ในช่วงที่เกิดวิกฤต โควิด-19 ระบาด ผู้คนทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบกันทุกหย่อมหญ้าทุกประเทศทุกพื้นที่ไม่มียกเว้น ทุกอาชีพต่างได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดนี้ วงการดนตรีก็เป็นวงการหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทัวร์ถูกยกเลิกการแสดงต้องถูกยกเลิกจากวิถีชีวิตที่ต้องออกไปเล่นดนตรีในทุก ๆ ค่ำคืนกลับกลายเป็นต้องเก็บตัวอยู่แต่บ้าน ทางฝั่งของคนฟังและผู้ชมคอนเสิร์ตก็ได้รับผลกระทบไปไม่น้อยเพราะขาดโอกาสที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ของการชมคอนเสิร์ตแบบสด ๆ ต่อหน้าศิลปินคนโปรด ศิลปินและผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมดนตรีได้พยายามหาทางออกด้วยการปรับเปลี่ยนไปสู่คอนเสิร์ตแบบเวอร์ชวลที่ไม่มีผู้ชมและใช้การถ่ายทอดผ่านสื่อออนไลน์แทน ด้วยข้อกำหนดและข้อจำกัดอะไรหลายอย่างซึ่งนี่ก็คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลานี้ จึงเป็นเรื่องที่น่าตั้งคำถามว่าการแสดงดนตรีที่ไม่มีผู้ชม (ต่อหน้า) และการรับชมดนตรีโดยที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับฝูงชนที่มาชมร่วมกันและศิลปินที่กำลังแสดงอยู่บนเวทีนั้นจะทำให้สุนทรียะของการเสพดนตรีนั้นเสื่อมคุณค่าลงหรือไม่ ศิลปินกับผู้ชมจะสามารถเชื่อมต่อกันได้จริงหรือไม่ และคำถามนี้ก็อยู่ในใจของวงร็อกระดับอินเตอร์ชาวญี่ปุ่น “ONE OK ROCK” ที่เลือกเส้นทางนี้ในการฝ่าวิกฤตโควิด-19 ด้วยเช่นกัน
หากใครเป็นแฟนเพลงของ ONE OK ROCK คงนึกออกถึงเอนเนอร์จีที่พวกเขามีและการปลดปล่อยมันออกมาบนเวทีการแสดงในทุก ๆ ครั้งของพวกเขาและคงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงการแสดงของพวกเขาบนสเตเดียมกว้างใหญ่แต่ไร้ซึ่งผู้ชม ความกังวลใจ ความสับสน ความอึดอัด ท่ามกลางพลังแพสชันอันเหลือล้นและความทุ่มเทพยายามที่จะพาเสียงดนตรีไปเชื่อมต่อกับผู้คนอีกครั้งของ ONE OK ROCK ได้ถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์สารคดีความยาว 1 ชั่วโมง 45 นาที เรื่อง “Flip a Coin -ONE OK ROCK Documentary-” ผลงานการกำกับของ นาโอโตะ อะมาซุสึมิ (Naoto Amazutsumi) ที่พาเราสำรวจลึกเข้าไปในความรู้สึกของวงดนตรีวงนี้และได้สัมผัสถึงกระบวนการทำงานเบื้องหลังสุดยอดคอนเสิร์ตออนไลน์ ONE OK ROCK 2020 “Field of Wonder” ที่จัดขึ้นที่ ZOZOMARINE STADIUM ที่เมืองชิบะเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคมปี 2020 โดยสารคดีเรื่องนี้ประกอบไปด้วยฟุตเทจชีวิตส่วนตัวของสมาชิกแต่ละคน ภาพการแสดงสดจากคอนเสิร์ตและบทสัมภาษณ์เชิงลึกที่ทำให้สารคดีเรื่องนี้ชวนตื่นเต้น มีพลัง และเข้าถึงจิตใจของเรา
สารคดีเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเวลาของการกักตัวอยู่บ้านและสมาชิกวงไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ในช่วงเวลานั้นคอนเสิร์ตก็ต้องถูกยกเลิก (แน่นอนว่ามีคอนเสิร์ต ONE OK ROCK “EYE OF THE STORM ASIA TOUR 2020” ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 25 เมษายน 2563 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานีด้วย) ในที่สุดสมาชิกคนหนึ่งของวงก็ตัดสินใจชักชวนเพื่อน ๆ ให้ลุกขึ้นมาทำอะไรบ้า ๆ ฮา ๆ ดูบ้างเพื่อที่จะได้กลับมามีพลังรวมไปถึงทำให้แฟน ๆ ของพวกเขาได้ยิ้มออกหรือได้หัวเราะกันบ้าง พวกเขาจึงทำคลิปแสดงเพลง “Dreamer” แบบสด ๆ จากบ้านของแต่ละคน และจากจุดนั้นมันก็ได้พัฒนากลายมาเป็นไอเดียของการทำคอนเสิร์ตออนไลน์เพื่อที่จะได้ทำให้แฟน ๆ ได้สัมผัสกับบรรยากาศของคอนเสิร์ตแบบที่พวกเขาคิดถึงผ่านทางหน้าจอของตัวเองโดย ONE OK ROCK จะพยายามถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกส่งผ่านหน้าจอไปให้ถึงแฟนเพลงให้ดีที่สุด
สารคดีเรื่องนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวในช่วงเวลาที่ ONE OK ROCK ได้เตรียมงาน ซักซ้อม และเตรียมความพร้อมสำหรับการโชว์ในครั้งนี้เราจะได้เห็นถึงความทุ่มเทและความละเอียดอ่อนในทุก ๆ ส่วนของการทำงาน สารคดีใช้วิธีการสัมภาษณ์รวมไปถึงฟุตเทจของการฝึกซ้อมตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงวันแสดงและตัดสลับกับภาพจากโชว์ในครั้งนี้ให้พวกเราได้ฟังบทเพลงอันไพเราะและเปี่ยมไปด้วยพลังของพวกเขาในบรรยากาศของการแสดงสด
นอกจากนี้สารคดียังพาเราไปสัมผัสกับมุมมองความคิดและชีวิตส่วนตัวของสมาชิกแต่ละคน “ทากะ – ทากาฮิโระ โมริอูจิ” (นักร้องนำ) เด็กหนุ่มจากชิบุยะผู้แน่วแน่กับชีวิตของตัวเองซึ่งได้ตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปตั้งแต่วัยรุ่นและเผชิญชีวิตเพียงลำพัง (ทากะเติบโตมาในครอบครัวนักร้องนักดนตรี คุณพ่อและคุณแม่ของทากะ “มาซาโกะ โมริ” และ “ชินอิจิ โมริ” ต่างเป็นนักร้องดังด้วยกันทั้งคู่) เราจะได้เห็นโมเมนต์ที่ทากะได้คุยกับพ่อถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา และพ่อได้บอกกับลูกชายคนโตคนนี้ว่าเป็นเพราะตัวเองก็เคยหนีออกจากบ้านเหมือนกันเลยรู้ว่ามันยากลำบากแค่ไหนจึงไม่อยากให้ลูกชายต้องประสบกับความยากลำบากแบบนั้นเหมือนตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้นลูกชายเล่นตามรอยคุณพ่อทุกประการ รวมไปถึงสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จบนเส้นทางดนตรีเรื่องนี้ก็จบแบบ happy ending ส่วน “โทรุ – โทรุ ยามาชิตะ” (มือกีตาร์) และ “เรียวตะ – เรียวตะ โคฮามะ” (มือเบส) 2 หนุ่มนี้ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กและได้เริ่มเข้าสู่วงการดนตรีตั้งแต่เด็กด้วยการเป็นสมาชิกวงฮิปฮอปที่ชื่อว่า “Heads” ซึ่งก็ถือได้ว่ามีชื่อเสียงพอตัวแต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ค้นพบว่ามีบางสิ่งข้างในเรียกร้องให้เดินทางไปสู่เส้นทางสายร็อกจนมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งเรียวตะนั้นได้แต่งงานกับ มิเชลล์ ลาวีน (Michelle Lavigne) น้องสาวของ แอวริล ลาวีน (Avril Lavigne) ไปเมื่อปี 2017 ส่วนสมาชิกคนสุดท้าย “โทะโมะยะ – โทะโมะยะ คังกิ” (Tomoya Kanki) ก็มีครอบครัวที่น่ารักและเป็นคุณพ่อลูกสามที่มีความสุขกับการเล่นดนตรีและการเลี้ยงเจ้าตัวน้อยไปพร้อม ๆ กัน
นอกจากนี้เราจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของทากะที่มีความละเอียดอ่อนและทุ่มเททำงานในทุก ๆ ส่วนอย่างละเอียดถี่ถ้วน เราจะเห็นทากะให้คอมเมนต์และพยายามทำแต่ละส่วนของโชว์ให้ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขาตัดสินใจให้กลุ่มนักเต้นมาร่วมแสดงด้วยในเพลง “Change” เพราะอยากสร้างสีสันให้กับโชว์หรือการตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยี VR และ CGI เข้ามาช่วยสร้างสีสันแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยกทิ้งไปหมดเลยเพราะมันทำให้การแสดงในครั้งนี้ดูหลุดออกจากความเป็นจริงซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ รวมไปถึงการเชิญนักดนตรีมากมายมาร่วมร้องด้วยกันทั้งที่นักดนตรีเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทหรือคนที่เคยทำงานร่วมกันมาก่อนแต่ด้วยไอเดียที่อยากให้มีเสียงร้องหลายเสียงเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้วิธีนี้และอยากให้นักร้องคุณภาพเหล่านี้ได้มาร่วมส่งพลังผ่านเสียงดนตรีไปสู่ผู้ฟังด้วยกัน
ความท้าทายอย่างหนึ่งของการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้คือการทำในสิ่งที่พวกเขาไม่เคยทำมาก่อนด้วยการแสดงสดบนสเตเดียมอันกว้างใหญ่แต่ไร้ซึ่งผู้คน ไม่มีใครมารอฟังและต้องเล่นให้ทรงพลังสมกับที่เป็นพวกเขา โดยที่ตรงหน้านั้นมีเพียงแค่กล้องที่เป็นสื่อกลางในการส่งผ่านเสียงดนตรีของพวกเขาไปยังผู้ชม แต่ถึงอย่างนั้นโชว์นี้ก็มีการจัดเตรียมองค์ประกอบเพื่อการแสดงสดอย่างครบเครื่องครบครันทั้งแสงสีเสียงที่จัดเต็มแบบไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องไปจากช่วงเวลาปกติเลย ระบบทุกอย่างถูกจัดวางเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ มีช่วงเวลาหนึ่งที่ทากะนักร้องนำของวงได้ถามกับสตาฟว่าบนสนามกีฬาที่ว่างเปล่านี้เขากำลังเล่นให้ใครดู และได้รับคำตอบกลับมาว่า “กล้อง” นั่นแหละที่เป็นสิ่งแทนสายตาของผู้ชม ทากะจึงได้ใช้กล้องนี้เป็นสื่อกลางระหว่างเขาและผู้ชม และระหว่างการแสดงทากะก็จะจดจ้องไปที่กล้องราวกับว่าเขากำลังสื่อสารโดยตรงกับผู้ชมนั่นเอง สารคดีเรื่องนี้ได้ทำให้เราเห็นว่าศิลปินนั้นมีการจัดการกับความกลัวและความโดดเดี่ยวในช่วงเวลานี้อย่างไรโดยที่ยังคงรักษาแพสชันและพลังของพวกเขาเอาไว้ไม่ให้มอดไหม้ อีกทั้งยังสามารถส่งผ่านพลังไปถึงแฟน ๆ และทำให้เราได้รู้ว่าดนตรีนั้นสามารถเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันได้แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่เราต่างแยกกันอยู่อย่างโดดเดี่ยวเช่นช่วงเวลานี้
หนึ่งในบทเพลงที่อยู่ในโชว์จากสารคดีนี้ก็คือเพลง “Wonder” ซึ่งเป็นซิงเกิลใหม่ที่ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม บทเพลงที่มีจังหวะที่ชวนขยับปลุกเร้าพลังข้างในซึ่งทากะก็มีไอเดียว่าอยากให้เพื่อน ๆ ในวงมาร่วมเต้นไปด้วยกันบนเวที เราเลยได้เห็นโมเมนต์ของการซ้อมเต้นและโชว์ที่ทุกคนพยายามออกสเต็ปกันเบา ๆ ซึ่งก็เป็นภาพที่น่ารักดี
ในช่วงวิกฤติโควิด -19 ความเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นกับทุก ๆ ชีวิตไม่เว้นแม้แต่ศิลปินที่มีชื่อเสียง สารคดีได้ทำให้เราเห็นในช่วงเวลาที่พวกเขารู้สึกไม่แน่ใจว่าตัวเองควรทำอย่างไรต่อไป รวมไปถึงความกลัวที่มีต่ออนาคต เห็นถึงอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะเป็นการต้องยกเลิกคอนเสิร์ต การที่สมาชิกในวงซึ่งก็คือโทรุติดเชื้อโควิด (และรักษาหายในที่สุด) รวมไปถึงพายุที่ดันแวะเข้ามาในช่วงที่กำลังจะแสดงคอนเสิร์ตออนไลน์ ความไม่แน่นอนทั้งหลายได้หลอกหลอนและกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิตของพวกเราสิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับก็คือคงไม่มีสิ่งใดกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้วมีเพียงแค่วิถีชีวิตใหม่ที่เราต้องปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน Flip a Coin ได้ทำให้เรารับรู้ว่า ONE OK ROCK ไม่ได้เป็นเพียงวงร็อกที่ประสบความสำเร็จและทรงอิทธิพลวงหนึ่งเท่านั้น แต่พวกเขาคือกลุ่มคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังและเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ที่ไม่แตกต่างจากเราและได้ดำรงอยู่เพื่อทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดในการใช้เสียงดนตรีเชื่อมต่อพวกเราเข้าด้วยกันให้มีพลังและผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปอย่างดีที่สุด
ใครที่เป็นแฟนของ ONE OK ROCK ไม่ควรพลาดสารคดีเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวงเพราะคุณจะรู้สึกดื่มด่ำและเอ็นจอยไปกับทุกวินาทีของสารคดีและอิ่มเอมไปกับบทเพลงของพวกเขา ส่วนใครที่ยังไม่รู้จักพวกเขาดีก็สามารถเริ่มทำความรู้จักพวกเขาได้จากสารคดีเรื่องนี้เลย
สามารถรับชม “Flip a Coin -ONE OK ROCK Documentary-” ได้ทาง NETFLIX
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส