ควินซี โจนส์ (Quincy Jones) ศิลปิน นักทรัมเป็ต นักแต่งเพลง นักประพันธ์เพลง และโปรดิวเซอร์เพลงผู้คร่ำหวอดในวงการเพลงมายาวนานกว่า 70 ปี ที่เคยร่วมงานร่วมกับศิลปินระดับโลกมากมาย อาทิ แฟรงค์ ซินาตรา (Frank Sinatra), เรย์ ชาร์ลส์ (Ray Charles) และ ไมเคิล แจ็กสัน (Michael Jackson) เป็นโปรดิวเซอร์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของวงการบันเทิง เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 91 ปี
อาร์โนลด์ โรบินสัน (Arnold Robinson) ตัวแทนนักประชาสัมพันธ์ของโจนส์ได้เปิดเผยคำแถลงยืนยันการเสียชีวิตของโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ภายในบ้านพักส่วนตัวของเขาที่ย่านเบลแอร์ (Bel Air) รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยไม่มีการเปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิต โดยถ้อยความส่วนหนึ่งของคำแถลงกล่าวว่า
“ค่ำคืนนี้ ด้วยดวงใจที่เต็มไปด้วยความรักที่กำลังแตกสลาย เราต้องแจ้งข่าวการจากไปของพ่อและพี่ชายของเรา ควินซี โจนส์ และถึงแม้ว่าจะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัว เราก็ขอเฉลิมฉลองให้กับชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่เขาเคยมี และรู้ว่าจะไม่มีใครเหมือนกับเขาได้อีกแล้ว…”
“เขาคือคนที่พิเศษอย่างแท้จริง และเราจะคิดถึงเขาอย่างมาก เรารู้สึกอบอุ่นใจและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับรู้ว่า ความรักและความสุข ซึ่งเป็นแก่นภายในตัวตนของเขา ได้ถูกแบ่งปันให้กับโลกผ่านสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ ผ่านดนตรี และความรักอันไม่มีที่สิ้นสุด หัวใจของ ควินซี โจนส์ จะยังคงเต้นอยู่ไปตลอดกาล”
ควินซี ดีไลต์ โจนส์ จูเนียร์ (Quincy Delight Jones Jr.) เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ปี 1933 ณ เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ และเติบโตที่รัฐวอชิงตัน เขาเริ่มหัดเล่นเปียโนเป็นครั้งแรกตั้งแต่วัย 5 ขวบ เข้าร่วมวงดนตรีและคณะนักร้องประสานเสียงของโรงเรียนตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ซึ่งทำให้เขาได้เพิ่มพูนทักษะทางดนตรีมากมายตั้งแต่เปียโน เครื่องเคาะ และเครื่องเป่าทองเหลืองอีกหลายชนิต
ก่อนจะเข้าร่วมเป็นมือทรัมเป็ตและออกทัวร์กับวงดนตรีแจ๊สเมื่อตอนอายุได้เพียง 13 ปี จนกระทั่งวัย 14 ปี โจนส์ได้มีโอกาสรู้จัก และทำงานร่วมกับ เรย์ ชาร์ลส์ วัย 16 ปีเป็นครั้งแรก และกลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเขามานับตั้งแต่นั้น เขาได้มีโอกาสบันทึกเสียงอัลบั้มเพลงแจ๊สอัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อว่า ‘This Is How I Feel About Jazz’ ที่วางแผงในปี 1956 ภายใต้สังกัด ABC-Paramount ก่อนจะย้ายไปทำงานเป็น Composer กับค่าย Barclay Records ที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา 5 ปี
โจนส์ได้มีโอกาสทำหน้าที่เป็น Composer และเป็นผู้บันทึกเสียงให้กับศิลปินมากมาย ก่อนจะได้รับการว่าจ้างจาก ค่าย Mercury Records ให้เข้ามาเป็นโปรดิวเซอร์ฝ่ายศิลปินและเพลง ก่อนที่ในปี 1961 โจนส์กลายเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองประธานของค่าย ก่อนที่เขาจะได้รับคำเชิญจากผู้กำกับ ซิดนีย์ ลูเมต์ (Sidney Lumet) ให้เขามาทำหน้าที่เป็น Composer ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องแรก ‘Pawnbroke’ (1964) ซึ่งนับเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องแรก จากผลงานการประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ทั้งหมดกว่า 40 เรื่อง
โจนส์มีโอกาสร่วมงานกับแฟรงค์ ซินาตรา เป็นครั้งแรกด้วยการรับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมวงดนตรีในการบันทึกเสียงสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 2 ของซินาตรา ‘It Might as Well Be Swing’ ที่วางแผงในปี 1964 โดยในอัลบั้มนี้ได้มีการนำเพลง “Fly Me To The Moon” ของศิลปิน เคย์ บัลลาร์ด (Kaye Ballard) มาเรียบเรียงใหม่ด้วยการเปลี่ยนให้เป็นจังหวะสวิง จนทำให้เพลงนี้กลายมาเป็นเพลงที่โด่งดังมากที่สุดเพลงหนึ่งของซินาตราในเวลาต่อมา
ในระหว่างที่โจนส์ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมวงดนตรี และโปรดิวเซอร์ให้กับหนังมิวสิคัลแฟนตาซี ‘The Wiz’ (1978) ไมเคิล แจ็กสัน วัย 19 ปี ที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ชักชวนให้เขามาทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์อัลบั้ม ‘Off the Wall’ (1979) จากความสำเร็จอันท่วมท้นของตัวอัลบั้มที่ทำยอดขาย 20 ล้านชุด ทำให้โจนส์กลายเป็นโปรดิวเซอร์เพลงที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของวงการในเวลานั้น โจนส์ได้มีโอกาสร่วมงานกับแจ็กสันอีกครั้งในอัลบั้ม ‘Thriller’ (1982) ที่ส่งให้เขาได้รับรางวัล Grammy Awards สาขาอัลบั้มแห่งปี และสาขาสาขาบันทึกเสียงแห่งปีจากซิงเกิล “Beat It” รวมทั้งอัลบั้ม ‘Bad’ (1987) ที่ทำยอดขายมากกว่า 45 ล้านชุด
ในปี 1985 โจนส์ยังร่วมงานกับแจ็กสันในซิงเกิลการกุศล “We Are the World” ของวงซูเปอร์กรุ๊ป USA for Africa ที่ประกอบไปด้วยศิลปินอเมริกัน 45 ชีวิต โดยแจ็กสันเป็นผู้แต่งเนื้อร้องร่วมกับ ไลโอเนล ริชชี (Lionel Richie) และโจนส์ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์และวาทยากรผู้ควบคุมการร้อง เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและอดอยากในทวีปแอฟริกา
นอกจากนี้ในปีเดียวกัน เขายังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ จากการประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ ‘The Color Purple’ (1985) ของผู้กำกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) โดยได้เข้าชิง 3 สาขา ได้แก่ สาขาสาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในฐานะโปรดิวเซอร์ร่วม
นอกจากนี้ เขายังเป็นเจ้าของบริษัทโปรดักชันด้านเพลง เจ้าของบริษัทค่ายเพลง Qwest Records และยังเป็นเจ้าของบริษัทโปรดักชันผลิตรายการโทรทัศน์ โดยเขายังเป็นโปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังละครซิตคอมยอดฮิตยุค 90s ‘The Fresh Prince of Bel-Air’ (1990–1996) ซึ่งเป็นผลงานการแสดงแรก ๆ ของ วิล สมิธ (Will Smith) นอกจากนี้เขายังเคยปรากฏตัวในภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิ ‘Fantasia 2000’ (1999) และ ‘Austin Powers in Goldmember’ (2002)
ผลงานชิ้นท้าย ๆ ของโจนส์คือการเป็นโปรดิวเซอร์ผู้ผลิตสารคดีเรื่อง ‘Keep on Keepin’ On’ (2014) ซึ่งเป็นสารคดีที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับ คลาร์ก เทอร์รี (Clark Terry) มือทรัมเป็ตแจ๊ส ที่เป็นทั้งเพื่อนและสอนให้โจนส์เล่นดนตรีตั้งแต่วัยรุ่น และการเป็นผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ดราม่า ‘Lola’ ผลงานกำกับของ นิโคลา เพลท์ซ (Nicola Peltz) ภรรยาของ บรูกลิน เบคแฮม (Brooklyn Beckham) ที่ออกฉายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ตลอดระยะเวลา 75 ปีในอาชีพของเขา โจนส์ได้รับรางวัลจากเวที Grammy Awards 28 รางวัล จากการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 80 ครั้ง ติดอันดับที่ 3 ผู้ที่ได้รับการเข้าชิงมากที่สุด และได้รับรางวัลกิติมศักดิ์ Grammy Legend Award ในปี 1992 ซึ่งมีผู้ได้รับรางวัลนี้เพียง 15 คน ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 7 ครั้ง และได้รับเลือกให้เป็น 1 ในนักดนตรีแจ๊สที่มีอิทธิพลมากที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 จากนิตยสาร TIME