เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ไมเคิล เฟลโลว์ส (Michael Fellows) และ โจนาธาน แฮดเดน (Jonathan Hadden) แฟนเพลงชาวนิวยอร์กเกอร์ ได้ดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางของเขตบรูกลิน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อฟ้องร้อง มาดอนนา (Madonna) ศิลปินหญิงราชินีเพลงป๊อป บริษัท ไลฟ์เนชัน (Live Nation) ในฐานะโปรโมเตอร์ และสนามบาร์เคลย์ส เซ็นเตอร์ (Barclays Center) สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต ‘The Celebration Tour’ เนื่องจากศิลปินดังเริ่มการแสดงล่าช้าไปจากที่กำหนดไว้กว่า 2 ชั่วโมง
ล่าสุดมีรายงานอัปเดตเกี่ยวกับการฟ้องร้องในครั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ทนายความผู้เป็นตัวแทนทางกฎหมายของมาดอนนา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงสหรัฐ เขตตะวันออกของนิวยอร์ก เพื่อให้ผู้พิพากษาศาลของรัฐบาลกลางพิจารณายกฟ้องข้อกล่าวหาที่เฟลโลว์ส และแฮดเดนได้ทำการยื่นฟ้องศิลปินและผู้จัดงาน ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า “เป็นแนวปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล ขาดความยุติธรรม และ/หรือกระทำการหลอกลวง”
เมื่อวันทีี่ 17 มกราคม เฟลโลว์ส และแฮดเดน ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ทั้งคู่ได้ซื้อบัตรเข้าชมคอนเสิร์ต ‘The Celebration Tour’ ที่จัดขึ้น ณ สนามบาร์เคลย์ส เซ็นเตอร์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 13, 14 และ 16 ธันวาคม ปี 2023 จำนวนทั้งหมด 3 รอบ ซึ่งทั้งคู่ได้ซื้อบัตรคอนเสิร์ตในรอบวันพุธที่ 13 ธันวาคม ทั้งคู่ระบุในเอกสารคำฟ้องว่า ผู้ถูกร้อง (ผู้จัดคอนเสิร์ต) ได้ระบุว่าการแสดงจะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 20.30 น. แต่ผู้ร้องพบว่า กว่าที่มาดอนนาจะขึ้นเวทีเริ่มโชว์จริง ๆ ก็ปาเข้าไป 22.30 น. ล่าช้าจากกำหนดการถึง 2 ชั่วโมง และกว่าคอนเสิร์ตจะสิ้นสุด ก็กินเวลาไปจนถึง 01:00 น. ของวันถัดไป
คดีดังกล่าวตกเป็นข่าวฮือฮา หลังจากที่ผู้ร้องกล่าวหาว่าผู้ถูกร้องกระทำการละเมิดสัญญาที่มีต่อผู้บริโภค และการระบุข้อมูลใด ๆ ในสื่อ ถือเป็นการคาดการณ์ที่ทำให้เกิดความหวังต่อผู้บริโภคขึ้น เนื่องจากผู้ถือบัตรจำนวนมากได้เข้าร่วมชมคอนเสิร์ตดังกล่าวในวันธรรมดา และต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานและ/หรือปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบของครอบครัวให้ทันในวันรุ่งขึ้น การจบคอนเสิร์ตล่าช้ายังทำให้การเดินทางกลับบ้านช่วงกลางคืนเป็นไปอย่างยากลำบาก ในขณะที่คอนเสิร์ตที่จัดขึ้นทั้ง 3 รอบยังพบว่ามีการล่าช้ากว่ากำหนด 2 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน
ในขณะที่ทีมกฏหมายของมาดอนนาและ Live Nation ได้ออกแถลงการณ์ตอบกลับในกรณีดังกล่าวเพื่อสื่อสารว่า ผู้ที่ซื้อตั๋วคอนเสิร์ตย่อมตระหนักดีว่า คอนเสิร์ตอาจมีแนวโน้มที่จะเริ่มการแสดงไม่เป็นไปตามเวลาที่ระบุเอาไว้บนบัตร
“ไม่มีจุดใดที่เราได้โฆษณาไว้ว่า มาดอนนาจะขึ้นเวทีในเวลา 20.30 น. และไม่มีผู้ชมคอนเสิร์ตที่เข้าใจในเหตุและผล และแน่นอนรวมไปถึงแฟนของมาดอนนาคนใด ที่คาดหวังว่าการแสดงบนเวทีหลักจะเริ่มขึ้นตามเวลาที่ปรากฏบนบัตรและผู้ชมคอนเสิร์ตที่มีเหตุผลจะเข้าใจว่า ประตูของสถานที่จัดงานอาจเปิดก่อน หรือตามเวลาที่ระบุไว้ในบัตรได้ รวมทั้งอาจมีการโชว์เปิดเวทีอย่างน้อย 1 รายการ ในระหว่างที่ผู้เข้าชมเดินทางมาถึง และเดินไปยังที่นั่งของตน ก่อนที่การแสดงหลักจะขึ้นเวทีและทำการแสดงในช่วงเย็น”
นอกจากนี้ ทีมกฏหมายยังได้โต้แย้งเหตุผลในการฟ้องร้องของโจทย์ ที่อ้างว่า การล่าช้าของคอนเสิร์ตทำให้พวกเขาเกิดความยากลำบากในการตื่นนอนและเดินทางไปทำงานแต่เช้า ซึ่งทนายความได้โต้กลับว่า คำกล่าวอ้างนี้ไม่ใช่อาการบาดเจ็บใด ๆ ที่ส่งผลทางกฏหมายและเข้าข่ายสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อผู้ถูกร้องได้ “โจทก์คาดเดาว่า ผู้ที่ถือบัตรเดินออกจากสถานที่จัดงานหลังเวลา 01.00 น. นั้นอาจประสบปัญหาในการนั่งรถกลับบ้าน หรือจำเป็นต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานในวันรุ่นงขึ้น ซึ่งนั่นไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่สามารถรับรู้ได้”
