นับเป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับแฟน ๆ ของวงร็อกชื่อดังระดับโลกอย่าง Linkin Park ที่ได้กลับมาขับเคลื่อนวงกันอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่การสูญเสียฟรอนต์แมนของวงอย่าง เชสเตอร์ เบนนิงตัน (Chester Bennington) ตั้งแต่การเปิดตัว ‘From Zero’ สตูดิโออัลบั้มใหม่ในรอบ 7 ปี และทัวร์คอนเสิร์ตที่เพิ่งเริ่มต้นไปเมื่อไม่นานมานี้
รวมทั้งการเปิดตัว เอมิลี อาร์มสตรอง (Emily Armstrong) ฟรอนต์แมนหญิงจากวง Dead Sara ขึ้นมาเป็นฟรอนต์แมนคนใหม่ แต่แน่นอนว่า ไม่ใช่แฟนเพลง รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับวงจะเห็นด้วยและยินดีกับการเปลี่ยนแปลงอันสำคัญ ทั้งการเปลี่ยนแปลงสุ้มเสียงของวงอย่างพลิกโฉม รวมทั้งปูมหลังในอดีตของอาร์มสตรองที่หลายคนตั้งข้อสงสัย
ก่อนหน้านี้ เจมี เบนนิงตัน (Jaime Bennington) ลูกชายคนโตของเชสเตอร์ได้ออกมาโพสต์พาดพิงถึง ไมก์ ชิโนดะ (Mike Shinoda) ฟรอนต์แมนร่วม นักร้อง และแรปเปอร์ของวงถึงการเลือกอาร์มสตรอง ที่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับลัทธิไซแอนโทโลจี (Scientology) อันอื้อฉาว รวมทั้งการให้การสนับสนุน แดนนี มาสเตอร์สัน (Danny Masterson) อดีตนักแสดงที่ก่อเหตุมอมยา และข่มขืนผู้หญิง 3 รายจนถูกตัดสินจำคุก 30 ปีในชั้นศาลอีกด้วย
นอกจากลูกชายคนโตของเชสเตอร์แล้ว ล่าสุด ซูซาน ยูแบงก์ส (Susan Eubanks) แม่ของเชสเตอร์ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับนิตยสาร Rolling Stone ถึงความรู้สึกไม่เห็นด้วยกับการที่วงตัดสินใจทรยศหักหลังเธอด้วยการกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง โดยเฉพาะการเลือกฟรอนต์แมนคนใหม่ ที่เธอ รวมทั้งอดีตภรรยาและลูกชายของเชสเตอร์ก็ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน จนกระทั่งมาเห็นเอาทีหลังเมื่อมีการประกาศอย่างเป็นทางการ และข่าวแพร่กระจายไปยังอินเทอร์เน็ตแล้ว
“ฉันรู้สึกเหมือนถูกทรยศหักหลังเลย พวกเขาบอกกับฉันว่า ถ้าวันหนึ่งพวกเขาจะทำอะไรก็ตาม พวกเขาจะบอกฉันด้วย แต่พวกเขาก็ไม่ได้บอก และพวกเขาก็คงรู้ว่าฉันน่าจะไม่พอใจ ซึ่งฉันเองรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ กับเรื่องนี้”
“ฉันรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังพยายามอย่างมากที่จะลบล้างอดีต พวกเขากำลังแสดงเพลงที่เชสเตอร์เคยร้อง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแฟน ๆ รู้สึกอย่างไร แต่ฉันรู้ตัวดีว่าฉันรู้สึกอย่างไร และการที่ได้เห็น (อาร์มสตรอง) มาร้องเพลงของลูกชายฉัน มันเป็นอะไรที่เจ็บปวด”
ยูแบงก์สกล่าวอ้างว่า ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอได้พบกับทั้งชิโนดะ และโจ ฮาห์น (Joe Hahn) ดีเจและมือเทิร์นเทเบิลของวง แต่เธอกลับไม่ได้ยินใครที่พูดถึงการกลับมารวมตัวกัน รวมถึงการประกาศฟรอนต์แมนคนใหม่เลย แม้กระทั่ง ซาแมนธา เบนนิงตัน (Samantha Bennington) อดีตภรรยาของเชสเตอร์ และเดรเวน เบนนิงตัน (Draven Bennington) ลูกชายของเธอก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน
“พวกเขาบอกว่า พวกเขาจะแจ้งกับครอบครัวหากพวกเขาจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้บอก ทั้งซาแมนธาและเดรเวนก็ไม่รู้ จนกระทั่งเรื่องนี้ถูกประกาศออกไปทั่วทั้งโลก พวกเขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกันกับฉันเลย”
“ฉันได้เจอกับ โจ ฮาห์น ไม่กี่ครั้งตั้งแต่ที่เชสเตอร์เสียชีวิต ครั้งสุดท้ายอาจจะสัก 4 หรือ 5 ปีได้แล้วมั้ง และเขาก็สัญญากับฉันว่า จะบอกกับฉันหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น และเขาก็บอกไว้ด้วยว่าพวกเขาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเริ่มต้นวงกันใหม่”
“และฉันก็ได้เจอกับ ไมก์ ชิโนดะ เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว เขาสัญญาว่าจะบอกกับครอบครัวหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น และเขาก็ติดต่อกลับมาจริง ๆ ตอนที่พวกเขากำลังจะปล่อยเพลงบางเพลงซึ่งเป็นเพลงใหม่ (ที่เชสเตอร์ร้องไว้ อาทิ “Lost”, “Friendly Fire”) เขาแจ้งให้ซาแมนธาและเดรเวนรู้ด้วย และซาแมนธาก็เป็นคนแจ้งกับฉันอีกที เขาพยายามอย่างมากที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาแมนธา ซึ่งเธอก็เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น”
“พวกเขาไม่ได้พูดถึงการเสียชีวิตของเชสเตอร์ แต่พูดถึงชีวิตของเชสเตอร์ ตอนที่เธอโทรหาฉันและบอกว่าพวกเขาคุยอะไรกันบ้าง มันเป็นอะไรที่มีความสำคัญมาก ๆ เช่นว่าเขาเป็นไงบ้าง ? แล้วครอบครัวเขาล่ะสบายดีไหม ? มันเกี่ยวข้องกับพวกเราทั้งหมด เธอบอกเขาว่าเธอพูดคุยกับฉันและเดรเวนเป็นประจำ และถ้าเขาอยากบอกอะไรกับเธอ เธอจะบอกกับฉันแน่นอน แล้วเขาก็พูดว่า ‘โอเคครับ'”
“ฉันรู้เรื่องที่เอมิลี อาร์มสตรองเข้าร่วมวงจากการค้นหาใน Google เวลาฉันเข้าไปค้นหาอะไรบางอย่างใน Google สิ่งแรกที่มักจะปรากฏขึ้นมาก็คือเรื่องราวของ Linkin Park แล้วฉันก็เห็นประกาศว่า ‘เรามีประกาศสำคัญ’ ตลอดทั้งสัปดาห์นั้น มันติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของการค้นหาใน Google เลย”
ยูแบงก์สเล่าต่อไปอีกว่า ในมุมมองของเธอ หากวงจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ก็ควรใช้สมาชิกดั้งเดิมมากกว่า เช่นการให้ชิโนดะขึ้นมาเป็นฟรอนต์แมนแบบเต็มตัว แทนที่จะค้นหานักร้องใหม่มาแทนที่เชสเตอร์
“ฉันเองก็คิดเหมือนกันว่าบางทีวงอาจจะกลับมาแสดงอีกครั้งก็ได้ แต่ฉันคิดว่าไมก์น่าจะขึ้นมาเป็นคนร้องไปเลย เพราะว่าเชสเตอร์ก็เคยสอนไมก์ร้องเพลงในอัลบั้ม ‘One More Light’ (2017) ไว้ด้วย ซึ่งฉันคิดว่าเขาร้องเพราะมาก จนกระทั่งเชสเตอร์เสียชีวิต หลังจากนั้นฉันก็ไม่สามารถฟังเพลงนั้นได้อีกเลย ฉันคิดว่าถ้าวงจะกลับมาแสดงอีกครั้ง ก็ควรจะกลับมาแบบเดิมโดยไม่ต้องหานักร้องใหม่มาเพิ่ม”
“ตอนนั้นฉันได้ดูไลฟ์สตรีมการแสดงสดด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่ฉันคิดว่าการร้องของเธอ (อาร์มสตรอง) มันช่าง…คือฉันก็จำไม่ได้หรอกนะว่าเธอร้องเพลงอะไร เพราะฉันไม่อยากจะฟัง มันเป็นช่วงเวลาแค่แป๊บเดียว แต่เธอ…ฉันพูดตรง ๆ ว่า ตอนร้องขึ้นโน้ตเสียงสูง เสียงเธอมันแหลมมาก ฉันก็เลยรีบปิดหนีให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วจากนั้นฉันก็ร้องไห้ออกมา…”
แม่ของเชสเตอร์ยังกล่าวอ้างถึงช่วงเวลาอันขัดแย้งของวง ซึ่งเธออ้างว่า ชิโนดะเคยวางแผนที่จะคัดเลือกนักร้องหญิงเข้ามาเป็นฟรอนต์แมนคนใหม่เพื่อสุ้มเสียงที่ดีกว่า
“ไมก์เคยบอกกับเชสเตอร์ครั้งหนึ่งว่า เขาคิดว่าการให้ผู้หญิงมาร้องเพลงของวงน่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่า เพราะไมก์มักจะทำให้เชสเตอร์รู้สึกแย่อยู่บ่อย ๆ เชสเตอร์เลยโทรมาหาฉันและบอกว่า ‘ไมก์อยากเอานักร้องหญิงมาแทนที่ผม’ ฉันเลยถามกลับไปว่า ‘ลูกหมายความว่ายังไงนะ ?’ เชสเตอร์เล่าว่า ไมก์บอกกับเขาตอนซ้อมวงว่า ‘ถ้านายออกจากวงไป เราจะหานักร้องหญิงมาแทนนาย’ ซึ่งตอนนั้นเชสเตอร์ฟังแล้วตกใจและเจ็บปวดมาก ๆ”
“และสิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือ ตอนนี้พวกเขาก็ทำอย่างนั้นกันจริง ๆ แน่นอนว่าความคิดเหล่านั้นมันย้อนกลับมาหาฉันอีกครั้ง ฉันเคยได้คุยกับลูกชายของฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ และฉันก็ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำแบบนั้นจริง ๆ”
“อย่างที่ฉันพูดไปแล้วว่า ฉันคิดว่าไมก์ควรจะออกมาร้องเพลงพวกนั้นเอง แน่นอนว่ามันก็จะแตกต่างออกไป สุ้มเสียงอะไรก็คงไม่เหมือนเดิม คงไม่สูงและดังเท่า ซึ่งฉันเองโอเคกับเรื่องนั้น แต่ฉันไม่โอเคกับการที่จะมีใครสักคนมาแทนที่เขา และพยายามทำในสิ่งที่เขาทำ ฉันไม่คิดว่าจะมีใครในโลกที่มีเสียงเหมือนกับเขา และเมื่อฉันได้ยินเรื่องนี้ ฉันก็รู้สึกต่อต้านอย่างมาก เพราะพวกเขาพยายามจะทำในสิ่งที่เชสเตอร์เคยทำเอาไว้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ”
ในตอนท้าย ยูแบงก์สกล่าวฝากถึงวงที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกทรยศและไม่รักษาสัญญาที่พวกเขามีให้กับเธอ
“ถ้าฉันจะสามารถบอกอะไรกับสมาชิกของวงได้ ฉันก็อยากจะบอกว่า ฉันรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง พวกคุณเคยสัญญากับฉันว่าจะบอกให้พวกเรารู้ แต่คุณก็ไม่ได้ทำ การที่คุณทำแบบนี้มันเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมาก อย่าพยายามพาเธอออกมาร้องเพลงของเชสเตอร์และทำเหมือนว่านี่คือวิธีที่ควรจะเป็นมาโดยตลอด มันเหมือนกับการลบอดีต เหมือนกับการทำให้เขาหายไป”
“คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการค้นหาเพลงเก่า ๆ หรือเพลงใหม่ ๆ ของเชสเตอร์ที่จะปล่อยออกมา เอาเวลาไปทำเพลงใหม่ ๆ จะดีกว่า แต่ไม่ต้องเสียเวลามัวแต่เอาเพลงของเชสเตอร์มาให้เอมิลีร้อง”