โดย แจ๊ค รัสเซล

ตอนที่ 1   ตอนที่ 2

.. แต่ในที่สุด  ไม่นานจากนั้น  เราก็ต้องหัดเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างบนแป้นคอมพิวเตอร์  หัดใช้ให้คล่อง  ผลที่ได้จึงช่วยให้เรา “ประหยัด” ทุกสิ่งทุกอย่าง  ย่นเวลาในการเดินทาง  กำลังเงิน  เอาเวลาที่เหลือ  ไปสร้างสรรค์ทำเรื่องอื่นๆได้อีกมหาศาล

.. ขำตัวเอง  ตอนผมมีคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ  แรกเลยมาจากการที่  ได้มีโอกาสไปนั่งทำงาน  ในตำแหน่งที่อาจจะใหญ่โตหน่อย  ในค่ายเพลงเปิดใหม่  ..สำนักงานอยู่ที่ตึกช้าง  ย่านรัชโยธิน   เขาจัดโต๊ะเก้าอี้  ห้องหับสำหรับทำงาน  และคอมพิวเตอร์ส่วนตัวมาให้ใช้งานหนึ่งชุด
.. ผมปล่อยไว้อย่างนั้นไม่เคยเปิดคอมเลย – หลายวัน ?

1947885_815422658471404_1807760652_n

.. วันหนึ่งเจ้าของบริษัท  ถามผ่านเด็กในตำแหน่งช่างกล้องมาถึงผมว่า … “.. คุณป๊อก เขาเปิดคอมใช้บ้างหรือเปล่า  หรือคอมเสีย  ทำไมมากี่ที  ก็ไม่เคยเห็นเปิดใช้งาน …”  ผมตอบน้องคนที่ทำหน้าที่เป็น “เด็กส่งคำถาม”  กลับไปอย่างคนไม่มีฟอร์มว่า.. “.. ผมเปิดไม่เป็น  ก็เลยไม่คิดจะเปิด  ไม่รู้ว่าเปิดแล้วทำอะไร  ก็ใช้ปากกา กับ กระดาษเขียนงานอยู่แล้วนี่ …”

.. ใครจะคิดว่าเด็กส่งคำถามจำเป็น  ที่มีตำแหน่งเป็นตากล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหว  เป็นพนักงานประจำ อยู่ในค่ายเพลงเดียวกับผมนี้  เป็นคนสอนผมเปิดปิดคอม  ให้ผมรู้จักคำว่า  Shut down    ว่าคือการปิดคอมที่ถูกต้อง หลังเลิกใช้งาน   ไม่ใช่การกดเปิดปิด แล้วดึงปลั๊กออก   เหมือนที่ผมทำ  เฉกเช่นเดียวกับการปิดทีวี หรือพัดลม !

.. การที่พอรู้ว่าบนแป้นพิมพ์  อะไรเรียกว่าอะไร  อะไรคือตัว “อันเดอร์สกอร์” ( _ )  ก็ไม่ได้หมายความว่า  ผมจะรู้อะไรมากกว่านั้น  โดยเฉพาะเรื่องการ “เปิดปิด” คอมพิวเตอร์

.. หลังจากนั้นไม่กี่วัน  ผมก็เก่งขึ้น  ถนัดขึ้น  และเริ่มจะสนใจ “เว็บบอร์ด” เป็นเรื่องถัดมา  เปิดโลกกว้างในสังคมอินเตอร์เน็ต  เว็บไซต์ต่างๆที่อยู่ในความนิยมขณะนั้น  ผมท่องเที่ยวไปทั่ว  จนมาหยุดอยู่ที่เว็บ พันทิป ห้องหนัง ห้องเพลง และห้องการเมือง

.. และนามแฝงที่ชื่อ “แจ็ค รัสเซล” ก็เกิดขึ้นครั้งแรก  ในเว็บ pantip.com  ราวปลายปี 2548  ด้วยเหตุผลในการตั้งชื่อนี้  เพราะผมเลี้ยงหมาสายพันธุ์ “แจ็ค รัสเซล” นั่นเอง ง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน

.. ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่า  ช่วงเวลาที่ผมคิดและเขียนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในวงการเพลง  ที่ผมสัมผัสจริง  เห็นจริง  นำมาบอกเล่าลงพันทิปเล่นๆ  จะกลายเป็นช่วงเวลาที่ผมได้ฝึก “การเขียน” และเรียนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงจัง  จากการใช้คอมพิวเตอร์ไปด้วย ในคราวเดียว

.. ผมไม่เคยมีครูสอนคอม  ถ้าจะมี  ก็คือทุกคนที่ผมถามในคราวที่ผมไม่รู้ในปัญหานั้น   เพียงปีเดียว  ที่ผมง่วนอยู่กับการตั้งกระทู้   ผมก็พิมพ์เก่งขึ้น  ไวขึ้น  ทั้งๆที่นั่งจิ้มทีละนิ้ว  เพราะก็ไม่เคยเรียนการพิมพ์ดีดมาก่อนอีกเช่นกัน  แต่ “สองนิ้วพิฆาต” ของผม  ก็พาตัวเองผ่านช่วงเวลาที่ไม่เอาไหนมาจนถึงทุกวันนี้

.. เล่าย้อนกลับไป กลับมาเหมือนหนัง “The Godfather” ภาค 2 ของคุณ  Francis Ford Coppola  ..นั่นเพราะการเดินเรื่องของตัวเอง  ทั้งในชีวิตจริงๆ และในการเขียน  ย่อมต้องอาศัยช่วงเวลาก่อนหน้าเป็นกระจก  สลับ  สะท้อนนำทางในฉากต่อๆไปทุกครั้ง  ..มันถึงมีพลัง  มีจังหวะของการก้าวเดินไปข้างหน้า – โดยไม่น่าเบื่อ

1922974_815424271804576_243130689_n

.. มีหลายคนบอกว่าผม “ใจนักเลง” ?!

.. อาจจะใช่   ผมเป็นคนชอบได้เสียไปเลย  รู้เรื่องไปเลย  เวลาจะลงทุนทำงานเพลงทีไร  ผมชอบ “เล่นหมดหน้าตัก” สันดานแบบนี้เป็นมานานแล้ว  และคงไม่หายไปจาก “เนื้อแท้” ของผม  ถ้าใครจะเรียกผมว่าคือ “นายทุน” คนหนึ่ง  ผมก็น่าจะเป็นคนต้นๆในรุ่นราวคราวเดียวกัน  ที่ติดอันดับลงทุนทำอัลบั้มเพลงแล้ว “เจ๊ง” เยอะที่สุด ?!   ..มีนายทุนคนไหนไหม  ที่รู้ว่าเจ๊งแล้วยังเสี่ยงทำ ?  ผมนี่แหละเป็นคนนั้น  เพราะผมไม่คิดว่าคำว่า “นักลงทุน” มันจะใช่ผม  ผมไม่ได้เอาเรื่องธุรกิจนำทาง  ผมแค่อยากสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆให้เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ  แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่อยากไปสร้างปัญหาให้กับใคร  ให้ต้องมาเสี่ยงกับการสร้างสรรค์ของตัวเอง  มันเป็น “ความฝัน” ของผมคนเดียวนะ  ผมฝันได้ตลอดเวลาไม่เคยเบื่อเลย   อะไรที่ผมฝัน  ผมมักทำให้มันเกิดขึ้นจริงๆได้  ไม่ใช่แค่ปล่อยลอยในอากาศ  สุขแค่ภาพปลอมๆยามหลับเท่านั้น   ..ทันทีที่ผมตื่น  เรื่องในฝัน  ก็กำลังมีชีวิต  กำลังจะกลายเป็นเรื่องจริงเสมอ – เสมอ

.. ใครจะรู้  ว่าอัลบั้มต่างๆที่ผมคิด และ ทำ  ล้วนเกิดมาจาก “ความฝัน” ผมสร้างในจินตนาการด้วยภาพที่สวยหรู  ในฝันมันเกินที่จะอธิบาย  มันยิ่งใหญ่เสมอ  แต่ผมเป็นคนเข้าใจโลกในชีวิตจริงๆได้ดี  ผมยอมรับกับความเป็นจริง  แค่ทำในสิ่งที่เราฝันได้สักครึ่งหนึ่ง  ผมก็ยินดีกับตัวเองแล้ว  แต่อัลบั้มไหน  ผมทำได้สัก 70% นั่นมันสุดยอดเลยนะ   และมันก็ไม่เกี่ยวกับยอดขาย   เช่นอัลบั้ม ๙ (ผลงานลำดับที่ 3 ของ Classy)  วางจำหน่ายหลังน้ำท่วม   ราวปี 2555  ..ชุดนี้ผมสร้างมันได้ใกล้เคียงกับที่เคยฝันมากที่สุด   แม้จะเป็นอัลบั้ม  ที่ขายได้น้อยที่สุดใน Classy ก็ตาม

.. “นักสร้างสรรค์” ต้องตื่นเต้นและสนุกไปกับการสร้าง   ต้องไม่มีอคติกับทุกเรื่องที่เราพบเห็น  ไม่ว่าจะคน หรือ สถานการณ์  และ ต้องจริงใจกับผลลัพธ์จริงๆที่จะเกิดขึ้นด้วย

.. ผมไม่ใช่คนที่เลือกจะยอมรับเฉพาะแต่สิ่งที่ผมชอบ  หรือทำสำเร็จในสายตาคนอื่นเสมอไป   ผมรับได้หมด  ไม่มีอคติ  ไม่มีข้อโต้แย้ง  นี่ต่างหากที่ผมว่าผมพอจะใกล้เคียงกับคำว่า “นักสร้างสรรค์” มากกว่าคำว่า “นักธุรกิจ”  เพราะในวันที่ผมแพ้  ผมหมด  วันรุ่งขึ้นผมก็ยังเอาอีก  ยังคงสนุกกับการ “คิดลงทุน” สร้างสรรค์ผลงานเพลงอัลบั้มใหม่ๆอีก  และจะกระตือรือร้นไปกับมันด้วยความสนุก  ทั้งๆที่เงินในกระเป๋าก็ยังไม่ค่อยจะมี  ..

1947524_815423125138024_1813354401_n

Classy Fanpage