[รีวิว] The Empress ซีซี่ จักรพรรดินีแห่งรัก :  The Crown ผสม Bridgerton จนออกมาเป็น Sisi
Our score
7.6

แนว

โรแมนติก ดราม่า อิงประวัติศาสตร์

จำนวนตอน

6 ตอน (จบ ซีซัน 1)

ช่องทางรับชม

NETFLIX (มีพากย์ไทย)

[รีวิว] The Empress ซีซี่ จักรพรรดินีแห่งรัก :  The Crown ผสม Bridgerton จนออกมาเป็น Sisi
Our score
7.6

[รีวิว] The Empress ซีซี่ จักรพรรดินีแห่งรัก : The Crown ผสม Bridgerton จนออกมาเป็น Sisi

จุดเด่น

  1. โปรดักชันงานดีสมกับเป็นซีรีส์อิงประวัติศาสตร์ เสื้อผ้าหน้าผมและการให้สีที่คลาสสิค ดึงอารมณ์คนดูให้คล้อยตามและสร้างความรู้สึกความเข้าใจได้ง่าย ๆ ด้วยการเล่นสีเล่นแสง ในส่วนนี้ชอบมาก
  2. การเลือก Devrim Lingnau มารับบทซีซี่ เข้าใจเลยว่าการจะหานักแสดงที่สวยหวานเหมือนอย่างพระองค์จริงน่าจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็มีความใกล้เคียงกว่าเวอร์ชันอื่น ๆ ที่เคยสร้างออกมาแล้ว

จุดสังเกต

  1. เป็นการเขียนบทที่ใจร้ายมาก เพราะการที่สร้างซีซัน 1 มาแค่ 6 ตอน แล้วจะใส่รายละเอียดมากมายขนาดนี้ และจบซีซันด้วยการทิ้งท้ายในฉากที่น่าติดตามเอามาก ๆ ถือเป็นความโหดร้ายของคนเขียนบท จนทำให้ 6 ตอนที่มีกลายเป็น 6 ตอนที่ถึงจะกระชับไม่เยิ่นเย้อ แต่ก็สั้นเกินไปจนน่าโมโห
  • บท

    6.0

  • นักแสดง

    8.0

  • โปรดักชัน

    9.0

  • การดำเนินเรื่อง

    6.0

  • ความสนุกตามแนวซีรีส์

    9.0

ซีรีส์ภาษาเยอรมันที่มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงของ จักรพรรดินีเอลิซาเบธแห่งออสเตรีย-ฮังการี (Elisabeth von Österreich-Ungarn) ทรงมีพระนามลำลองว่า ซีซี่ (Sisi) เป็นราชวงศ์สตรีที่มีชื่อเสียงพระองค์แรกในยุโรป ทั้งในด้านของความงามที่เป็นเลิศในปฐพี จนจักรพรรดิแห่งออสเตรียเอ่ยปากขอหมั้นแทบไม่ทัน และในด้านของการเป็นสตรีนักแหกกฎที่ไม่ยอมจำนนต่อกฎระเบียบในพระราชวัง อีกทั้งยังทรงเป็นพระราชินีที่เป็นขวัญใจของประชาชนชาวฮังการี

เรื่องราวในซีรีส์ชุดนี้เล่าว่า เมื่อสมาชิกแห่งราชวงศ์วิทเทิลส์บัค นัดแนะกันเสด็จไปแปรพระราชฐานในอัปเปอร์เพื่อการดูตัวและแผนการหมั้นหมายระหว่าง ‘ฟรานซ์’ จักรพรรดิแห่งออสเตรีย (Philip Froissant) กับ ‘ดัชเชสเฮเลน’ แต่เมื่อวันแห่งการดูตัวมาถึงและองค์จักรพรรดิได้พบกับ ‘ดัชเชสเอลิซาเบธ’ หรือซีซี่ (Devrim Lingnau) เจ้าหญิงวัยกระเตาะจอมขบถแห่งบาวาเรีย ความงามและความเป็นตัวเองจนไม่เหมือนใครของพระองค์ ก็ทำให้จักรพรรดิหนุ่มตกหลุมรัก และไม่แยแสต่อดัชเชสเฮเลน พี่สาวของเธอ ทั้ง ๆ ที่แม่ของทั้งสองฝ่ายวาดหวังว่า ฟรานช์จะสนพระทัยในตัวเฮเลน

รักแรกพบของกษัตริย์หนุ่มในครั้งนี้ทำให้เหล่าผู้กุมอำนาจในราชสำนักเวียนนาไม่พอใจ โดยเฉพาะ *อาร์ชดัชเชสโซฟี พระมารดาของฟรานช์ ผู้นำที่กระหายอำนาจและกำลังจะเป็นพระสัสสุหรือแม่สามีของเธอในอนาคตอันใกล้ หลังพิธีอภิเษกสมรสซีซี่จึงต้องหาหนทางปกป้องอำนาจของตัวเองจากอาร์ชดัชเชสโซฟี รวมทั้งจากแม็กซี น้องชายของฟรานซ์ที่ต้องการขึ้นครองบัลลังก์เสียเอง แถมยังเปิดเผยความปรารถนาว่าต้องการซีซี่อย่างโจ่งแจ้ง

แค่นั้นยังไม่พอ กองทัพของศัตรูก็เคลื่อนตัวมาปักหลักที่ชายแดนของฮาพส์บวร์ก ประชาชนในเวียนนาเกิดการเคลื่อนไหวประท้วงต่อต้านองค์จักรพรรดิ เอลิซาเบธต้องดิ้นรนค้นหาบุคคลที่เธอจะสามารถไว้ใจได้ พร้อมกับไตร่ตรองสิ่งที่จะต้องสูญเสียเพื่อรักษาตำแหน่งจักรพรรดินี และการเป็นศูนย์รวมแห่งความหวังของประชาชนเอาไว้


*อาร์ชดัชเชส/อาร์ชดยุก เป็นบรรดาศักดิ์ยุโรปที่สถาปนาขึ้นในปี ค.ศ. 1358 เพื่อเป็นยศของผู้ครองแคว้นระดับอาร์ช ดัชชีที่มาจากราชวงศ์ฮาพส์บวร์กแห่งจักรวรรดิโรมัน อยู่ต่ำกว่าจักรพรรดิ/จักรพรรดินี แต่อยู่เหนือแกรนด์ดยุก/แกรนด์ดัชเชส


เมื่อ ‘The Crown’ ผสมกับ ‘Bridgerton’ จึงออกมาเป็น ‘ซีซี่’

เรารู้จัก ‘เดอะคราวน์’ ในฐานะซีรีส์อิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระราชประวัติของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเรายังรู้จัก ‘บริดเจอร์ตัน’ ซีรีส์แนวประวัติศาสตร์-โรแมนติกของอเมริกาที่สร้างจากนวนิยายของ จูเลีย ควินน์ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากเราจะรู้สึกราวกับว่า ซีซี่คือส่วนผสมของ เดอะคราวน์และบริดเจอร์ตัน เพราะนี่คือซีรีส์ที่มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงของจักรพรรดินีเอลิซาเบธแห่งออสเตรีย-ฮังการี ที่ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบผสมผสานระหว่างความจริงที่มีอยู่ในประวัติศาสตร์ และความโรแมนติกฉบับนิยายที่ในความเป็นจริงนั้น อาจไม่เคยมี

เราจะได้พบกับสาวน้อยจอมซนที่เป็นถึงดัชเชสแห่งบาวาเรีย แต่แก่นเซี้ยวและดื้อรั้น แต่สิ่งหนึ่งที่พระองค์มีอย่างโดดเด่นมากกว่าความแก่นจนแหกคอก ความเก่งกาจทางด้านภาษา บทกวีและการขี่ม้าแล้วนั้น พระองค์ยังมีรูปโฉมที่งดงามปานล่มเมือง จนได้รับการขนานนามว่าทรงเป็นราชินีที่สวยที่สุดในโลกในขณะนั้น และเราจะได้พบกับบทรักอันแสนหวาน เร่าร้อน วู่วามของพระ-นางในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นรักแรกพบที่ทั้งสองต่างมีใจให้กันปิ๊ง ๆ ชนิดเจอหน้าเพียงแวบเดียวก็ตกหลุมรักแสนง่าย

เป็นความรักที่ยอมแลกกับความบาดหมางของพี่น้อง และเป็นความรักท่ามกลางไฟสงครามที่กำลังจะปะทุในกาลข้างหน้า อีกทั้งยังเป็นความรักที่ต้องแบกทั้งพระราชภาระ ศักดิ์ศรีท่ามกลางความเกลียดชังและปัญหามากมายที่สั่นคลอนพระราชวงศ์ แน่นอนว่าเราจะเห็นภาพบรรยากาศของนิยายรักทำนองเดียวกับบริดเจอร์ตัน ผสมปนเปไปกับภาพบรรยากาศของละครอิงประวัติศาสตร์อย่างเดอะคราวน์ ที่คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งสองด้านอย่างลงตัว จนเราแอบวาดหวังเอาไว้ว่า ในชีวิตจริงของพระนางเอลิซาเบธแห่งออสเตรีย-ฮังการีพระองค์นี้ จะมีช่วงชีวิตช่วงหนึ่งที่ได้มีความรักแสนหวานอย่างในซีรีส์บ้างสักครั้ง จริง ๆ

การสื่อสารที่มีชั้นเชิงและเต็มไปด้วยศิลปะ

ซีรีส์ใส่ความเป็นละครโรแมนติกเอาไว้อย่างกลมกล่อม จนจูงเราให้เคลิ้มตามไปกับฉากรักแสนหวานและวาบหวิวของสองพระนางที่ต้องบอกว่าทั้งคู่ถ่ายทอดอารมณ์ของความรักฉันหนุ่มสาวออกมาได้อย่างละมุนละไม เป็นการนำเสนอความธรรมดาเฉกเช่นปุถุชน ที่หากสองคนนี้เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา เขาทั้งคู่อาจมีชีวิตรักที่สุขแล้วสุขอีก จนป่าเขาลำเนาไพรอาจส่งเสียงร้องว่า อิจฉานะ รักกันเบา ๆ หน่อย

ภาพบรรยากาศต่าง ๆ ถูกคลุมโทนเอาไว้ด้วยสีเขียว น้ำตาล ทอง ที่ให้ความรู้สึกคลาสสิก โรแมนติกแต่ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกหม่นเศร้า วังเวง เวิ้งว้างอย่างน่าใจหาย ส่งให้เห็นถึงความสวยงามหรูหราหากแต่เงียบเหงาและจอมปลอม บ่งบอกถึงความสุขที่ไม่ต้องการของซีซี่ การถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ การไร้ความสุขอย่างที่ควรจะเป็น และการต้องอยู่ท่ามกลางอำนาจและไร้เพื่อน เธอต้องการชีวิตอิสระอย่างที่เคยเป็น ความรู้สึกทั้งหมดของซีซี่ถูกถ่ายทอกออกมาผ่านแสง สี เสียงและอารมณ์ของตัวละครอย่างหมดเปลือก โดยที่ไม่ต้องมีบทพูดอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำ

เอลิซาเบธ ราชีนีผู้มาก่อนกาล

จริงอยู่ที่ซีรีส์นำเสนอเรื่องราวความรักในราชวงศ์ให้เราคล้อยตามไปแบบเคลิ้ม ๆ กับฉากโรแมนติกหลากหลายและเรื่องราวความรักของซีซี่กับฟรานซ์ โจเซฟเป็นหลักแรก แต่นั่นเป็นเพียงเนื้อหาซาบซึ้ง สนุกสนานที่กำลังหลอกล่อเราให้ติดกับทางการเมืองอย่างหน้าตาเฉย พร้อมด้วยการจิกกัดที่เจ็บแสบ ว่าความสุขความหรรษาที่เหล่าชนชั้นสูงกำลังเสวยสุข พวกเขาเหล่านั้นกำลังรื่นเริงบนคราบน้ำตาและความเดือดร้อนของประชาชน ด้วยการฉายภาพสุดคอนทราสต์สลับฉากอย่างโจ่งแจ้ง คล้ายกับการจงใจบอกว่าการล่มสลายของจักรวรรดินี้ในกาลข้างหน้า เป็นเพราะความถือดีและเห็นแก่ตนเองของคนในราชวงศ์ล้วน ๆ

ซีซี่รับรู้ถึงความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่ประชาชนได้รับจากการถูกเลือกปฏิบัติ รับรู้ถึงภัยสงครามที่กำลังจะเกิดในไม่ช้า และกระตือรือร้นที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือในฐานะจักรพรรดินี แต่สิ่งที่เธอคิดช่างห่างไกลกับความเป็นไปได้อย่างน่าหัวเราะ เป็นการนำเสนอด้านมืดของการเมืองในยุคนั้นพร้อมกับบอกเราว่า ถึงเธอจะเล็งเห็นและอยากยื่นมือเข้าช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดไหน แต่เธอก็เป็นเพียงสตรีที่ห้ามมีปากเสียง ห้ามโดดเด่นและห้ามแม้กระทั่งเก่งกว่าผู้ชาย

เพราะนั่นเท่ากับว่าเธอบังอาจตบหน้าชายชาตรีที่เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะทำ หน้าที่สำคัญที่จะทำให้เธอมีความหมายขึ้นมาได้ คือการให้กำเนิดทายาทเท่านั้น การเป็นจักรพรรดินีของเธอมีความหมายเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองเพื่อเชิดชูจักรวรรดิ ความเป็นมนุษย์ที่เธอได้ไม่ต่างจากประชาชนที่ถูกกดขี่ เธอถูกบีบคั้นจนเจ็บปวดและสิ่งเดียวที่เธอจะหวังพึ่งได้ คือความนิยมจากประชาชนเท่านั้น ซึ่งในจุดนี้ซีรีส์กำลังบอกว่า ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี ขอเพียงได้สัมผัสใกล้ชิดและมองด้วยใจที่ไม่อคติ เราจะเห็นอะไรที่แตกต่างมากกว่าที่คาดคิด

มากกว่าครึ่งของซีรีส์ 6 ตอนที่มี จึงเน้นย้ำไปที่สถานการณ์ทางการเมืองในสมัยนั้น ทั้งปัญหาจากภายในจักรวรรดิและปัญหาจากศัตรูภายนอกที่จ้องจะรุกราน ด้วยการให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ในช่วงนั้น ไดอะล็อกต่าง ๆ ถูกปรุงแต่งให้มีอรรถรส แต่ลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็เรียงร้อยมาได้อย่างเป็นระเบียบ เรียกว่าถ่ายทอดออกมาจนเราสามารถนึกขึ้นมาได้ว่า ในซีซัน 2 ที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ (แต่ต้องมานะ) เราจะได้เห็นเอลิซาเบธผู้มาก่อนกาล ราชีนีที่มีความสำคัญทางด้านการเมืองจนเกิดการเปลี่ยนแปลง และแน่นอนสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เราอาจจะได้เห็น

และจากฉากจบใน ep6 ที่เป็นฉากของการตัดสินใจเดินเข้าไปหาประชาชนและไปยืนอยู่ในวงล้อมโดยไม่กลัวอันตราย เป็นภาพที่ทำให้เห็นว่าในใจของพระนางคิดอย่างไร ซึ่งสามารถแปลได้หลายความหมายด้วยภาพเพียงภาพเดียว ว่าพระองค์เป็นจักรพรรดินีที่ห่วงใยและเข้าใจประชาชน ในขณะเดียวกันพระองค์ก็หวังพึ่งประชาชนให้เป็นเกราะกำบังจากราชวงศ์ไม่ต่างกัน พร้อมกับส่งสายตาที่ราวกับจะบอกว่า “เจอกันแน่อาร์ชดัชเชสโซฟีนังแม่ผัวมหาภัย รู้จักสะใภ้ยุคใหม่น้อยไปซะแล้ว” ซีซัน 2 ต้องมาเร็ว ๆ นะจ๊ะ เพราะพี่เล่นจบแบบนี้แล้วจะปล่อยให้ค้างเติ่งนาน ๆ ไม่ได้นะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส