วงการดนตรีไทยไม่ไร้ความหวัง ในทุกวันนี้มีวงดนตรีและศิลปินอินดี้ออกมามากมาย หลากหลายแนวทางเพลง และส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่เป็นวงดนตรีและศิลปินคุณภาพ ดังเช่นศิลปินที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการหาอัลบั้มเพลงป็อปดีๆฟังสักอัลบั้ม อาจเป็นในเวลาจิบกาแฟยามเช้า ขับรถไปทำงาน หรือ กลับมาผ่อนคลายสบายๆที่บ้านก็เหมาะทั้งสิ้น ศิลปินคนที่ว่านี้ก็คือ PARIM
PARIM (พาริม) หรือ พริม จบการศึกษาจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันทำงานด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเด็กทั้งเป็นอาจารย์สอนร้องเพลงให้กับเด็ก ทำคณะละครเด็ก
เธอเป็นคนที่มีบุคลิกร่าเริง แจ่มใส ดูมี energy อยู่ตลอดเวลา แถมยังเป็นคนที่ชอบสีเหลืองมากๆอีก ทำให้เพลงของเธอและโชว์ของเธอมีประกายความสดใสเปล่งปลั่งออกมาอยู่ตลอด ปัจจุบันเธอเป็นหนึ่งในศิลปินของค่าย Comet Records และมีผลงานอัลบั้มแรกในชีวิตออกมาแล้วโดยใช้ชื่อว่า “Comfort Zone”
บทเพลงทั้ง 10 เพลงจากอัลบั้ม “Comfort Zone” เป็นเรื่องเล่าผ่านมุมมองอันสดใสของเธอ ที่มองผ่านโลกภายในหรือ “Comfort Zone” ของเธอไปสู่โลกภายนอกที่รายล้อมรอบตัว เนื้อหาของเพลงสะท้อนตัวตนของผู้หญิงคนหนึ่งและความสัมพันธ์ที่เธอมีต่อคนในชีวิตรวมไปถึงทัศนคติที่มีต่อการใช้ชีวิตของเธอและโลกรอบตัวด้วย
บทเพลงของ PARIM ใน “Confort Zone” ถูกถ่ายทอดผ่านท่วงทำนองของดนตรี อิเล็คโทรป็อป-ดรีมป็อป-ซินธ์ป็อป ที่ร่าเริงสดใส รายละเอียดของดนตรีชวนให้ยิ้มแย้มแจ่มใส และสนุกไปกับท่วงทำนองและน้ำเสียงร่าเริงของเธอ
และเมื่อใดที่เสียงดนตรีของเธอได้กระทบกับโสตสัมผัสของเราแล้ว เมื่อนั้นเราจะถูกดึงเข้าไปยังโลกของเธอในทันที
Say Hey
เปิดอัลบั้มกันด้วยท่วงทำนองสดใสของเสียงซินธ์สว่าง เบสหนึบๆ ที่ดุ่มเดินเกาะไปกับบีทกลองบางๆ เสียงร้องใสๆฟังสบาย ปลุกอารมณ์เบิกบานขึ้นมาในทันที กับเนื้อหาของเพลงที่พูดกับอดีตคนเคยรักว่าถ้าพบกันเมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องไปใส่ใจเรื่องเก่าๆ ก็แค่ Say Hey
“หากได้เจอกัน ก็ยัง Say Hey ฉันคนเดิมก็ยัง Say Hey
ไม่คิดไม่ติด ไมาโกรธกัน ปล่อยเรื่องเรา ที่พลาดไปแล้ว ให้ผ่านไป”
11.15 AM
เปิดอินโทรมาก็ซาวด์ดรีมป็อปมาเต็มเลย ไลน์กีตาร์และซินธ์เคล้ากันไปเท่มาก เนื้อหาของเพลงน่ารักดี เหมือนมีข้ออ้างให้กับการนอนตื่นสาย ว่าที่ตื่นสายและไม่รับโทรศัพท์เธอก็เพราะว่าฉันอยากอยู่ในฝันที่มีเธออยู่ด้วยกันต่อ
คือในเพลงนี้เนี่ยไม่รู้ว่าคนที่พูดถึงเป็นแฟนกันรึยังแต่การที่โทรมาปลุกทุกวัน นี่ก็แหววกันอยู่ล่ะ เพราะฉะนั้นมันก็เลยเป็นอารมณ์แบบใกล้กันอยู่ล่ะ แต่ก็ยังไม่ได้ฟันธงว่าเป็นแฟน มันก็เลยมีความสุขที่ได้เก็บไปฝัน เคลิ้มๆได้อยู่ด้วยกันในนั้น แล้วค่อยตื่นมาเจอกันก็ได้
อินเลิฟ น่ารักใสๆได้ใจไปเลย !