ทนายความของมาดอนนายังกล่าวอ้างว่า แฮดเดนนั้นมีปฏิกิริยาคลั่งไคล้ต่อการแสดงบนเวทีของศิลปิน ด้วยการแสดงออกบนโซเชียลมีเดีย โดยแฮดเดนได้โพสต์ข้อความบนหน้าฟีด Facebook ของเขาเองว่า “ยังคงน่าเหลือเชื่อเหมือนเช่นเคย!” ซึ่งทนายความมองว่า คอนเสิร์ตนี้เป็นไปตามความคาดหมาย หรือเกินความคาดหมายของเขาเอง
นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ทั้งเฟลโลว์ส และแฮดเดน ได้รับในสิ่งที่พวกเขาจ่าย นั่นคือ ‘การแสดงคุณภาพสูงแบบเต็มรูปแบบจากราชินีเพลงป๊อป’ “โจทย์ไม่ได้กล่าวหาว่าการแสดงของมาดอนนาด้อยคุณภาพ แต่การแสดงของเธอมีมูลค่าน้อยกว่าที่พวกเขาจ่ายไป หรือพวกเขาเดินออกจากคอนเสิร์ตก่อนที่จะดูการแสดงทั้งหมดของเธอ แท้จริงแล้วโจทก์ไม่ได้ได้ร้องขอในอาการบาดเจ็บใด ๆ ที่พวกเขาได้รับ จากการใช้เวลาทั้งคืนในคอนเสิร์ตที่ ‘น่าเหลือเชื่อ’ นี้”
ก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวได้เปิดเผยกับเว็บไซต์ People ว่า สาเหตุที่คอนเสิร์ตดังกล่าวในวันที่ 13 ธันวาคมเกิดการล่าช้าเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับการตรวจสอบเทคนิคเกี่ยวกับเสียง ทำให้ตารางการแสดงล่าช้าไป 1 ชั่วโมง ในขณะที่ตัวแทนผู้บริหารของมาดอนนาและ Live Nation ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับคดีดังกล่าวนี้ว่า
“มาดอนนาเพิ่งเสร็จสิ้นการแสดง และขายบัตร Celebration Tour ในยุโรปจนหมดเกลี้ยง การแสดงเปิดในอเมริกาเหนือที่บาร์เคลย์ในบรูกลินเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ยกเว้นวันที่ 13 ธันวาคม ที่เกิดปัญหาทางเทคนิคขึ้นในระหว่าง Sound Check สิ่งนี้ทำให้เกิดความล่าช้าดังที่มีการบันทึกเอาไว้อย่างดีในรายงานข่าวในเวลานั้น เราจึงตั้งใจที่จะต่อสู้กับคดีนี้อย่างจริงจัง”
ณ เวลานี้ ‘The Celebration Tour’ ทัวร์ที่รวบรวม Setlist จากทุกยุคสมัยเพื่อร่วมฉลอง 40 ปีบนเส้นทางศิลปินของมาดอนนาจำนวนทั้งหมด 81 โชว์ ที่เริ่มต้นการแสดงครั้งแรกมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 และยังเป็น 1 ในทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำสถิติขายบัตรหมดเร็วที่สุดในโลกกว่า 600,000 ใบภายในวันเดียว กำลังเดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว โดยในช่วงเดือนเมษายนนี้จะเป็นการปิดเส้นทาง Venue ในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะข้ามพรมแดนไปแสดงที่กรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก ก่อนจะปิดท้ายทัวร์อย่างสมบูรณ์ด้วยการแสดงฟรีคอนเสิร์ต ณ ริมหาดโคปาคาบานา (Copacabana Beach) นครริโอ เดอ จาเนโร (Rio de Janeiro) ประเทศบราซิล ในวันที่ 4 พฤษภาคมที่จะถึงนี้
ในขณะที่ มาร์คัส คอร์วิน (Marcus Corwin) ทนายความของเฟลโลว์ส และแฮดเดน ได้ส่งแถลงการณ์ถึง Billboard โดยกล่าวว่า ผู้ถูกร้องไม่ได้แจ้งแก่ผู้ที่ถือบัตรว่าการแสดงคอนเสิร์ตจะเริ่มช้ากว่าเวลาที่ระบุไว้บนบัตร และตามที่โฆษณาเอาไว้ หากมาดอนนาแสดงไม่ตรงเวลา เธอควรเปลี่ยนเวลาที่ระบุไว้บนตั๋วด้วย
ทนายความยังระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า “นี่ไม่ใช่คดีที่เกี่ยวกับแฟน ๆ ที่ถูกรบกวนจนทำให้เขาต้องนอนดึก แต่นี่คือแฟน ๆ ประมาณหลายพันคน ที่ต้องเดินออกมาจากคอนเสิร์ตของมาดอนนาในระหว่างการแสดงของเธอ หลังจากที่ต้องจ่ายเงินค่าบัตรเป็นจำนวนมาก เพราะระบบขนส่งสาธารณะปิดให้บริการ เช่นเดียวกับที่จอดรถสาธารณะที่พวกเขาใช้จอดรถ หรือการที่พวกเขาต่างมีภาระผูกพันเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก หรือการทำงาน และไม่ได้คาดหวังว่าการแสดงในเวลา 20.30 น. จะไปจบหลังเทียงคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนเสิร์ตที่ไม่มีศิลปินขึ้นโชว์เปิดเวที”