11 กุมภาพันธ์ 2012 นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 9 ปี พอดีที่ วิตนีย์ ฮุสตัน ได้จากเราไปด้วยวัยเพียง 48 ปี แม้ตัวจะจากไป แต่บทเพลงของเธอเหมือนกับว่ายังคงอยู่กับเราตลอดไป เรายังคงได้ยินบทเพลงอมตะของเธอผ่านทางสถานีวิทยุ หรือตามอาคารห้างร้านอยู่เนือง ๆ อาจกล่าวได้ว่า นับถึงวันนี้วิตนีย์ได้สร้างสถิติไว้มากมายในวงการเพลง และยากที่ใครจะมาโค่นล้มสถิติของเธอได้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงการจากไปของดิว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ Beartai – What The Fact ขอหยิบยก 10 เรื่องราวน่ารู้ของเธอ ที่บางเรื่องคุณอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนก็ได้

วิตนีย์ ฮุสตัน ลงปกนิตยสาร Seventeen ปี 1981

1.เธอไม่ได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะนักร้อง แต่ก่อนหน้านั้นเธอเป็นนางแบบมาก่อนในยุค 80s เริ่มจากช่างภาพแฟชั่นไปพบเธอเข้าโดยบังเอิญ ก็เลยชวนเธอมาถ่ายแฟชั่น ในเส้นทางนางแบบนั้น เธอไปได้ถึงขั้นเป็นนางแบบลงภาพปก Seventeen นิตยสารวัยรุ่นยอดนิยมในยุคนั้น ทำให้วิตนีย์ถูกจดจำในฐานะนางแบบผิวดำคนแรกที่ได้ลงปก Seventeen

ผู้กำกับ เพ็นนี มาร์แชล, วิตนีย์ ฮุสตัน และ เดนเซล วอชิงตัน จากกองถ่าย The Preacher’s Wife

2.เป็นธรรมเนียมของวงการบันเทิง สำหรับนักร้องที่โด่งดังถึงขีดสุด มักจะก้าวข้ามมาสู่วงการแสดง วิตนีย์ ฮุสตัน ก็เช่นกัน แต่เธอเป็นส่วนน้อยที่ประสบความสำเร็จสูงสุดทั้ง 2 วงการ หลังออกอัลบั้มมาได้ 3 ชุด ปี 1992 เธอก็เป็นนางเอกเต็มตัวในหนัง The BodyGuard ที่ประสบความสำเร็จทั้งตัวหนังและซาวนด์แทร็กที่มีเพลงฮิตจากหนังมากมาย ตลอดเส้นทางการแสดงของวิตนีย์ เธอฝากผลงานการแสดงไว้ถึง 4 เรื่อง แต่เรื่องที่เราอยากหยิบมาพูดถึงตรงนี้คือ The Preacher’s Wife ปี 1996 ที่เธอได้ประกบคู่กับ เดนเซล วอชิงตัน นักแสดงยอดฝีมือ เพราะความสำเร็จจาก The Bodyguard ทำให้วิตนีย์เรียกค่าตัวได้มากถึง 10 ล้านเหรียญ สร้างสถิตินักแสดงหญิงผิวดำที่ได้รับค่าตัวสูงที่สุดในวันนั้น แต่สุดท้ายหนังก็เจ๊ง ทำรายได้ไปเพียง 48 ล้านจากรายรับทั่วโลก แต่ใช้ทุนสร้างไปถึง 40 ล้านเหรียญ

ภาพจากคอนเสิร์ต Moment of Truth tour ในปี 1987

3.ปี 1987 วิตนี้ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ในชื่อสั้น ๆ ว่า WHITNEY เธอออกทัวร์คอนเสิร์ตเพื่อโพรโมตอัลบั้มนี้ในชื่อว่า Moment of Truth tour เป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้มหาศาลให้กับวิตนีย์ ในวัยเพียง 24 ปี วิตนีย์ ฮุสตัน ขึ้นแท่น คนในวงการบันเทิงผิวดำที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 3 ในปีนั้น เป็นรองแค่เพียง บิล คอสบี้ และ เอ็ดดี เมอร์ฟีย์

กับ ไคลฟ์ เดวิส ผู้ก่อตั้ง Arista Records และผู้ปลุกปั้นเธอเข้าสู่วงการ

4.อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น วิตนีย์ ฮุสตัน เป็นศิลปินที่สร้างสถิติไว้ในวงการมากมาย สถิติใหญ่สุดคือเมื่อปี 2001 วิตนีย์ ได้รับค่าเซ็นสัญญากับค่าย Arista/BMG มูลค่า 100 ล้านเหรียญ ภายใต้เงื่อนไขต้องออกอัลบั้มให้ได้ 6 ชุด ทำลายสถิติเดิมของ มารายห์ แครีย์ ที่เซ็นไว้กับ Virgin Records ที่ 80 ล้านเหรียญ

ในวันที่รับรางวัล อเมริกัน มิวสิก อวอร์ด

5.อีกสถิติคือทางด้านรางวัล เธอเป็นเจ้าของสถิตินักร้องหญิงที่เป็นเจ้าของรางวัลมากที่สุดตลอดกาล ประกอบไปด้วย 6 รางวัลแกรมมี่, 22 รางวัล อเมริกัน มิวสิกอวอร์ด, 2 รางวัล เอ็มมี่ อวอร์ด, 30 รางวัล บิลบอร์ด มิวสิก อวอร์ด นับถึงปี 2010 เธอก็ได้รับมาแล้วเป็นจำนวน 415 รางวัล

กับรางวัลแพลตทินัม ทีรับมาจนนับไม่ถ้วน

6.สถิติยังไม่หมดแค่นี้ วิตนีย์ เป็นนักร้องหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่มีซิงเกิลจากอัลบั้มเดียวกันขึ้นอันดับ 1 ถึง 4 เพลง นั่นก็คืออัลบั้ม Whitney การันตีด้วยยอดขายถึงระดับแพลตทินัม 9 ครั้งเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และทำยอดขายทั่วโลกมากกว่า 20 ล้านก๊อปปี้

ไคลฟ์ เดวิส กับ วิตนีย์ ฮุสตัน ในวันที่เซ็นสัญญาเข้าเป็นศิลปินในค่าย Arista ครั้งแรก

7.อัลบั้มแรกของเธอคือ Whitney Houston ออกกับค่าย Arista ในปี 1985 แต่รู้หรือไม่ Arista ก็ไม่ใช่ค่ายเพลงแรกที่ยื่นขอเซ็นสัญญากับเธอ ในปี 1980 และ 1981 ก็เคยมีค่ายเพลงยื่นข้อเสนอเซ็นสัญญามาแล้ว แต่แม่ของวิตนีย์ก็ปฏิเสธไปหมด ด้วยเหตุผลว่าต้องการให้ลูกสาวเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาเสียก่อน

ปี 2020 เทย์เลอร์ สวิฟต์ สามารถลบล้างสถิติของวิตนีย์ได้ ด้วยการมีเพลงขึ้นอันดับ 1 ยาวนานถึง 47 สัปดาห์ (แบบไม่ต่อเนื่องกัน)

8.วิตนีย์ ฮุสตัน สร้างสถิติเป็นศิลปินหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ออกอัลบั้มใหม่แล้วขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต Billboard 200 albums ในทันที ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังครองสถิติศิลปินหญิงคนแรกที่อัลบั้มใหม่ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตทั้ง 2 ประเทศ อังกฤษ และ อเมริกา และยังอีกกว่า 10 ประเทศ ที่อัลบั้มของเธอขึ้นถึงอันดับ 1 เช่นเดียวกัน

โปสเตอร์หนัง The Bodyguard

9.ภาพยนตร์ The Bodyguard ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปถึง 120 ล้านเหรียญ และรายได้ทั่วโลกที่ 410 ล้านเหรียญ เป็นหนึ่งใน 100 ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาล ( ถ้าจัดอันดับตามอัตราเงินเฟ้อ The Bodyguard จะหลุดจาก 100 อันดับนี้)

2 ซูเปอร์สตาร์ในยุค 80s – 90s

10.เราเกือบจะได้ฟังเพลงคู่ของ 2 ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกกันแล้วระหว่าง วิตนีย์ ฮูสตัน และ ไมเคิล แจ็กสัน เดิมที ไมเคิล แจ็กสัน วางแผนไว้ว่าเขาจะให้ วิตนีย์ มาร้องคู่กับเขาในเพลง I Just Can’t Stop Loving You จากอัลบั้ม BAD แต่ด้วยความผิดพลาดประการใดไม่ทราบได้ เสียงร้องนี้เลยตกเป็นของ ซีดาห์ การ์เร็ตต์ แทน แผนการยังไม่จบแค่นั้น ในปีถัดมาวิตนีย์ ฮุสตัน เองก็มีแผนการว่าจะให้ ไมเคิล แจ็กสัน มาร้องคู่กับเธอในเพลง If I Told You That เพลงโบนัสในอัลบั้มรวมฮิต Whitney: The Greatest Hits ออกเมื่อปี 2000 แต่สุดท้าย เสียงร้องฝ่ายชายในเพลงนี้ก็ตกเป็นของ จอร์จ ไมเคิล ซูเปอร์สตาร์จากฝั่งอังกฤษผู้ล่วงลับไปเสียแทน

อ้างอิง

อ้างอิง