Summer or Raining
อินโทรเท่มาก มาแบบซินธ์ป็อปเลย ทำนองเมโลดี้งามมาก ฟังง่ายติดหูเลย เนื้อหาของเพลงพูดถึงการที่มีเธออยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าจะร้อนหรือฝนก็ไม่หวั่นไหว จะดีจะร้ายก็ไม่เป็นไร มีเธอก็สบายใจแล้วเป็นพอ
“Summer is coming
Or raining is coming
ฉันก็ไม่หวั่นเท่าไหร่”
ทางลัด
เพลงนี้เมโลดี้มีความป็อป 90 อยู่ ฟังแล้วรู้สึกคุ้นเคยๆ ไลน์ดนตรีก็มาแบบเท่ดีอีกแล้ว ไลน์กีตาร์ซิงเกิ้ลโน้ตเท่ๆกับ บีทกลองและเบสที่ผสานกันไปอย่างกำลังดี กับเนื้อหาที่พูดถึงเรื่องการหา “ทางลัดทางใหม่” หรือเส้นทางที่ยังไม่เคยมีใครลองไป แล้วลองดุ่มไปดูว่าเราจะไปได้แค่ไหน ไกลเท่าไหร่และจะเจออะไรรอเราอยู่ข้างหน้า
“ขับรถล่องไปตามเส้นทางที่ไม่มีใครเคยผ่านข้ามไป
นั่งรถไฟไปตามเส้นรางที่ไม่มีใครเคยได้เข้าไป
หัวเราะร่าเริงในวิถีทางของเรา และมองว่าจะไปได้แค่ไหน
แล้วนั่งรอ มุ่งมั่นไป ว่าจะได้เจออะไร”
แถมช่วงท้ายเพลงยังมีการเติมท่อนร้องกึ่งแร็ปเข้ามาด้วย เก๋ไปอีก
ไม่ต้อง
เพลงนี้เป็นอิเล็คโทคป็อป ที่มีการใส่บีทแบบฮิปฮอป เสียงแร็ปเปอร์ที่ตอดๆอยู่ด้านหลัง กับเสียงแครชแผ่นลงไป โทนของเพลงดูหม่นๆลงกว่าเพลงก่อนหน้า ด้วยเนื้อหามีแววเจ็บช้ำเล็กๆ พูดถึงการที่คนรักเปลี่ยนไป ซึ่งเราเข้าใจและเธอไม่ต้องมาฝืนใจทำอะไรต่อมิอะไรอีกเลย
“บอกให้เธอรู้ ว่าเธอไม่ต้องมาคอยต่อรองเรื่องราวแบบนี้
บอกให้เธอรู้ ว่าเธอไม่ต้องมาไลน์ หากัน อยู่แทบทุกนาที
บอกให้เธอรู้ ว่าเธอไม่ต้องมาตาม ขอโทษกันเลยแบบนี้
ที่เราได้เห็น มันก็ชัดเจนอยู่ ฉันเข้าใจเธอดี”
สัญญาณ
เพลงนี้มีกลิ่นอายของความเซ็กซี่ ฟังแล้วชวนให้นึกถึงเพลงของ Men I Trust อยู่ในที ทั้งเท่ เซ็กซี่และเพราะดีเลย เข้ากันได้ดีกับเนื้อหาที่พูดถึงการส่ง “สัญญาณ” ให้กับคนที่เราชอบ เพื่อให้เค้ารู้ตัว
“มองฉันมอง เธอมีฉันที่มองอยู่ อย่าได้เหงาใจ
มองฉันมอง มีฉันอีกคนติดตามอยู่ คอยส่องสัญญาณอยู่ข้างใน”
สายไหม
ชอบในความที่เพลงนี้พูดถึงวิถีชีวิตของคนในเมืองออกมาผ่านมุมมองใสๆของ PARIM เหมือนเอาความใสมาใส่เมืองที่วุ่นวาย ดีไปอีก !
อย่างในเนื้อร้องท่อนแรก
“จะมองไปทางไหน เห็นสายไฟ โยงใยเมือนสายไหมสีดำ”
จะมีสักที่คนกันที่มองเห็นสายไฟระโยงระยางเป็นสายไหม
“ชีวิตก็แบบนี้ เธอคงเจออย่างนี้
ยังไงเราคงไม่ต่างกัน
หากมองมันแบบนี้ มองมันในแง่ดี
เพราะพรหมลิขิตสร้างเรามาด้วยกัน”
เป็นการมองหลายสิ่งที่อาจสร้างความไม่พอใจ เช่น สายไฟ ควันมอร์เตอร์ไซต์ คนเดินเล่นโทรศัพท์กันขวักไขว่ในแง่ดีว่าเธอและฉันก็คงเจอแบบนี้ คงไม่ต่างกัน พรหมลิขิตคงสร้างเรามาด้วยกัน ดึงเข้าเรื่องรักไปอีก เยี่ยมจริงๆ
กาลครั้งหนึ่ง
เพลงนี้มีเลเยอร์เสียงที่แตกต่างออกไปจากเพลงอื่น มันจะฟังดูพันๆกันนัวร์ๆจมๆหน่อย ทั้งเสียงซินธ์ที่บิดวนอยู่เป็นบรรยากาศตลอด และเสียงร้องที่เกาะกลืนกันไปกับเสียงดนตรี กับเนื้อหาที่มีความเป็นนิทาน เป็นกวี ที่เล่าเรื่องของการเชื่อมั่นในรัก ของฉันและเธอ โดยพาร์ทแรกเล่าเรื่องของเธอที่ไม่เคยจะเอ่ยสิ่งใด หากแต่เธอยังไม่ลืมฉันและยังคงรักอยู่เสมออย่างนั้น
พาร์ทต่อมาก็เล่าฝั่งของฉันที่ไม่เคยเชื่อว่ารักเป็นสิ่งลวงและทุ่มเททำอยู่อย่างตามใจที่เชื่อมั่น นั่นคือยังคงรักและเก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้ โดยไม่เคยลืมมันไปเลย
La La La La (ลาล่ะ ลาล่ะ)
ตั้งชื่อเพลงได้เท่ดี เล่นคำว่า La La La La ในภาษาอังกฤษให้เป็นคำไทยว่า ลาล่ะ ลาล่ะ เพลงนี้เติมกลิ่นอายความเป็นอาร์ แอนด์ บีลงไป มีความสวยและกลิ่นอายความเซ็กซี่ในท่วงทำนอง เนื้อหาพูดถึงการลาแล้วซึ่งความสัมพันธ์ที่ไม่โอเค ตอนนี้ได้เวลาที่จะลืมและลา แล้วล่ะ
“ลาล่ะ ลาล่ะ ลาล่ะ ฉันขอลานะ ไปจะ ไปจะ ไปจะ ต้องไปฮอลิเดย์
ลืมจะลืมจะลืม เธอแล้วตอนนี้ ไม่ขอให้เจออีกแล้วคนนี้”
ดาวโลกกับดวงจันทร์
เป็นอีกเพลงที่มีลักษณะของการเล่าเป็นนิทาน อาจด้วยความที่ พริมเป็นคนที่ทำงานกับเด็กจึงชอบที่จะเล่าเรื่องผ่านนิทาน ซึ่งเพลงนี้ทำออกมาได้น่ารักดี เหมือนเพลงเด็กเลย มีท่วงทำนองวอลซ์ กับการเรียบเรียงดนตรีที่มีเพียงเสียงคีย์บอร์ดที่ซาวด์เหมือนของเล่นเด็ก หลับตาฟังแล้วเห็นภาพดวงจันทร์กำลังเดินเต้นรำไปรอบดาวโลกเลย นอกจากนี้ยังมีการเติมเสียงพูดเล่าเรื่องใส่ลงไปด้วยทั้งในตอนต้น ตอนกลางที่ดวงจันทร์ตัดพ้อดาวโลกที่ไม่สนใจ และตอนลงท้ายกับเสียงน่ารักๆเหมือนพี่สาวใจดีที่กำลังเล่านิทานให้เด็กๆฟัง
ลองดู live เพลงนี้จากงาน CATEXPO ดูแล้วคุณจะหลงรักศิลปินคนนี้มากขึ้น
ติดตามข่าวสารของ PARIM ได้ทาง Parim Prim