยรุ่นสุด ๆ เพราะเพลงฮิตของแท้รวมกันอยู่ที่นี่ เปิดตัวด้วย “P.I.M.P” และ “Candy Shop” พร้อมเหล่าแดนเซอร์สุดแซ่บ เพิ่มดีกรีความร้อนแรงให้กับการแสดงบนเวทีในค่ำคืนนั้น ก่อนจะปิดท้ายแลปสุดท้ายไปด้วยเพลงดัง “Big Rich Town”, “The Woo” และ “In Da Club” ที่นอกจากจะมีเพลงของ 50 Cent แล้ว แขกรับเชิญพิเศษอย่าง Jeremih ยังโชว์ผลงานเพลงฮิตของตัวเองอย่าง “Birthday Sex” เรียกเสียงกรี๊ดกระหน่ำฮอลล์จากแฟน ๆ ปิดท้ายด้วยอังกอร์ชุดใหญ่ นำโดยเพลง “Hate Being Sober” ส่งท้ายค่ำคืนสุดเดือดของเหล่าสาวกฮิปฮอป จัดเต็มให้สมกับการรอคอยตลอด 17 ปีของแฟน ๆ 50 Cent
ภาพรวมของโชว์ แม้ 50 Cent จะอายุใกล้จะแตะเลข 5 แล้ว แต่เรื่องพลังในการแรปพี่แกยังเหลือเฟือ ไดนามิกเวลาไรม์เจ้าตัวเน้นน้ำหนักดังเบาได้ชัดออกมาเป็นธรรมชาติ ไหลลื่น สมกับที่เป็นเจ้าพ่อฮิปฮอปคนหนึ่งของวงการ ด้านของดนตรีไฮไลต์ของโชว์ในครั้งนี้คือการหอบเอาเครื่องดนตรีสดมาแสดงด้วย ซึ่งทำให้ดนตรีมีความเป็นโชว์สดมากขึ้น มีความเป็นธรรมชาติ สังเกตได้จากท่อน kick ต่าง ๆ มีการทำ arrangement ให้เป็นเวอร์ชันสด ทำให้ดนตรีของ 50 Cent ดูมีสีสัน ดูมีความเป็นวัยรุ่นมากขึ้น เรียกได้ว่าดนตรีวงนี้ช่วยชะลอวัยให้พี่แกได้เยอะทีเดียว
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ arrangement ของโชว์ในครั้งนี้ ทั้งหมด 30 กว่าเพลง เลือกที่จะเรียบเรียงมาแบบ ‘เพลย์เซฟ’ ไปหน่อย ไม่ซิ่ง ไม่ดูซุกซนเหมือนดนตรีฮิปฮอปวัยรุ่นสมัยนี้ ที่จะมีท่อนซอยยิบย่อยเต็มไปหมดจนแทบจะไม่เหลือช่องว่างทางดนตรี เพลงเดียวของโชว์นี้ที่ทำดนตรีออกมาในลักษณะนั้น ก็คือเพลง “Ayo Technology” ที่นักดนตรีใส่ยับ ชนิดมันส์ได้ใจคนดูมาก ๆ แต่เหตุผลที่ดนตรีออกมาแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะ 50 Cent เลือกที่จะดีไซน์โชว์ออกมา ให้คงไว้ซึ่งสุ้มเสียงของดนตรีต้นฉบับ เก็บท่วงทำนองที่แฟน ๆ คุ้นชินมากกว่าจะเลือกถ่ายทอดเสียงที่แปลกหูไปจากเดิม สังเกตได้จากจำนวนของ data ที่เปิดขึ้นมา แทบจะขนมาหมดทุกแทร็กในเพลงนั้น ๆ เลยทีเดียว
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในโชว์นี้คือการแหวกขนบธรรมเนียม ประเพณีของโชว์ฮิปฮอปไป 50 Cent ไม่ได้มาแบบซุ้มดีเจ และแก๊งสี่ห้าคนคอยช่วยบิวต์อัปคนดูอย่างเดียว ครั้งนี้พี่แกมาพร้อมโปรดักชันคุณภาพ เหมือนคนดูได้ดูละครบรอดเวย์ คอนเสิร์ตมีกลิ่นอายของโชว์มากขึ้น มีฉากกั้นจำลองย่านควีนส์ ในนิวยอร์กที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา มีแดนเซอร์คอยช่วยสร้างเรื่องราว อย่างเพลง “l’m the Man” ก็มีการดีไซน์แสงสีออกมาได้แปลกหูแปลกตาดูบันเทิงมาก ๆ นี่ถือเป็นคอนเสิร์ตส่งท้ายปี ที่คล้ายกับการดื่มวิสกี้อายุ 17 ปี ที่ผ่านการหมักบ่มมาอย่างดี รสชาติสัมผัสแรกหนักแน่น แถมอบอวลด้วยกลิ่นหอมละมุนของถังไม้ เป็นรสชาติที่หาได้ยาก น่าค้นหา และคุ้มค่าต่อการได้ลิ้มลอง
ขอขอบคุณ Live Nation Tero สำหรับการอำนวยความสะดวกในโชว์ครั้งนี้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส