“Clutch-Type Pencil = ดินสอกด”
Clutch-Type Pencil คือการรวมตัวกันของสองสุดยอดนักแต่งเพลงแห่งยุค รัฐ พิฆาตไพรี หรือ รัฐ Tattoo Colour และ บิว รังสรรค์ ปัญญาใจ หรือ บิว Lemon Soup เป็น side project ที่ทั้งคู่ช่วยกันทำอย่างสนุกๆโดยแบ่งสัดส่วนการทำงานในอัลบั้มเป็น บิว 60-รัฐ 40 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Clutch-Type Pencil หรือ “ดินสอกด” อันเป็นสัญลักษณ์ของการเขียน และ สิ่งที่อยากได้มาก ๆ ตอนเด็กแล้วมันแพงไม่มีตังซื้อ Clutch-Type Pencil จึงเปรียบเหมือนการได้ทำในสิ่งที่อยากทำมานานแล้วแต่ยังไม่ได้ทำเสียที โดยถ่ายทอดความรู้สึก หวนหาอดีต (Nostalgic) ผ่านดนตรีป็อปที่เล่าเรื่องง่ายๆใกล้ตัว แบบเรียลๆ (หลายเพลงก็เรียลมากแบบ เป็นเรื่องชอบดองหนังสือเอาไว้ไม่ยอมอ่านเสียที หรือแฟนมาแอบเจอของบางชิ้นที่ไม่ได้ตั้งใจเก็บไว้และก็ไม่รู้ว่าได้มาเมื่อไหร่เลยเป็นเหตุทำให้งอน อะไรประมาณนี้) ซึ่งเป็นเสน่ห์ของงานเพลงในอัลบั้มนี้เลย เพราะเชื่อว่าหากใครได้ฟังจะต้องรู้สึกเชื่อมโยงกับเพลงในอัลบั้มนี้แน่ๆ มันจะต้องมีความรู้สึกแบบว่า เอ้ย นี่มันเราเลย เราเคยเจอแบบนี้ ทำแบบนี้ หรือรู้สึกแบบนี้
เพลงทั้ง 8 ในอัลบั้ม “HB” นี้แต่ละเพลงจะมีค่าความเข้มของไส้ดินสอเป็นตัวกำกับ ระดับความเข้มจะสัมพันธ์กับบทเพลง ด้วยคอนเซ็ปต์นี้จึงทำให้งานเพลงในอัลบั้มนี้มีโทนที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป อีกทั้งบางเพลงยังมีคนอื่นมาช่วยร้องเป็นสีสันอีกด้วย เช่น ป๊อป ไพรัช ที่เคยร้องให้กับ Mr. Z ในเพลง วันนี้ไม่มีพี่ชาย เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ก็จะมาร้องให้ในเพลง “Gentleman” เป็นต้น
ในส่วนของภาคดนตรี ก็ไม่ได้มาแน่น ซับซ้อน รุงรังอะไร รายละเอียดของการเรียบเรียงดนตรีกลมกล่อมกำลังดี ในแบบที่เพลงป็อปคุณภาพควรจะเป็น มีการใส่ซาวด์หรือเสียงสังเคราะห์ที่เติมกลิ่นของดนตรีในยุคอดีต แต่มีความร่วมสมัยไปด้วยในที เป็นเพลงป็อปใสๆที่ฟังสบายทั้งหมด จะมีเพลงช้าที่ออกเศร้าๆหน่อย ติดกลิ่นของความทรงจำในอดีตซึ้งๆหวานๆ ก็จะเป็นแทร็คสุดท้ายเหมาะแก่การปิดอัลบั้มพอดี
งั้นเรามาฟัง Album Sampler และมาดูรายละเอียดของแต่ละเพลงกันดีกว่าครับ
H- ครึ่งเดียว (Teaser) Feat.Jullameth Malayota
“ใครจะรู้ ถ้าไม่บอก
ว่าบทที่เขียนนั้นมีบางอย่าง
ที่ปิดเอาไว้เรื่องจริงครึ่งหนึ่ง
แค่อยากให้ซึ้งสวยงาม”
เปิดอัลบั้มด้วยแทร็คที่ว่าด้วย “การเขียน” ซึ่งอาจสื่อถึงการเขียนเพลง เขียนบทหนัง หรือการเล่าเรื่องอะไรก็ตามที่เราเป็นคนเขียนมันเอง เราจะเล่าอย่างไรก็ได้ ผิดบังซ่อนเร้นความจริงไว้แค่ไหน ขับเน้นแต่ข้อดีให้มันเด่นออกไปอย่างไรก็ทำได้
เพลงนี้ได้ “จุลเมธ มละโยธา” มาช่วยร้อง (เป็นอะไรกับพี่เจ เจตมนต์ มละโยธา เอ่ย ใครรู้ช่วยบอกที)
HB – เรื่องของเธอ (Your Story)
“แค่อยากฟังเธอเล่า สนุกที่คอยเฝ้า
เพียงหนึ่งวัน ถ้าอยู่ตรงนั้นด้วยกัน
แค่อยากทำให้เธอได้รู้จัก และรวมฉันเข้าไป”
เป็นเพลงที่มีความ Lemon Soup มากๆ เป็นเพลงป็อปใสๆ มีเนื้อและเมโลดี้ที่ฟังแล้วเข้าหูสุดๆ พูดถึงความรู้สึกที่เราอยากไปเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำหรือเรื่องเล่าของคนที่เราชอบ ถึงแม้พื้นที่ความจำคนเราจะจำกัดและพื้นที่ตรงนั้นก็อาจไม่ได้สงวนไว้ให้เราแต่เพียงผู้เดียว แต่จะอย่างไรเราก็จะพยายามต่อไป
2B – Clean
“ลำบากจริงๆ แค่อยู่ดีๆ เฮ้อ ! เธอพบของวางเก็บไว้
ก็ไม่ได้แปลว่า ฉันจะแอบมีคนไหน หรือคิดถึงใครบางคน”
เพลงนี้ พี่รัฐ ทั้งแต่งเนื้อและร้องเองเลย เชื่อว่าน่าจะมาจากประสบการณ์การจริง (55)
เป็นเพลงบ่นเปรยๆ กับแฟนที่ชอบงอนเวลาเห็นของที่ไม่มีเจ้าของ ที่เราเองก็ (อาจจะ) ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ได้อย่างไร มีใครคนไหนให้มา เป็นการตั้งคำถามว่าจะต้องให้ “คลีน” ขนาดไหนเธอถึงจะเชื่อใจ ว่าเราไม่ได้แอบไปมีใครนะ
ความกวนๆ บ่นๆ นอยๆ (เห็นได้จากมีเสียง “เฮ้อ !” ถอนหายใจในเนื้อเพลงด้วย) เป็นเสน่ห์ของเพลงนี้เลย ฟังแล้วนึกภาพพี่รัฐกำลังแก้ตัวกับแฟนออกเลย 55
3H – Gentleman Feat.Pirach Nalintarangkurn
“Oh yes จะขับรถหรูดูแลเธอเอง
จะพาไปนั่งฟังเพลง Jazz Club
จะห่มผ้าให้ถ้าหากเธอหนาว
อยากให้มองฉัน เป็น gentleman ที่ดูอ่อนน้อม
คอย take care อยู่ตรงนี้ไม่มีข้อแม้
ไม่ให้เธอนั้นต้องนอนเดียวดาย อีกต่อไป ”
เพลงนี้พี่รัฐเขียนเนื้อ พี่บิวทำทำนอง
พี่รัฐเองคงจินตนาการตัวเองเป็น gentleman ที่ดูลุคในเพลงแล้วอาจจะต่างจากชีวิตจริงไปบ้างเล็กน้อย (55) เป็นการสร้างให้เห็นภาพของผู้ชายเนี้ยบๆคนนึงที่คอยเอาอกเอาใจหญิงสาวผู้กำลังเมามายที่หัวใจกำลังแตกสลาย ด้วยการขับรถหรูดูดี พาเธอไปนั่งฟังเพลงแจ๊ซ ก่อนจะส่งเข้านอนให้หลับฝันดี ดูหล่อๆไปเลย
เพลงนี้ได้ป็อป ไพรัช มารับบทเป็น gentleman ให้ครับ
B – คำฟุ่มเฟือย (Quote Of The Day)
“ประดิษฐ์คำฟุ่มเฟือย ความจริงในความจริง
เธอฟังไม่เข้าใจ บ่งบอกความหมาย
ถ้าความจริงได้เคลื่อนไป ใกล้เธอ”
เป็นอีกหนึ่งเพลงที่พูดถึงเรื่องของ “การเขียน” เพลงนี้พูดถึงสภาวะที่เราไม่สามารถบอกความในใจได้ตรงๆ อาจด้วยเพราะกลัวสิ่งที่จะบอกไป หรือกลัวว่ามันไม่เท่ไม่มีความหมายอะไร ก็เลยพยายามประดิษฐ์คำ คิดเขียนเติมแต่งอะไรไปวุ่นวาย สุดท้ายก็ไม่สามารถบอกสิ่งที่รู้สึกจริงๆออกไปได้สักที
2H – สัปดาห์หนังสือ (Collector)
“ยังไม่ทัน รู้ตัว ขนมันกองมากองรอบใหม่
อ่านไม่ทัน เอาอีกแล้ว นิสัยแบบนี้
เลิกเถอะ ใครจะไปเข้าใจ”
เป็นเพลงที่มาจากนิสัยส่วนตัวของพี่บิวเอง ที่เป็นคนชอบซื้อหนังสือมาดองไว้แล้วก็ไม่ได้อ่านเสียที เพลงลงรายละเอียดของความเป็นหนอนหนังสือที่ชอบดองได้อย่างชัดเจนมาก ตั้งแต่การซื้อมาเก็บไว้อยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น บางครั้งก็ซื้อซ้ำแค่ต่างครั้งที่พิมพ์ รอวันหยุดที่ว่างและจะอ่านให้ครบแต่ก็ไม่เคยจบมันได้สักที จนมีงานหนังสือครั้งใหม่ก็ไปขนมาอีก กลับเข้าสู่ลูปเดิม เชื่อว่าหลายคนที่เป็นหนอนหนังสือก็ต้องเคยประสบกับอารมณ์แบบนี้ ผมเองก็คนนึงล่ะ ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกเหมือนกำลังฟังเรื่องของตัวเองอยู่เลย
3B – คนดี (Good Boy)
“จะเคยมีใครถามฉันบ้างไหม อยากเป็นใคร
ฉันแค่อยากเป็นฉันเอง
คนดีในความหมายเธอคือ ฉันต้องทำอย่างไร”
เพลงนี้สลับกันบ้างเป็นพี่บิวแต่งเนื้อ พี่รัฐแต่งทำนอง มีกลิ่นอายแบบป็อปแจ๊ซอยู่ ให้ความรู้สึกที่โรแมนติค แต่เนื้อหาของเพลงพูดถึง การที่เราอยากเป็นตัวของตัวเอง จนทำให้ไม่อาจเป็นคนในแบบที่คนรักต้องการได้ “แค่พยายามเป็นคนมีความสุขก่อน ยังไม่พร้อมให้เธอนะคนดี บางทีมันก็เหนื่อยไป”
ใช่แล้วบางทีมันก็เหนื่อยไป บางทีมันก็เหนื่อยใจ ขอเป็นตัวของตัวเองก่อนดีกว่า
4H – Old School (Taken from Scot Landyard)
“ได้กลับมาคืนนิยายเล่มเก่า ที่เราเคยยืมด้วยกัน
ที่มีความทรงจำ มีชื่อฉันและเธอ
เธอยืมมาก่อน ฉันยืมเธอต่อและวันที่ควรจะคืน
ก็ไม่มีเธอ ไม่รู้ควรทำอย่างไร”
เพลงนี้ชอบมากเป็นพิเศษ มันให้ภาพของวันวานได้อย่างชัดเจนพาเราย้อนกลับไปในความรู้สึกที่รักในวัยเยาว์นั้นยังครุ กรุ่น รายละเอียดของเนื้อเพลงบรรยายได้อย่างเห็นภาพและคลี่บรรยากาศของอดีตออกมาได้อย่างสวยงาม เหมาะแก่การเป็นแทร็คปิดอัลบั้มนี้ ที่ให้อารมณืเหมือนเราค่อยๆปิดหนังสือรุ่นในหน้าสุดท้ายลงก่อนที่จะเก็บมันเข้าไปในลิ้นชักแห่งความทรงจำเหมือนเคย
“Clutch-Type Pencil” ถือเป็นงาน side project ที่ลงตัวมากๆ เป็นการร่วมงานกันที่ถึงแม้ศิลปินจะบอกว่าทำเพราะอยากมีความสุขกับการทำเพลงในแบบที่ตัวเองอยากทำเท่านั้น แต่มันกลับเป็นผลงานที่ดีต่อแฟนเพลงทั้งหลาย ที่จะได้ฟังเพลงที่แตกต่างหลากหลาย เหมือนได้มีอาหารอร่อยๆหลายรสหลายชาติให้ได้ลิ้มลอง อัลบั้มนี้เกิดขึ้นภายใต้การรวมตัวกันของพี่รัฐ พี่บิว และอีกคนคือ พี่ออฟ Rat Records ได้รวมตัวกันในนาม Welfare6 ซึ่งก็ไม่ใช่ค่ายเพลงแต่เหมือนเป็นการรวมกลุ่มเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองรักมากกว่า ก็จะมีทั้งผลงานของตัวเองและที่ทำให้พี่ๆน้องๆในวงการ เรียกได้ว่าหากผลงานไหนออกมาจาก Welfare 6 ก็การันตีคุณภาพได้เลย
ตอนนี้นอกจากอัลบั้ม “HB” ของ “Clutch-Type Pencil” แล้วก็ยังมีอัลบั้ม “Mamacook” ของวง “Mamakiss” ที่เป็น City-Pop ไทยที่ฟังแล้วชื่นฉ่ำใจมากๆ ถูกใจคอ City-Pop เลยล่ะครับ ไว้โอกาสต่อไปจะมาเขียนรีวิวให้นะครับ
หากใครสนใจอยากฟังเพลงในโปรเจ็ค Clutch-Type Pencil ก็สามารถฟังได้ทางสตรีมมิ่ง
หรืออยากได้แผ่น CD มาไว้ในครอบครองก็สามารถซื้อได้ในราคาแผ่นละ 300 บาท โดยติดต่อได้ทางเฟซบุ๊คของ Welfare 6 ได้เลยครับ