Coldplay เปลี่ยนค่ำคืนแสนรถติด ด้วยโชว์สุดตระการตางานสร้าง พร้อมเนรมิตท้องฟ้าของกรุงเทพฯ ให้สุกสกาว และลุกโชนไปด้วยท่วงทำนองแห่งความฝัน และแรงบันดาลใจ กับเวิลด์ทัวร์จากอัลบั้มชุดที่ 9 ‘Music of The Spheres’ ซึ่งเป็นเวิลด์ทัวร์ครั้งที่ 3 ของพวกเขาในประเทศไทย
เวลา 20.30 ตรง Coldplay ปล่อยวิดีโอที่แสดงถึงเป้าหมายของทัวร์ในครั้งนี้ ที่หวังจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ลง 50% และผลักดันเรื่องความยั่งยืนในหลาย ๆ ด้าน อย่างเช่น ริสต์แบนด์ LED ที่แจกก่อนเข้างานก็ทำจากพืช และใช้ระบบขนส่งที่ยั่งยืนตลอดทริปอีกด้วย
จากนั้นเวลาประมาณ 20.35 ทั้งสี่หนุ่มนำโดย คริส มาร์ติน (Chris Martin -ร้องนำ), จอห์นนี บัคแลนด์ (Jonny Buckland – กีตาร์), กาย แบร์รีแมน (Guy Berryman – เบส) และ วิล แชมเปียน (Will Champion – กลอง) ก็ปรากฏต่อหน้าคนดูชาวไทยครั้งแรกในรอบ 7 ปี โดยคอนเสิร์ตในครั้งนี้ Coldplay แบ่งโชว์ออกเป็น 4 ช่วง พวกเขาเปิดองก์ที่ 1 อย่าง ’Planets’ ด้วยเพลงจังหวะเร็ว ๆ อย่าง “Higher Power”, “Adventure of a Lifetime”, “Paradise” และปิดท้ายด้วยเพลงฮิตอย่าง “The Scientist”
หลังจบเพลงหนุ่มคริสโชว์ความเป็นเขยไทย ด้วยการพูดภาษาไทยหลายประโยคทั้ง “ทุกคนสวัสดีครับ เราดีใจที่ได้เจอพวกคุณ หิวไหม? ร้องด้วยกัน” แม้จะรู้ตัวว่าพูดไม่ชัด แต่คริสก็บอกว่า “ขอโทษสำหรับภาษาไทยผมด้วย โชว์ในวันพรุ่งนี้มันจะดีกว่านี้แน่นอน”
องก์ที่ 2 ‘Moons’ มีการย้ายไปโชว์ที่เวที B กับเพลงดังอย่าง “Viva la Vida”, “Hymn for the Weekend”, “Charlie Brown” และ อีกหนึ่งไฮไลต์ของคอนเสิร์ต คือการที่คริสได้ชวนแฟนเพลงชาวจีนสองคนขึ้นเวทีร่วมร้องเพลง “Up&Up” ไปด้วยกันกับเขา หลังเจ้าตัวไปสะดุดกับป้ายที่เขียนว่า “จีนรัก Coldplay Up&Up อย่ายอมแพ้นะ” แถมตอนจบเพลง คริสยังชวนให้ทุกคนภาวนา ขอให้ Coldplay ได้ไปเล่นจีนด้วย งานนี้ทำเอาไท่กั๋วหลายคนแอบมีนอยด์เล็ก ๆ แต่เข้าใจว่าพี่คริสอาจจะอยากร้อง “Up&Up” อยู่แล้ว ก่อนจะปิดท้ายองก์นี้ด้วย “Yellow” ที่เปลี่ยนราชมังฯ เป็นทุ่งสีเหลืองอร่ามงดงามอย่างมาก
องก์ที่ 3 ’Stars’ เปิดด้วย “Human Heart” ที่ทีมงานมีการแปลอักษรเป็นรูปหัวใจสีแดง ต่อเนื่องด้วยเพลง “People of the Pride” และ “Clocks” ที่มีการเล่นไฟสีเขียวอย่างสร้างสรรค์ ตามจังหวะของกลองและท่อน unision ต่าง ๆ Coldplay ยิงยาวความสนุกในช่วงนี้กับผลงานใหม่ “Infinity Sign”, “Something Just Like This”, “Midnight”, “My Universe” และปิดท้ายด้วย “A Sky Full of Stars” ที่พิเศษตรงที่หลังจบเพลง คริสขอให้ทุกคนในสนามวางโทรศัพท์ลง และร่วมร้องเพลงนี้ไปกับเขาอีกครั้ง
หลังพาทุกคนไปทัวร์จักรวาลและดวงดาวต่าง ๆ แล้ว Coldplay เรียกองก์สุดท้ายที่เปรียบเสมือน encore ว่า ‘Home’ โดยเริ่มด้วยเพลง “Sparks”, “Don’t Panic” และพิเศษสุด ๆ กับช่วงที่หนุ่มคริสสร้างเสียงหัวเราะให้กับแฟน ๆ ด้วยการร้องเพลงแต่งสด ๆ ตามภาพของแฟน ๆ บนจอในสนาม ก่อนที่ Coldplay จะปิดท้ายคอนเสิร์ตในครั้งนี้ด้วยเพลง “Fix You” และ “Biutyful” เป็นอันรูดม่านโชว์ในครั้งนี้อย่างสมบูรณ์
ภาพรวม Coldplay มาพร้อมโชว์สุดตื่นตาตื่นใจ โปรดักชันแสงสีละลานตาเหนือจินตนาการ แม้ภาคดนตรีไม่แพรวพราว แต่งานภาพ งานแสง งานพลุ สามารถใช้คำว่า “งดงามเหลือเกิน!” ยกตัวอย่างเพลง “Clocks” มีการเล่นแสงสีเขียวกับริสต์แบนของคนดู สลับไปมากับจังหวะของกลอง “Yellow” หรือ “My Universe” ก็เล่นกับสีเหลือง และสีรุ้ง ๆ ได้สอดรับกับเนื้อหาของเพลง และที่สำคัญนี่คือโชว์ศิลปินต่างประเทศที่ยิงพลุเยอะที่สุดโชว์หนึ่งของบ้านเราเลยทีเดียว
เหตุผลที่ Coldplay เลือกแสดงในสนามกีฬา เพราะพวกเขาต้องการใช้พื้นที่แนวกว้างทั้งหมด เพื่อดีไซน์งานแสงสีให้ออกมาดูยิ่งใหญ่ที่สุด และที่สำคัญคือการนำคนดูเข้าไปก็เป็นส่วนหนึ่งของโชว์ ไม่ใช่เป็นแค่คนดูเหมือนโชว์อื่น ๆ ทั่วไป
ด้าน performance ส่วนตัว คริส มาร์ติน ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่เก่งกาจ รับจบทั้งงานร้อง งานวิ่ง และงานเต้น เป็นฟรอนต์แมนที่เอาคนดูอยู่เหมือนเช่นเคย
แน่นอนอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงไม่น้อย คือจำนวนชาวต่างชาติทั้ง จีน อินเดีย และคนจากทั่วเอเชีย ที่แห่เข้ามาร่วมในคอนเสิร์ตครั้งนี้จำนวนมาก ชนิดที่ว่าพื้นที่โซนหน้าเวที B ถูกห้อมล้อมไปด้วยคนต่างชาติซะเป็นส่วนใหญ่ แถมบนเวทีผู้โชคดียังเป็นคนจีน บวกกับหนุ่มคริสก็พูดขอบคุณคนจีนก่อนคนไทยไปอีก ทำเอาหลายคนอาจจะรู้สึกเสียดายนิด ๆ ที่คอนเสิร์ตในครั้งนี้ไม่ได้ดูมีซีนของประเทศไทยมากเท่าที่ควร (ไม่รู้พี่คริสมีประเด็นแอบแฝงกับพี่จีนหรือไม่) อีกทั้งประเด็นเรื่องการจราจรที่ติดขัด การเดินทางไปสถานที่จัดงานที่ค่อนข้างลำบาก และวินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่ ที่โขกสับค่าบริการกับคนไทยและชาวต่างชาติชนิดที่ว่า “หวังรวยในวันเดียว” กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่คนดูอย่างเรา ๆ ก็ได้แต่หวังว่า การมีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีและเข้าถึงได้มากกว่านี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการไปรับชมคอนเสิร์ตที่ราชมังฯ ได้
แม้จะเป็นเอเชียทัวร์ที่ดูลากยาว เห็นแล้วก็เหนื่อยแทน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมาก ๆ ในโชว์ของ Coldplay คือพลังงานในการแสดงของพวกเขา และวิธีการสร้างความจดจำให้คนดู ด้วยงานภาพที่อัดแน่นไปด้วยความเหนือจินตนาการ แค่ไปดูการดีไซน์ไลต์ติงในเพลงต่าง ๆ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว ถือเป็นคอนเสิร์ตที่มีดีทั้งภาพ และเสียงที่เราชอบจริง ๆ
ปล. ทางทีมงานขอใช้ภาพจากโชว์ที่สิงคโปร์ก่อน ในระหว่างที่รอภาพจากศิลปินนะครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส