CHANKA เป็นศิลปินสาวอัลเทอร์-ทรอนิกส์จากฮ่องกง ที่เน้นการผสมผสานดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์และสร้างสรรค์แนวเพลงที่ท้าทายขีดจำกัด โดยมีเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์ดนตรีที่สามารถพาผู้ฟังเข้าสู่โลกของจินตนาการ สามารถสะท้อนความรู้สึกหลากหลายและซับซ้อนที่มนุษย์เรามีร่วมกันได้อย่างลงตัว ช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้กับผู้ฟังในการสำรวจอารมณ์และตัวตนของตนเองผ่านเสียงดนตรี
ด้วยเสียงร้องอันผ่อนคลายที่จุดประกายเคมีด้วยซาวนด์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ และเนื้อหาที่ใกล้ชิดสะท้อนเรื่องราวภายในใจของใครหลายคน ทำให้ CHANKA ได้รับความสนใจในเวทีดนตรีทั้งในฮ่องกงและต่างประเทศด้วยดนตรีที่สดใหม่และไม่เหมือนใคร ดนตรีล้ำสมัยและแหวกแนวของเธอได้นำเธอไปสู่เวทีและการแสดงในท้องถิ่นต่าง ๆ รวมถึงเทศกาลดนตรีในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง (Clockenflap, S2O), ไต้หวัน (Vagabond, LucFest), สิงคโปร์ (Music Matters), มาเลเซีย (South Gate Music Fest) และสหราชอาณาจักร (The Great Escape) และล่าสุดที่ประเทศไทยเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาที่ Blueprint Livehouse
CHANKA ได้ปล่อยอัลบั้มใหม่ของเธอคือ “Human Heart” ซึ่งเป็นการเดินทางของดนตรีที่ผ่าน 12 เรื่องราว ใน 12 บทเพลง เจาะลึกเข้าไปในอารมณ์ที่แตกต่างกันด้วยเสียงร้องอันไพเราะที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ ผสมกับซาวนด์สเคปอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแต่ละเพลงจะพาเราไปสัมผัสประสบการณ์การฟังผ่านการเล่าเรื่องอย่างใกล้ชิด จนบางทีเราอาจพบว่าตัวเองก็เคยอยู่ในแต่ละสภาวะของบทเพลงเหล่านั้น และในโอกาสที่เธอเดินทางมาแสดงที่ไทย จึงเป็นโอกาสดีที่ bt ได้พูดคุยกับ CHANKA มารู้จักกับเธอคนนี้ให้ดีขึ้นผ่านเรื่องราวของเธอและเบื้องลึกของอัลบั้มสุดล้ำ “Human Heart”
อัลบั้ม Human Heart (2024) เป็นอัลบั้มที่มีสีสันมาก แต่ละเพลงต่างมีเอกลักษณ์มีสีสันเป็นของตัวเอง มีดนตรีหลายแนวผสมผสานกันอย่างลงตัว อะไรคือคอนเซปต์และแรงบันดาลใจของอัลบั้มนี้
CHANKA: เริ่มแรกเลย ฉันทำอัลบั้มนี้เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งคนเรานี่เปลี่ยนแปลงไปได้มากในแต่ละปี บางครั้งคุณอาจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเพราะประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ฉันรู้สึกว่าช่วงเวลาที่ฉันเขียนอัลบั้มนี้มันเหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะ เพราะมีหลายสิ่งเกิดขึ้น ในตอนแรกฉันคิดว่าอัลบั้มจะออกมาแบบหนึ่ง แต่ในระหว่างทางฉันกลับพบว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เข้ากับตัวฉันอีกต่อไป เพราะชีวิตฉันเปลี่ยนไป ดังนั้นอัลบั้มก็ต้องเปลี่ยนตามเช่นกัน ฉันจึงนำสิ่งเหล่านี้ใส่ลงไปใน 12 เพลง ซึ่งสะท้อนถึงไอเดียของปีที่มี 12 เดือน และแต่ละเดือนก็มีดวงชะตาต่างกัน ผู้คนก็มีการตีความชีวิตในแต่ละช่วงต่างกันไปเช่นกัน ฉันอยากจะถ่ายทอดแนวคิดนี้ออกมา จึงเขียน 12 เพลงที่สะท้อนอารมณ์และแนวคิดที่แตกต่างกัน ทำให้เป็นเหมือนการเดินทางค้นหาตัวตนของเราเอง บางครั้งอารมณ์ก็ซับซ้อนจนเราไม่อาจเข้าใจได้ทันที แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ คุณไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ฉันพยายามแบ่งอารมณ์เหล่านี้ให้เป็นเหมือนห้องและพื้นที่ต่าง ๆ ในแต่ละเพลง บางครั้งในช่วงวัย 20 หรือ 30 ปี คุณอาจเคยผ่านประสบการณ์ที่เหมือนกับเพลงนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฉันตั้งชื่ออัลบั้มว่า “Human Heart” เพราะเรามองโลกและรู้สึกผ่านหัวใจของเรา บางครั้งหัวใจก็ได้รับผลกระทบและประสบอารมณ์ที่แตกต่างกัน นั่นแหละที่ทำให้เราเป็นมนุษย์ค่ะ
แล้วขั้นตอนในการทำหรือร้อยเรียงแต่ละเพลงในอัลบั้มเป็นยังไงบ้าง
CHANKA: ตอนแรกฉันเขียนเพลง 2-3 เพลง และพยายามจัดเรียงมัน แต่พอถึงกลางทางกลับพบว่ามันไม่เวิร์ก มีหลายเพลงที่ฉันยังไม่ได้ปล่อยเป็นซิงเกิล และเมื่อฉันเปลี่ยนไป เพลงก็เปลี่ยนไปตาม มันทำให้เสียงและความหมายของเพลงต่างออกไปจากเดิม ฉันต้องหยุดบางเพลงไว้ชั่วคราวเพื่อแก้ไขใหม่ บางเพลงฉันลบไปแล้วเขียนเพลงใหม่ขึ้นมาแทนที่ เพื่อเติมเต็มช่องว่างที่เพลงเดิมเคยมี จนกระทั่งถึงเวลาที่เราต้องปล่อยอัลบั้ม ฉันจึงตรวจดูอีกครั้ง และเรายังเพิ่มโบนัสแทร็กเข้าไปด้วย ซึ่งเป็นเพลงใหม่ล่าสุดที่ฉันทำในตอนนั้น เราตัดสินใจใส่มันเป็นโบนัสแทร็กที่สะท้อนช่วงเวลานั้นแบบเรียลไทม์จริง ๆ
ตัวเลือกทั้งหมดในอัลบั้มถูกแบ่งเป็นสองพาร์ต พาร์ต A มี 6 เพลง และพาร์ต B มี 6 เพลง พาร์ต A เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวฉันที่เหมือนเป็นเอเลี่ยนที่มาเยือนโลก มาสำรวจว่ามนุษย์คืออะไร หลังจากที่ได้พบมนุษย์หลายคน มันทำให้ฉันสะท้อนกลับมาถึงตัวตนของฉันเอง นี่คือจุดที่พาร์ต A จบลง การเผชิญหน้ากับโลกและการสะท้อนตัวตนของเรา
ส่วนพาร์ต B เป็นเรื่องราวของความวุ่นวายและความโกลาหลที่แสดงให้เห็นว่าชีวิตยังคงดำเนินต่อไป และปิดท้ายด้วยโบนัสแทร็กมีชื่อว่า “I kind of feel like going home” เป็นเหมือนจุดจบ หรือคุณอาจมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นก็ได้ ตอนนี้ฉันกำลังจะกลับบ้าน แต่คำถามคือ ‘บ้านอยู่ที่ไหน’ อาจจะเป็นโลก หรืออาจจะเป็นที่ของเอเลี่ยนก็ได้ ขึ้นอยู่กับการตีความของผู้ฟังค่ะ
ชื่อ ‘CHANKA’ นี่มีที่มายังไง
CHANKA: เป็นชื่อในภาษากวางตุ้งของฉันค่ะ ชื่อของฉันมีคำอยู่สามคำ และฉันก็เลือกใช้สองคำแรกของชื่อเป็นชื่อศิลปินค่ะ
อะไรเป็นสิ่งที่จุดประกายให้คุณสนใจดนตรี
CHANKA: ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ฉันจึงใช้เวลามากมายในการทำเพลงของตัวเองหรือเพลงของคนอื่น ฉันสนุกกับการสร้างเสียงแปลก ๆ หรือเสียงตลก ๆ ที่สามารถใส่ลงไปในเพลงป็อปหรือเพลงแนวอื่น ๆ ฉันชอบที่จะลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นในทุก ๆ เพลงที่ฉันทำ ฉันจะตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ให้ตัวเองเสมอ คือฉันต้องทำอะไรบางอย่างที่ไม่เคยทำในเพลงก่อนหน้านี้ นี่แหละคือวิธีการแต่งเพลงของฉัน และเป็นสิ่งที่ฉันหลงใหล
รู้มาว่าคุณเรียนรู้เรื่องดนตรีด้วยตัวเองด้วย คุณมีวิธีเรียนรู้เรื่องดนตรีและฝึกฝนในการทำเพลงยังไง
CHANKA: ฉันรู้สึกว่าการฝึกฝนของฉันคือการทำเพลง ฉันรักการเรียนรู้มาก ฉันเรียนรู้จาก YouTube ซึ่งเป็นเหมือนครูของฉันเลยค่ะ ฉันพยายามนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช้ในเพลงต่าง ๆ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงมีเดโมมากมาย บางเดโมมีจุดประสงค์เพื่อเรียนรู้เสียงบางประเภทหรือเทคนิคที่ฉันอยากลอง และฉันจะใช้มันในเดโมเหล่านั้น
อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณแต่งเพลง และกระบวนการแต่งเพลงของคุณเป็นอย่างไร คุณแต่งเพลงทุกวันไหม
CHANKA: การทำเพลงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันอย่างแน่นอน ฉันไม่ได้มีกิจวัตรที่ตายตัวว่าเมื่อไหร่จะเขียนเพลง แต่ฉันไม่สามารถหยุดเขียนเพลงได้นาน ถ้าฉันหยุดเขียนไปเป็นเดือน ฉันจะรู้สึกแย่มาก นั่นทำให้ฉันรู้ว่า ฉันต้องการมัน ฉันต้องการแรงบันดาลใจ ต้องการพลังบางอย่างเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต นี่คือวิธีที่ฉันมองดนตรีในชีวิตประจำวัน ฉันมักจะหาเวลานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีอะไรทำ ฉันก็นั่ง ถ้ามีอะไรทำ ฉันก็ยังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เช่นกัน (หัวเราะ) มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและสัญชาตญาณ เพราะดนตรีคือชีวิตของฉันค่ะ
เพลงของคุณผสมผสานแนวดนตรีที่หลากหลาย และทุกอย่างก็เข้ากันได้ดีมาก คุณฟังเพลงเยอะไหม มีแนวเพลงใดที่คุณชอบเป็นพิเศษรึเปล่า
CHANKA: ฉันฟังเพลงเยอะมาก โดยเฉพาะตั้งแต่เริ่มโปรดิวซ์เพลง ฉันชอบแนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ อย่างพวกแนว Liquid funk, Liquid drum & bass และดนตรีที่เน้นเบสเป็นหลัก ช่วงนี้ฉันพยายามทำความเข้าใจกับแนวเพลงพวกนี้มากขึ้น แล้วฉันก็ชอบฟังพวกเพลงเพื่อการทำสมาธิ หรือพวกเสียงความถี่ต่าง ๆ ด้วยค่ะ มันเป็นสิ่งที่ฉันชอบมากเลยค่ะ
คุณมีแผนสำหรับก้าวต่อไปในเส้นทางดนตรีของคุณยังไงบ้าง
CHANKA: ฉันอยากไปยังประเทศต่าง ๆ ให้มากที่สุด และพยายามทำงานร่วมกับศิลปินในแต่ละประเทศ เพื่อทำความเข้าใจว่าพวกเขาทำดนตรีอย่างไร ชอบแนวดนตรีแบบไหน และได้รับแรงบันดาลใจจากอะไร การทำงานร่วมกันมันน่าตื่นเต้น เพราะเราจะได้เรียนรู้จากคนที่มีพื้นฐานแตกต่างจากเราอย่างสิ้นเชิง
ถ้าให้ร่วมงานกับศิลปินไทย คุณอยากร่วมงานกับใคร
CHANKA: ฉันเคยฟังเพลงจากศิลปินไทยวงหนึ่งแล้วชอบมากค่ะ คือ ‘Part Time Musicians’ ตอนที่ฉันฟังเพลงของพวกเขา มันมีความเป็น fusion มีซาวนด์เยอะเลยในนั้น พวกเขามีอะไรในเพลงเยอะมากเลยค่ะ มันทำให้รู้สึกว้าวจริง ๆ
มีอะไรอยากฝากถึงแฟน ๆ ชาวไทยบ้างไหม
CHANKA: สำหรับโชว์ที่ไทยครั้งแรก ฉันตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะ อยากรู้ว่าคนไทยฟังเพลงแบบไหน ยังไง พวกเขาตื่นเต้นไหม สนุกสนานหรือว่าขี้อาย ฉันอยากรู้มากค่ะ “ฉันมาที่นี่เพื่อพวกคุณเลยค่ะ !” (หัวเราะ)