Release Date
21/09/2022
Episodes
10 Episodes
Genre
Drama Thriller
Streaming
Netflix
Cast
Evan Peters Richard Jenkins
Our score
8.6[รีวิว] Dahmer – Monster: The Jeffrey Dahmer Story- เรียบ ๆ เรื่อย ๆ แต่เย็นยะเยือกถึงสันหลัง
จุดเด่น
- บทซีรีส์เล่าเรื่องราวของฆาตกรได้รอบด้าน เปี่ยมอารมณ์
- การแสดงของอีแวน ปีเตอร์สสร้างความขนลุกขนพองให้ผู้ชมได้อย่างล้ำลึก
- งานโปรดักชันดีไซน์จำลองยุคสมัยได้อย่างสมจริง
จุดสังเกต
- ช่วงแรกอาจรู้สึกช้าหน่อย แต่เมื่อชมไปเกิน 10 นาทีและปรับโหมดกับซีรีส์ได้จะบันเทิงมาก
-
การแสดง
9.0
-
โปรดักชัน
9.0
-
บทซีรีส์
9.0
-
ความบันเทิง
7.5
-
ความคุ้มค่าในการชม
8.5
ผูกปิ่นโตกันอย่างต่อเนื่องสำหรับ ไรอัน เมอร์ฟีย์ (Ryan Murphy) และทางเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ซึ่งในฐานะโชว์รันเนอร์มือวางอันดับหนึ่งด้านซีรีส์ระทึกขวัญแล้ว การหยิบจับเรื่องราวของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ (Jeffrey Dahmer) มาทำเป็นซีรีส์คราวนี้ย่อมต้องไม่ธรรมดา และแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องราวของดาห์เมอร์ถูกบอกเล่าบนจอ แต่เชื่อเถอะว่าซีรีส์ฉบับนี้มีความน่าสนใจอยู่ในน้อยเลยทีเดียว
ซีรีส์จะตัดสลับเหตุการณ์โดยเริ่มจากเหยื่อรายสุดท้ายที่ทำให้ดาห์เมอร์ถูกจับกุมตัวและมันจะย้อนกลับไปเล่าที่มาที่ไปของชีวิตฆาตกรต่อเนื่อง เริ่มจากชีวิตครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ไปจนถึงการเสพติดการชำแหละชิ้นส่วนร่างกายของหมูในคาบวิทยาศาสตร์สมัยเรียนมัธยมที่กลายเป็นบ่อเกิดของคดีฆาตกรรมกินเนื้อคนและทารุณกรรมทางเพศถึง 17 ศพ ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่คือเด็กหนุ่มที่เป็นเกย์สร้างคดีสะเทือนขวัญตลอดระยะเวลาถึง 13 ปี
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับการเล่าเรื่องของ ‘Dahmer’ คงหนีไม่พ้นเทคนิคการเล่าเรื่องแบบ สโลว์เบิร์น (Slowburn) ซี่งเป็นการเล่าเรื่องที่เน้นเก็บรายละเอียดให้คนดูได้ซึมซับอารมณ์และมโนสำนึกของฆาตกรแบบแทบจะได้นั่งคุยไหล่ชนไหล่กับดาห์เมอร์เลยด้วยซ้ำ บทหนังลึกถึงขั้นเจาะไปที่ชีวิตครอบครัวที่ก่อนตัวดาห์เมอร์จะเกิดเองเราก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติของผู้เป็นแม่แล้ว และยังพาเราไปรู้จักวัยเด็กของดาห์เมอร์ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพพ่อลูกที่ผูกพันกันด้วยการชำแหละซากสัตว์
ซึ่งสำหรับเรื่องบทนอกจากต้องชมเมอร์ฟีย์ที่มาร่วมเขียนบทแล้ว เอียน เบรนแนน (Ian Brennan) มือเขียนบทขาประจำของเมอร์ฟีย์ก็ได้โชว์ความจัดเจนในการผสมผสานข้อมูลจริงกับเรื่องแต่งได้อย่างกลมกล่อม และโดยเฉพาะการใช้คลิปเสียงการแจ้งความที่ทำให้เห็นความละหลวมของตำรวจก็ช่วยทำให้บรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจและชะตากรรมอันน่าสงสารของเหยื่อถูกเอามาวิพากษ์ในแง่ของความไร้ประสิทธิภาพของผู้บังคับใช้กฎหมายได้อย่างเห็นภาพอีกด้วย
และสำหรับนักแสดงที่ต้องชื่นชมที่สุดคงหนีไม่พ้น อีแวน ปีเตอร์ส์ (Evan Peters) ที่สวมบทบาท เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ได้อย่างน่าขนลุกขนพอง โดยปีเตอร์ส์ได้ทำให้บุคลิกที่ดูเฉยชาและดูปกติของดาห์เมอร์ ฉายแววอำมหิตออกมาได้ทุกครั้งที่ปรากฎตัว แต่ในขณะเดียวกันในซีนดราม่าเขาก็สามารถแสดงด้านที่เป็นมนุษย์มีอ่อนแอ มีเจ็บปวดของดาห์เมอร์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเลย
ทิ้งท้ายคงต้องบอกว่าใครที่จะเริ่มดูซีรีส์อาจจะต้องทำใจกับจังหวะการเล่าเรื่องที่เนิบช้าของมันสักหน่อยนะครับ ที่สำคัญคือไม่ใช่ซีรีส์ที่ดูไปรีดผ้าไปได้ด้วย เพราะในความเนิบช้า มันชักชวนคนดูเข้าสู่โลกอันมืดมิดของฆาตกรได้อย่างชวนขนลุกขนพอง และให้ข้อคิดที่สำคัญอย่างหนึ่งว่าสถาบันครอบครัวมีความสำคัญมากจริง ๆ ในการหล่อหลอมให้คนคนหนึ่งเติบโตมาเป็นคนดีหรือปัญหาของสังคม
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส